• รำลึก 101 ปี สมเด็จพระสังฆราช คอนเสิร์ตจีวัน BAND “สู่จิตเกษม”
มูลนิธิธรรมดี ร่วมกับกลุ่มศิลปะเปิดจิต และกัลยาณมิตร ร่วมจัดงาน 101 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก คอนเสิร์ตจีวัน BAND “สู่จิตเกษม” เพื่อเป็นอนุสรณียบูชา รำลึกถึงพระองค์ท่าน และประกาศพระเกียรติคุณให้กว้างไกล
พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวในการแถลงข่าวเปิดคอนเสิร์ตว่า “แม้เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว แต่คำสอนของพระองค์ยังก้องอยู่ในหัวใจ ยังสามารถที่จะสะท้อนออกมาในกาย วาจา ใจ ของเรา พระองค์ทรงเป็นต้นแบบ ทรงเป็นตัวอย่าง ให้เราเห็นว่า เราสามารถที่จะไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตมนุษย์คือความเกษม จิตที่เกษมสามารถที่จะไปถึงได้ มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่สุดเอื้อมของมนุษยชาติ”
ส่วน ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี กล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่งดงามมาก คอนเสิร์ตนี้จะเป็นกำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจ ให้พวกเราทำความดีจนถึงที่สุดได้ ทำพระนิพพานให้แจ้งได้ เดินตามทางของพระองค์สู่จิตเกษมได้ทุกคน”
คอนเสิร์ตครั้งนี้ประกอบด้วยบทเพลงที่กล่าวถึงพระประวัติ พระกรณียกิจ คำสอน วัตรปฏิบัติของพระองค์ท่าน ความกตัญญูกตเวทิตา เปิดคอนเสิร์ตด้วยธรรมบรรยาย “สู่จิตเกษม” โดย พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ พร้อมทั้งศิลปินชื่อดัง อาทิ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี, ภัทราวดี มีชูธน, มีสุข แจ้งมีสุข, อัยย์ วีรานุ, วีระพงษ์ ทวีศักดิ์ (พิณแก้ว), ก้องเกียรติ กองจันดี (เขียนทรายพระประวัติ) อิสริยา คูประเสริฐ, รัศมี ทองสิริไพรศรี, ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง และจีวันจูเนียร์
โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคม 2557 เวลา 14.00-17.30 น. ณ โรงละครสนามเสือป่า สำนักพระราชวัง (ติดลานพระบรมรูปทรงม้า) บัตรราคา 1,000 / 800 / 500 บาท มีจำหน่ายที่ ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ โทร. 0-2262-3456 รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้ “กองทุนเจริญธรรม” เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมส่วนพระองค์ในเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
• สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ขอความร่วมมือสื่อ ช่วยรณรงค์ให้คนไทยรักษาศีล 5
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า มหาเถรสมาคมได้จัดทำโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 โดยรณรงค์ให้ประชาชนคนไทย รักษาศีล 5 เพื่อใช้เป็นแนวทางสร้างความสุขแก่ประชาชนและประเทศชาติ โดยในโอกาสเข้าพรรษานี้ จึงขอความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง และสถานีวิทยุทั่วประเทศ ให้มีการอาราธนาศีล 5 ก่อนเปิดสถานี เพื่อให้ประชาชนได้เห็น และรับฟังทุกเช้า กระตุ้นเตือนให้คนไทยได้ระลึกถึงศีล 5
พร้อมทั้งขอความร่วมมือสื่อสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ลงข้อความเกี่ยวกับศีล 5 และคำเชิญชวนในหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นข้อความของศีล 5 ทุกวัน นอกจากนี้ ขอให้โรงเรียนทั่วประเทศจัดกิจกรรมรับศีล 5 ช่วงเช้าเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ เพื่อให้เด็กได้มีหลักปฏิบัติตั้งแต่วัยเรียนในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต นอกจากนี้ จะขอให้หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ได้อาราธนาจัดศีล 5 ก่อนจัดกิจกรรม ประชุมสัมมนาทุกครั้ง เพื่อเป็นการย้ำเตือนสติในการใช้ชีวิตด้วย
• คสช. เตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา มหาราชินี
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมเตรียมงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ว่า
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติระหว่างวันที่ 9 - 12 สิงหาคม 2557 ณ สวนอัมพร และลานพระราชวังดุสิต โดยมีกิจกรรมและการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 3 ช่วงเวลา ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกที่ทรงสนพระทัยงานด้านการแพทย์ ต่อด้วยงานศิลปาชีพ และสุดท้ายงานโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่ทรงงานแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงการจัดแสดงผลงานจากศูนย์ศิลปาชีพ การแสดงโขนพระราชทาน จัดแสดงศาลาทรงงานจำลอง และการแสดงแสงสีเสียง
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมหลักอีก 2 กิจกรรม คือ การจัดสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และการจัดสร้างภาพยนตร์สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยระบบฟิลม์ภาพยนตร์ขนาด 35 มม. จำนวน 2 เรื่อง ความยาวเรื่องละ 30 นาที เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในพื้นที่ภาคกลาง เรื่อง “ทศวรรษแรกของการทรงงาน” และในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรื่อง “ชัยชนะบนแผ่นดินอีสาน” และจัดสร้างภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 2 เรื่อง ความยาวเรื่องละ 30 นาที เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในพื้นที่ภาคเหนือ เรื่อง “ด้วยรัก” และพื้นที่ภาคใต้ เรื่อง “เสียงจากแดนใต้” โดยจะนำมาฉายรอบพิเศษ ในวันที่ 5 สิงหาคม 2557 ที่ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ศูนย์การค้าสยามพารากอน
