ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ต้องถือว่าเป็น “รัฐมนตรีคนแรก” ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เลยก็ว่าได้ สำหรับ “หม่อมเหลน” ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตรวจสอบจากสังคมอย่างกว้างขวาง จากกรณีการจัดซื้อ “ไมโครโฟน” สำหรับใช้ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ราคาตัวละ 1.45 แสนบาท.....
แถมชี้แจงเท่าไหร่ก็ยังไม่เคลียร์ และยิ่งชี้แจงก็ยิ่งทำให้สังคมความสับสนว่า ใครกันแน่คือผู้ที่ดูแลการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลครั้งล่าสุดครั้งนี้ ไม่ใช่สำนักนายกรัฐมนตรีดอกหรือ
แถมยังทำให้สังคมงุนงงหนักเข้าไปอีกเพราะมีการนำมาติดตั้งทั้งที่ไม่ได้มีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งถ้าว่ากันแบบไม่เกรงใจ คสช.ก็ต้องบอกว่า ไม่น่าจะถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุหรือครุภัณฑ์เสียด้วยซ้ำไป
ความจริง หม่อมเหลนไม่ได้ตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดซื้อ “โคตรไมค์” เป็นครั้งแรก หากแต่ก่อนที่จะได้รับความไว้วางใจจากบิ๊กตู่ให้มาเป็นรัฐมนตรีก็เคยสร้างความฮือฮามาให้เห็นแล้วหลายครั้ง
แต่ครั้งที่จำได้แม่นก็คือ การเปิดศึกกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเชื่อว่า ทุกคนยังคงจำกันได้ดี ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะมีการเปิดใจและเคลียร์ใจกันจนเป็นที่ยุติดังที่ปรากฏเป็นข่าว
ทว่า ก็ยังคงมีคำถามว่า ยุติแล้วจริงหรือ?
เห็นการเคลื่อนไหวของ “หม่อมเหลน” ในการทำงานหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ต้องบอกว่า น่าเป็นห่วงว่าจะเป็น “สายล่อฟ้า” ของครม.ประยุทธ์ 1 ไปอีกหลายเพลากันเลยทีเดียว
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก นายธีรพล ขุนเมือง (กลาง) ผู้ตรวจการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ ดร.สมยศ เจตน์เจริญรักษ์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการโรงเรียนพระดาบส ในนามของ “มูลนิธิพระดาบส” มอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด โดยมีนายยุทธศักดิ์ นฤชัยปราโมทย์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม เป็นผู้แทนรับมอบ ในฐานะองค์กรที่ร่วมให้การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ ได้แก่ “แผ่นยิปซัม ตราช้าง” เพื่อก่อสร้าง “บ้านพักศิษย์ มูลนิธิพระดาบส” น้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 2 หลัง ณ ลานกิจกรรม มูลนิธิพระดาบส เมื่อเร็วๆ นี้
ตามต่อด้วยความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ซึ่งมี ผศ. ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ เป็นหัวหน้าทีมวิจัย ที่ได้มีการพัฒนาต้นแบบกล่องควบคุมไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับใช้ติดตั้งในบ้านที่พักอาศัย เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายจากการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเครื่องแรกของ ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร การอาร์คของไฟฟ้า ไฟฟ้ารั่ว กระแสไฟฟ้าเกิน แรงดันไฟฟ้าไม่ปกติ นอกจากนั้นยังสามารถสื่อสารกับผู้ใช้ไฟฟ้าเพื่อควบคุม เปิดปิดและติดตามการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ด้วยตัวเอง จากทางไกลได้โดยผ่านทาง Smart Phone หรือ Tablet โดยผ่านแอปพลิเคชั่น อุปกรณ์ต้นแบบตู้รวมไฟอัจฉริยะนี้สามารถนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต ซึ่งราคาจะอยู่ประมาณเครื่องละ 8,500 บาทติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมของงานวิจัยได้ที่ 02-618-8740
