ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เป็นอันว่า เป็นที่ยุติเรียบร้อยแล้วสำหรับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2557 หลังราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ถ้าจะว่าไปแล้ว รายชื่อที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาก็มิได้แตกต่างไปจาก “โผ” ซึ่งปรากฏมาก่อนหน้านี้เท่าใดนัก มีเพียงบางตำแหน่งเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
มีทั้งผู้ที่สมหวัง…
มีทั้งผู้ที่ผิดหวัง....ซึ่งนั่นเป็นธรรมดาของการแต่งตั้งโยกย้าย
กระนั้นก็ดี ผู้ที่ผิดหวังที่ไม่อาจไม่กล่าวถึงในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ก็คือ “บิ๊กต๊อก-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก คนตัวเล็กใจใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และผู้บัญชาการทหารบก ทหารของประชาชนที่ถูกปรับย้ายให้พ้นจากไลน์อำนาจในกองทัพบกไปนั่งเก้าอี้ “รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด” อยู่ที่กองบัญชาการกองทัพไทย
“อุดมเดช” ผบ.ทบ. “ไพบูลย์” รอง ผบ.สส.
กล่าวสำหรับกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังคมให้ความสนใจมากที่สุดในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้นั้น มีตัวละครเอกที่ต้องจับตานับจากนี้เป็นต้นไปหลายต่อหลายคนด้วยกัน
เริ่มจาก 5 เสือ ทบ. เสือตัวแรกในตำแหน่งหัวแถวคือ “ผู้บัญชาการทหารบก” นั้น ไม่พลิกโผและนอนมาตั้งแต่ต้นจนจบสำหรับบูรพาพยัคฆ์ตัวที่ 4 ชื่อ “บิ๊กโด่ง-พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร” หลังจากก่อนหน้านี้มีบูรพาพยัคฆ์นั่งเก้าอี้ตัวนี้มาแล้ว 3 คนคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนอีก 4 เสือที่เหลือประกอบไปด้วย
1.บิ๊กนมชง-พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เพื่อนรัก ตท.12 คนสุดท้ายของ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ขยับจากผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก
2.บิ๊กหมู-พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ขยับเป็น พล.อ.ในเก้าอี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
3.บิ๊กติ๊ก-พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ ขยับเป็น พล.อ.ในเก้าอี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
และ 4.พล.ท.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเสนาธิการทหารบก เป็นเสนาธิการทหารบก
ทั้งนี้ หากดูเส้นทางจากการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้แล้ว ความน่าสนใจน่าจะหยุดอยู่ตรงที่เก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบกคนถัดไป เพราะตามธรรมเนียมแล้ว คนที่จะมาเป็น ผบ.ท.บ.ก็จะมาจาก 5 เสือ ทบ.ซึ่งเมื่อตัด พล.อ.ฉัตรชัยที่จะเกษียณในปี 2558 และ พล.ท.ฉัตรเฉลิมที่จะเกษียณในปี 2558 เช่นกัน ทำให้เหลือเพียงแค่ 2 ตัวเต็งในเก้าอี้ตัวนี้เท่านั้น นั่นคือ พล.ท..ธีรชัย และ พล.ท.ปรีชา
ถ้าว่ากันตามไลน์ เต็ง 1 ก็คือ พล.ท.ธีรชัย เต็ง 2 ก็คือ พล.ท.ปรีชา สำหรับผู้ที่อกหักในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้และจำต้องกล่าวถึงจะเป็นใครเสียไม่ได้นอกเสียจาก “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก นายทหารแห่ง “วงศ์เทวัญ” ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นตัวเต็งในการลุ้นเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบกกับ พล.อ.อุดมเดช เสียด้วยซ้ำไป
