กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงสื่อ เมื่อ“ช่อง 3”ยังคงท้าทายหน่วยงานภาครัฐอย่าง คณะกรรมการกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ด้วยการออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับคำสั่งโดยยังคงออกอากาศในระบบอะนาล็อก
ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นที่ช่อง 3 ต้องใช้เวลาของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” มาใช้ในการให้เหตุผลต่อประเด็นปัญหา ชวนให้สงสัยว่า เหตุใดช่อง 3 จึงต้องหวงแหนพื้นที่ในระบบอะนาล็อกถึงเพียงนั้น เบื้องลึกเบื้องหลังมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่หรือไม่!!
มหากาพย์ “ช่อง 3 vs กสทช.”
กลายเป็นหนังเรื่องยาวนับแต่การมาถึงของยุคทีวีดิจิตอล คนทำงานด้านสื่อหลายรายได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ - หน้าเก่าที่ลุกขึ้นประมูลช่องสัญญาณเปิดสถานีทีวีดิจิตอลของตนเอง โดยการเปลี่ยนจากยุคทีวีอะนาล็อกสู่ดิจิตอลนั้น เจ้าภาพในการจัดการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีคงหนีไม่พ้นหน่วยงานอย่าง กสทช.
ทว่าปัญหากลับเกิดขึ้นในหลายประเด็น ตั้งแต่ตลาดโฆษณาที่ยังไม่ให้การยอมรับ พฤติกรรมของผู้ชมในการรับชมช่องดิจิตอล ระบบวัดเรตติ้งที่ยังมีปัญหา กระทั่งถึงตัวผู้สร้างคอนเทนต์เองที่บางช่องสถานีเป็นหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาจับธุรกิจสื่อ
อีกประเด็นที่เป็นปัญหาขึ้นมาคือ ระบบอะนาล็อกที่โดยทั่วไปแล้วจะยกเลิกการออกอากาศไปเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านมาสู่ระบบดิจิตอล เมื่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ไม่ปฏิบัติตามเหมือนอย่างที่สถานีอื่นออกอากาศแบบคู่ขนานทั้งอะนาล็อกและดิจิตอล สิ่งนี้จึงกลายเป็นปัญหาที่กสทช.ต้องจัดการ เกิดเป็นมาตรการออกคำสั่งให้ช่อง 3 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์แครี่) ในวันที่ 25 พ.ค.2557
จากเหตุดังกล่าวนำมาซึ่งการฟ้องร้องที่ช่อง 3 เป็นฝ่ายยื่นสู้คดีกับกสทช. แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไปตามระเบียบเมื่อศาลตัดสินยกฟ้อง!
แต่จากนั้นก็ได้มีการเจรจาจนสามารถขอยืดเวลาไปอีก 100 วัน แต่เวลานั้นก็สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2557 ที่ผ่านมา...ช่อง 3 ถึงเวลาที่ต้องก้าวต่อไปทุกช่องอะนาล็อกต้องสิ้นสุดการออกอากาศลง ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือช่อง 3 ยังออกอากาศเหมือนเดิม!
กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายคนมองว่า กสทช. หรือจะเป็นเพียงเสือกระดาษ(อีกครั้ง) ขณะที่ช่อง 3 เองก็ออกแถลงการณ์ผ่านรายการข่าวของตัวเอง ทั้งให้ข้อมูลพร้อมให้เหตุผลในมุมของตัวเองเพื่อยื้อการออกอากาศในระบบเดิมไว้โดยมีการอ้างไปถึงคำสั่งของคสช.อีกด้วย
แต่ล่าสุดแม้จะอ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบ(คสช.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. กลับไม่นำพา พร้อมโต้ว่า “ผมอ่านคำสั่งคสช.ทุกฉบับ ไม่เห็นว่าตรงไหนจะเกี่ยวข้องกับการจัดระบบของกสทช. ไม่ต้องมาถามผม ไปทำหน้าที่ของตัวเอง”
กสทช.ยังดำเนินการอยู่!