ด้าน โรงเรียนสาธิต ม.รังสิตรังสิต จัดโครงการ “ทุนสาธิตรังสิตช้างเผือกสองสถาบัน” ขึ้น แก่นักเรียนใหม่ที่มีผลการเรียนดีและมีความประพฤติดีโดยลดเฉพาะค่าเล่าเรียน 100% ฟรี เพื่อส่งเสริมและสร้างเยาวชนคนเก่งที่มีคุณภาพแก่สังคมต่อไป โดยจะคัดเลือกจากการสอบแข่งขันนักเรียนเรียนดี เพื่อเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนสาธิต ม. รังสิต (ปทุมธานี) และโรงเรียนสาธิต ม. รังสิต (เชียงใหม่) ในปีการศึกษา 2558 สมัครขอรับทุนได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 พฤศจิกายน 2557ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.sbs.ac.th หรือ โทร. 053-442-208-9 หรือ 087-661-5151
และปิดท้ายกับรองศาสตราจารย์ ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พร้อมด้วย กิตติชัย ไกรก่อกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี ตัวแทนเครือข่ายแท็กซี่จิตอาสากระปุกบุญ และสวพ.91 ร่วมเปิดศูนย์แท็กซี่ นิว เจน (TAXI NEW GEN) ภายใต้โครงการเจ็นเอ (GEN A) เพื่อรับสมัครแท็กซี่สายพันธุ์ใหม่ หัวใจอาสา ที่เป็นมิตร ปลอดภัยไปทุกที่ พร้อมจัดอบรมและส่งเสริมบุคลิกภาพของคนขับแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการ ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อเร็วๆนี้
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
เลียบเลาะชายคาโลก
“แผ่นดินจีน” ครั้งหนึ่งได้เปิดประตูต้อนรับคณะผู้แทนราษฎรไทย และคณะผู้แทนนักประพันธ์ไทยอย่าง “กุหลาบ สายประดิษฐ์” ให้เข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีเพื่อปรับความเข้าใจระหว่างกัน ในขณะที่รัฐบาลไทยตอนนั้นได้ยื่นมือไปผูกสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาพร้อมกับดำเนินนโยบายปราบพวกนิยมฝ่ายซ้ายที่เข้าพวกกับจีนแดงอย่างถึงที่สุด
บรรยากาศประเทศไทยตอนนั้นจึงเรียกได้ว่าอยู่ในยุคล่าคอมมิวนิสต์ ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กระทำการยึดอำนาจ จอมพลป.พิบูลสงคราม จากนั้นก็มีการออกหมายจับเหล่าคณะของไทยที่ถูกตราหน้าว่าพวก “คอมมิวนิสต์” นำตัวไปส่งคุมขังที่คุกลาดยาว
จนถึงทุกวันนี้ ความทรงจำแห่งเกียรติยศดังกล่าวได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายซ้ายจดจำได้ไม่มีวันลืม
เลียบเลาะชายคาโลก เขียนโดยเสกสรรค์ ประเสริฐกุล หรือที่เรารู้จักกันดีในฐานะอดีตผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ.2516 โดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่บันทึกการเดินทางของเขาที่ได้ไปเยือนยังเขตลี่เจียงของมณฑลยูนนาน การไปเยือนยังดินแดนของอดีตพันธมิตรคอมมิวนิสต์ได้ทำให้คุณค่าของการอ่านหนังสือเล่มนี้มีความงดงามชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
ผู้เขียนยังได้นำพาผู้อ่านร่วมคณะเดินทางท่องดินแดนจีนสู่เทือกเขาหยูหลงและต้นน้ำแยงซี กระทั่งสูงชันสู่จุดหมายปลายทางของการแสวงหาคุณค่า ชีวิตที่อุทยานแห่งชาติ “จิวไช่โกว” ซึ่งมีทั้งหุบเขา สายน้ำ ทะเลสาบ และน้ำตกที่ถูกรังสรรค์กอปรเข้าด้วยกันขึ้นมาเป็นความงามของฉากหลังในการเดินทางครั้งนี้
อีกทั้งความจัดเจนทางด้านวรรณศิลป์ที่นุ่มนวล ตราตรึงผู้อ่านให้เปิดโลกทัศน์ดื่มด่ำไปแต่ละหน้า การผจญภัยจึงกลายเป็นความผูกพันงานเขียนของเขา ภายในระยะเวลาอันสั้น
การเดินทางขึ้นเขาด้วยความสูงชัน เสี่ยงอันตรายจึงเป็นความรู้สึกท้าทาย
และยังเป็นความรู้สึกที่ชนะใจผู้อ่านไปแต่ละหน้ายากจะวางลง
ว่าแล้วก็ลองหาซื้อมาอ่าน..หลบความวุ่นวายสักพักหนึ่งไปยังดินแดนที่โอบกอดด้วยม่านขุนเขาและสายน้ำกันเถิด
แสงเพ็ง