แรกเริ่มเดิมทีนั้น กระแสข่าวเกี่ยวกับตำแหน่งของ พล.อ.ไพบูลย์นั้นเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด โผแรกที่ออกมา พล.อ.ไพบูลย์จะขยับไปเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก โผที่สองที่ออกมาย้ายไปเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม และท้ายที่สุดชัดเจนแล้วว่า ถูกย้ายพ้นจากกองทัพบกไปเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดในอัตราจอมพลควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ส่วนคนที่มาแทนเก้าอี้ของ พล.อ.ไพบูลย์ในไลน์ 5 เสือ ทบ.มิใช่ใครอื่น หากแต่คือ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ขณะที่เก้าอี้ปลัดกระทรวงกลาโหมที่ปรากฏเป็นโผที่สองก็ตกเป็น พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เพื่อเป็นมือเป็นไม้ในการทำงานให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ถามว่า เป็นเรื่องที่ผิดปกติหรือไม่สำหรับเส้นทางชีวิตของ พล.อ.ไพบูลย์
ก็ต้องตอบว่า เป็นเรื่องธรรมดาและถือเป็นธรรมเนียมของทุกเหล่าทัพที่ถือปฏิบัติกันมาเช่นนี้เพื่อให้ผู้นำเหล่าทัพคนใหม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องระแวงว่า จะมีใครมาเลื่อยขาเก้าอี้
ตัวอย่างที่สุดคลาสสิกคือกรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับพล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร
นี่คือวิถีของ พล.อ.ไพบูลย์ “คนตัวเล็กใจใหญ่” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่คือวิถีของผู้ที่ทำงานปิดทองหลังพระเพื่อ “พี่ๆ” มาตลอด โดยเฉพาะการทำรัฐประหารรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีชายชาติทหารที่ชื่อ พล.อ.ไพบูลย์
พล.อ.ไพบูลย์ไม่ได้มีวันนี้เพราะพี่ให้
แต่พวกพี่ๆ มีวันนี้เพราะน้องคนนี้ให้
ถามว่า คนตัวเล็กใจใหญ่อย่าง พล.อ.ไพบูลย์เสียใจหรือไม่
ไม่มีใครตอบแทนได้
แต่ที่เชื่อได้แน่ๆ ก็คือ พล.อ.ไพบูลย์คงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะคนตัวเล็กใจใหญ่อย่างเขาพร้อมยอมรับคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทุกประการ
ไม่มีบูรพาพยัคฆ์ ไม่มีวงศ์เทวัญ สำหรับชายชาติทหารที่ชื่อ พล.อ.ไพบูลย์
หรือถ้าใช้ศัพท์วัยรุ่นก็ต้องบอกว่า หัวใจของ พล.อ.ไพบูลย์นั้นหล่อมาก
กระนั้นก็ดี แม้จะเป็นที่น่าเสียดายที่ พล.อ.ไพบูลย์จะต้องพ้นจากไลน์ 5 เสือ ทบ.และหลุดพ้นออกมาจากกองทัพบก แต่นับว่าโชคดีที่ ครม.ประยุทธ์ 1 มีทหารของประชาชนคนนี้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพราะเชื่อว่า พล.อ.ไพบูลย์จะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์อย่างแน่นอน
“บิ๊กโชย” แม่ทัพภาค 1วงศ์เทวัญคนแรกในรอบหลายปี
อย่างไรก็ตาม นอกจากตำแหน่ง 5 เสือ ทบ.แล้ว เห็นจะหนีไม่พ้นตำแหน่งแม่ทัพภาค ซึ่งต้องจับตามอง โดยในการแต่งตั้งโยกย้ายเที่ยวนี้ ไม่ได้พลิกโผอะไร โดย “บิ๊กโชย” พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ ก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และเชื่อว่าจะขยับเข้าสู่ไลน์ 5 เสือ ทบ.อย่างแน่นอน พร้อมทั้งให้ บิ๊กเข้-พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ซึ่งได้รับการจับตาว่า มีโอกาสก้าวขึ้นสู้เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป
กรณีของบิ๊กโชยนั้น ต้องบอกว่าน่าจับตามองไม่น้อย เพราะถือเป็นวงศ์เทวัญคนแรกในรอบหลายปีที่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 หลังจากบูรพาพยัคฆ์จับจองเก้าอี้ตัวนี้ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี
ด้าน พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพน้อยที่ 3 ก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 สืบต่อจาก พล.ท.ปรีชา พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 และพล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วนแม่ทัพภาคที่ 4 คนเดิมคือ พล.ท.วลิต โรจนภักดี ถูกย้ายข้ามห้วยไปเป็นรองเสนาธิการทหารที่กองบัญชาการกองทัพไทย