“กสทช.กำลังดำเนินการอยู่ครับ ยังดำเนินการอยู่ ก็ประสานงานกันคุยกันอยู่” ผศ.ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) หลังจากช่อง 3 แถลงการณ์ดังกล่าวในช่วงเช้า ทั้งนี้ เขาเผยว่า สาเหตุที่ต้องยุติการออกอากาศครั้งนั้นมาจากแผนการปรับจากระบบเดิมสู่ระบบดิจิตอล พร้อมยันว่า สิ่งที่กสทช.เรียกร้องไม่ใช่การให้ช่อง 3 หยุดออกอากาศแต่ประกาศใด เป็นเพียงการเปลี่ยนรูปแบบการส่งสัญญาณเพื่อให้เป็นไปตามกติกาเท่านั้น
“ไม่ได้ระงับการออกอากาศนะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด จริงๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับไปสู่การออกอากาศระบบดิจิตอล เข้าใจง่ายสุดก็ทำเหมือนช่อง 7 ช่อง 9 ไทยพีบีเอส และอื่นๆ ไม่ได้ระงับ แต่ความหมายคือมันมีพื้นที่ดิจิตอลแล้ว”
ทั้งนี้ การออกอากาศในปัจจุบันของช่อง 3 ที่ไม่ได้ออกอากาศแบบคู่ขนานทั้งระบบอะนาล็อกและระบบดิจิตอลมาก่อนนั้นถือว่าผิดกฎ และไม่เป็นไปตามระเบียบของกสทช.
“คือมันมีอยู่ 2 ประเภท มีในรูปแบบของมัสต์แครี่ซึ่งจะสามารถมีโฆษณาได้ 12 นาทีใน 1 ชั่วโมง อีกส่วนทีวีอื่นๆ ก็อยู่ในรูปของเพล์ทีวี เป็นรูปแบบของทีวีดาวเทียมที่โฆษณาได้ 6 นาทีใน 1 ชั่วโมง คือมันต้องอยู่ใน 2 รูปแบบนี้ ช่อง 3 จะมาอยู่ในรูปแบบที่ 3 มันไม่ได้ มันไม่มีกลุ่มนั้นอยู่ แค่นั้นเอง มันไม่มีกฏควบคุม”
ในส่วนกรณีช่อง 3 เขาเห็นว่า ผู้ประกอบการมีช่องดิจิตอลที่ประมูลมาได้ถึง 3 ช่อง ควรจะมีการจัดทำเนื้อหาลงไปยังช่องเหล่านั้นบ้าง เพราะบางช่องอย่าง ช่อง 3 เอชดีกลับไม่มีคอนเทนต์ที่มากพอ บางช่วงเวลาถึงกับเปิดเพลงทิ้งร้างไว้
“ทุกวันนี้ทุกช่องก็ทำอย่างนั้นคือให้มันอยู่ 2 ประเภท ส่วนช่อง 3 ประมูลได้ 3 ช่องดิจิตอล เอชดีไม่มีเนื้อหาเลยนะ ปล่อยทิ้งว่างๆ อย่างนั้น เอาคัลเลอร์บาร์มาวางบ้าง มีร้องเพลงมาเปิดบ้าง คือทางกสทช.อนุญาตให้ได้แค่ 2 ประเภท ทุกช่องก็ไม่มีปัญหามีแต่ช่อง 3 ที่เป็นประเภทพิเศษไม่เหมือนใคร ตรงนี้ปัญหาคือกสทช.ไม่มีกฎมาควบคุม”
ในส่วนของรายได้จากโฆษณานั้น ถ้าทำแบบช่อง 7 ช่อง 9 ก็ยังคงมีโฆษณา 12 นาทีได้ ไม่ลดลง แต่จะหันไปออกอากาศแบบpay tv ให้มีระบบสมาชิกก็บังคับให้โฆษณาได้ 6 นาที เหตุผลที่ช่อง 3 ยังอยากอยู่ในระบบเดิมนั้น เขามองว่าเป็นเหตุผลของกลยุทธ์ในทางธุรกิจ ความคืบหน้าล่าสุดนั้น เขาเผยว่า กสทช.กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่
เอาเปรียบคู่แข่ง?