สำหรับวันที่ 12 สิงหาคม จะมีการจัดงาน “12 สิงหาพระบรมราชินีนาถ” โดยมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีการจัดกิจกรรม อาทิ พิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า พิธีเดินเฉลิมพระเกียรติ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 183 รูป พิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. จะเป็นประธานในพิธีเปิดงานและจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล
• ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ จัดงาน “นวัตศิลป์ไทย เทิดไท้องค์ราชินี”
นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ได้กล่าวในการแถลงข่าวการจัดงาน “นวัตศิลป์ไทย เทิดไท้องค์ราชินี” ระหว่างวันที่ 8-12 สิงหาคม 2557 ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศได้จัดงานนี้ต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด “รักแม่ สวมเสื้อฟ้า พาแม่เที่ยว” โดยรณรงค์ให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าสีฟ้าในวันแม่แห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 82 พรรษา
ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมงานจะได้รับชมเรื่องราวพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการสร้างอาชีพด้านศิลปหัตถกรรมให้แก่พสกนิกร สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและงานศิลปหัตถกรรมไทย ให้ประชาชนได้เห็นถึงคุณค่า และเกิดความภาคภูมิใจ ชมนิทรรศการนิรมิตงานศิลป์ ร่วมทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอาหารกว่า 250 ร้าน และการแสดงคอนเสิร์ต โดยศิลปินนักร้องชื่อดังมากมาย
• สธ.ทุ่ม 120 ล้านบาท เปิด “ศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็ง”
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ว่า ขณะนี้โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยมากเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมากว่า 10 ปี ข้อมูลล่าสุดในปี 2555 ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งรวม 63,272 ราย โดยกว่าครึ่งเป็นชาย
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งแก้ไข โดยในปี 2556-2560 ได้พัฒนาระบบบริการ แบ่งออกเป็นเขตบริการสุขภาพทั้งหมด 12 เขตภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ ใกล้บ้าน และกำหนดให้ทุกเขตฯ จัดบริการสาขาเฉพาะทาง 10 สาขา เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด อุบัติเหตุ สุขภาพจิตและจิตเวช ทารกแรกเกิด จักษุวิทยา โรคไต เป็นต้น
โดยในเขตบริการสุขภาพที่ 2 มี 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก เพชรบูรณ์ และสุโขทัย ได้ยกระดับโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ที่สุดในเขตฯ และให้บริการรักษาโรคมะเร็งมาตั้งแต่ปี 2553 ให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งทุกชนิดแบบครบวงจร มาตรฐานสากล โดยได้จัดสรรงบประมาณกว่า 120 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องมือที่ทันสมัย อาทิ เครื่องฉายรังสี เครื่องจำลองการรักษาแบบ 3 มิติ(CT Simulator) เครื่องเร่งอนุภาค ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็ง โดยไม่มีผลต่อเนื้อเยื่ออื่น เครื่องฉายรังสีระยะใกล้ เครื่องใส่แร่ เป็นต้น
ด้านนายแพทย์ศิวฤทธิ์ รัศมีจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช กล่าวว่า หลังจากที่โรงพยาบาลฯเป็นศูนย์เชี่ยวชาญแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ โดยเปิดให้บริการวันละ 16 ชั่วโมง มีแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรด้านมะเร็งให้บริการรวม 40 คน คาดว่า จะให้บริการผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,500 ราย
• กรมการแพทย์เปิดตัว ศูนย์โรคปอดจากการประกอบอาชีพ
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์โรคปอดจากการประกอบอาชีพ สถาบันโรคทรวงอก จังหวัดนนทบุรี ว่า รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2545 – 2552 ในกลุ่มโรคปอดและระบบทางเดินหายใจ พบผู้ป่วยจำนวน 795 ราย ถือเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่ง เพราะมีอุบัติการณ์สูง และอาจรักษาไม่หายเมื่อโรคมีความรุนแรงมาก แต่ก็สามารถป้องกันได้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันโรคจากการประกอบอาชีพ ยังเป็นปัญหาและมีการรายงานผู้ป่วยน้อยกว่าความเป็นจริง รวมทั้งยังไม่มีสถาบันหรือหน่วยบริการทางสุขภาพ ที่จะเป็นแกนหลักในการรองรับการตรวจวินิจฉัย รวมทั้งดูแลผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคปอดจากการประกอบอาชีพ อย่างครบวงจรในระดับประเทศ
ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นในการจัดตั้ง และพัฒนาศูนย์โรคปอดจากการประกอบอาชีพ ภายใต้ความดูแลของสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ ในฐานะที่เป็นสถาบันหลักในการดูแลผู้ป่วยด้วยโรคระบบหายใจของประเทศ เพื่อดูแลผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคปอดจากการประกอบอาชีพอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน วินิจฉัยรักษา และฟื้นฟู รวมทั้งเป็นหน่วยงานหลักในการศึกษาวิจัย และพัฒนาองค์ความรู้และวิชาการ ตลอดจนเป็นสถาบันในการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 164 สิงหาคม 2557 โดย กองบรรณาธิการ)