นอกจากนั้น ยังมีนายทหารคนดังที่ขยับยศและตำแหน่งอีกหลายคนด้วยกัน ได้แก่ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.ร.1รอ.ที่ย้ายมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเห็นเส้นทางแล้วต้องบอกว่าอนาคตของ “บิ๊กแดง” นั้นไม่ธรรมดา ส่วนคนที่มาเป็นแทนก็คือ พ.อ.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ โดยทั้งสองคนเป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญ
พล.ต.ไพโรจน์ ทองมาเอง ผบ.พล.ร.9 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ณัฐ อินทร์เจริญ จาก ผบ.มทบ.14 เป็น อบ.พล.ร.9 พล.ต.นิรันดร สมุทรสาคร เป็น ผบ.มทบ.14 และ พล.ต.สิงห์ทอง หมีทอง เป็น ผบ.มทบ.11
เสธ.ไก่อู พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ทบ.อดีต โฆษก ศอฉ.ที่ได้เป็นพลตรีในตำแหน่งผู้ชำนาญการ ทบ. พร้อมกับ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ทีมโฆษก คสช.ที่ได้เป็นพลตรีในตำแหน่งเดียวกัน
ด้าน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทย ก็เป็นไปตามโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ทุกประการคือ บิ๊กตี๋-พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ เสธ.บี้-พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม
ตท.13 นั่ง ผบ.ทร. 3 คนติด น้องรัก “บิ๊กจิน” คุมทัพฟ้า
ส่วนที่ กองทัพเรือ เที่ยวนี้มีประวัติศาสตร์ที่จะต้องจารจารึกเอาไว้ว่าเตรียมทหารรุ่นที่ 13 ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือถึง 3 คนติดต่อกันนับตั้งแต่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย และคนล่าสุด พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ โดยมี พล.ร.อ.ธนะรัตน์ อุบล เพื่อน ตท.13 อีกคนหนึ่งมานั่งเก้าอี้เสนาธิการทหารเรือ
แต่คนที่ลืมไม่ได้ก็คือ ทหารของประชาชนที่ชื่อ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือหรืออดีต ผบ.หน่วยซีลที่ก่อนหน้านี้ถูกโยกเข้ากรุ เที่ยวนี้ก็ยังคงไม่ได้กลับขึ้นสู่ตำแหน่งหลัก ทว่า ขยับจากพล.ร.ต.เป็น พล.ร.ท.ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. ขณะที่ พล.ร.ต.ธานี ผุดผาด ผบ.หน่วยซีลคนปัจจุบันกลับเข้ากรุงเป็น พล.ร.ท.ในตำแหน่งเจ้ากรมข่าวทหารเรือ โดยมี พล.ร.ต.ยุจ พิจิตรชุมพล เป็น ผบ.หน่วยซีลคนใหม่
สำหรับ กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ตัดสินใจเลือกน้องรัก “บิ๊กตู่” พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศตามโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ต้องถือว่า งานนี้ พล.อ.อ.ตรีทศสามารถฝ่ากระแสต้านเรื่องที่จบโรงเรียนนายร้อยจากประเทศเยอรมนี มิใช่จบจากโรงเรียนนายเรืออากาศได้เป็นผลสำเร็จ
ขณะที่เก้าอี้ตัวอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คือ พล.อ.ท.จอม รุ่งสว่าง รองเสธ.ทอ.ที่จบจากโรงเรียนนายเรืออากาศประเทศญี่ปุ่นมาเป็นเสนาธิการทหารอากาศในยศ พลอากาศเอก และที่ต้องจับตาเป็นพิเศษก็คือ 2 ตัวเต็ง ผบ.ทอ.ในอนาคต นั่นก็คือ พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ กฤษณคตุปต์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.อ.อ.ศิวเกียรติ์ ชเยมะ ผู้ทรงคุณพิเศษกองทัพอากาศเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ
และทั้งหมดนั้นคือนายทหารที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะเข้ามามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยนับจากนี้เป็นต้นไป