ในยุคทีวีดิจิตอลนั้น การเปลี่ยนผ่านค่อนข้างประสบปัญหาในหลายจุดแม้จะมีคอนเทนต์ที่ดีแต่โฆษณาก็ไม่เข้า ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลมาจากระบบเก่าที่ยังคงอยู่ การทำงานของตลาดโฆษณาจึงยังคงไม่ย้ายไปสู่สื่อดิจิตอล
ในฐานะผู้แข่งขันคนหนึ่งที่เพิ่งเปิดตัวในยุคดิจิตอล ฉัตรชัย ตะวันธรงค์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ไทยรัฐทีวี เจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของช่อง 3 ที่ปฏิเสธหรือชะลอการเปลี่ยนผ่านที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็เป็นการปกป้องผลประโยชน์ในทางธุรกิจซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
“ก็เข้าใจช่อง 3 ที่ทำธุรกิจแล้วก็พยายามจะรักษามูลค่าของธุรกิจเอาไว้ มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ ผมแค่ประหลาดใจนิดหน่อยที่ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของวงการ มีคนดูเยอะที่สุด ทำไมเขาไม่มาลงดิจิตอล?”
ทั้งนี้ การที่ช่อง 3 มีช่องดิจิตอลอยู่ในมือถึง 3 ช่อง เขาเห็นว่าช่อง 3 มีทางเลือกในการเดินเกมในเชิงธุรกิจที่จะโยกคอนเทนต์ซึ่งคนดูติดตามมายังช่อง 3 เอชดีได้อย่างง่ายดาย
“เขาก็จะได้โฆษณา 10 - 12 นาทีและได้มัสต์แครี่เหมือนเดิม หนวดกุ้งก็ดูได้เหมือนเดิม แต่เขาไม่ลงตามกฎหมาย”
ทว่าช่อง 3 ที่ยังออกอากาศอยู่ตอนนี้ไม่มีกฎกติกามาจำแนงได้ว่า อยู่ในกฎระเบียบใด
นั่นหมายความว่าช่อง 3 ก็ต้องแปลงสภาพเป็นโทรทัศน์เสริมไม่ใช่โทรทัศน์หลัก พอเป็นโทรทัศน์เสริมก็ต้องเข้าข่ายเหมือนโทรทัศน์อื่นๆ ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นดิจิตอล
“ผมไม่เรียกว่าเป็นดาวเทียม อะนาล็อก เพราะวันนี้คนที่ได้รับอนุญาตออกอากาศเป็นมัสต์แครี่มีแค่ 24 ช่องในฐานะเครื่อข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้รับเงื่อนไขคุ้มครองมัสต์แครี่และสามารถโฆษณาได้ 10 - 12 นาที ขณะเดียวกันช่องอื่นที่ไม่ได้ประมูลใบอนุญาตก็ทำได้แค่ขอใบอนุญาตประกอบการ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขโฆษณา 6 นาที เพราะเขาไม่ได้ประมูลใบอนุญาตแพงแบบ 24 ช่องนี้ ซึ่งช่อง 3 มีตั้ง 3 ช่องแล้วจะทิ้งร้างไว้ทำไม มันดูเหมือนเป็นการเอาเปรียบตลาด เอาเปรียบคู่แข่งขันอยู่”
..
คงต้องติดตามต่อไปว่า มหากาพย์ทีวีดิจิตอลครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ช่อง 3 จะดึงเกมลากยาวระบบอะนาล็อกด้วยเหตุผลใด หลังประมูลช่องดิจิตอลได้ถึง 3 ช่อง อีกทั้งยังมีคอนเทนต์ที่ทรงพลังที่สุดของประเทศ หรืออาจเป็นไปตามเสียงร่ำลือที่ว่า ช่อง 3 จงใจยึดหัวหาดครองตลาดตัดวงจรก่อนทีวีดิจิตอลจะเกิดอย่างเต็มตัว
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754