00 เป็นไปตามคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกฯ ที่แย้มออกมาก่อนหน้านี้จะมีการผ่อนคลายประกาศกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ ที่ไม่มีผลกระทบทางด้านความมั่นคง โดยมอบหมายให้ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะหัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบไปสรุปสถานการณ์ในภาพรวม ว่าจะหาทางผ่อนคลายได่อย่างไรบ้าง แต่ย้ำว่าไม่ใช่ช่วงนี้ สรุปว่า "ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก" ทั้งหมดทั่วประเทศ เพียงแค่ผ่อนคลาย ซึ่งอาจยกเลิกบางพื้นที่ด้านการท่องเที่ยว ไม่อ่อนไหวในทางการเมือง ซึ่งการผ่อนคลายดังกล่าว ต้องการกระตุ้นทางเศรษฐกิจด้าน การท่องเที่ยว ถือว่าเป็นแหล่งรายได้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ
00 แม้ว่ามีความรู้สึกตรงกันว่า การประกาศ "กฎอัยการศึกแบบไทยๆ" ไม่ได้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้านทั่วไป ตรงข้ามหลายคนอาจรู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมเสียอีก อีกทั้งนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากชาติในย่านเอเซีย จากจีน และประเทศอาเซียนบางประเทศยังเข้มงวดกว่าบ้านเราหลายเท่า ก็มีความรู้สึกเคยชินไม่มีปัญหา แต่ปัญหาก็มักจะเกิดกับพวกยุโรป ตะวันตก "พ่อนักประชาธิปไตย" ทั้งหลายที่ตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้ ทำให้มีต้นทุนด้านการท่องเที่ยว มีผลในด้าน"ประกันภัย" ก็ต้องยอมรับว่ามีผลด้านรายได้ทางด้านนี้ไม่น้อย ดังนั้นจึงชัดเจนแน่นอนแล้วว่าจะต้องมีการยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว คาดว่าคงมีการประกาศหลังจากรัฐบาล"ประยุทธ์ 1" เข้าทำงานอย่างเป็นทางการแล้ว !!
00 เริ่มเดินเครื่องเข้าสู่โรดแมป ขั้นที่ 2 หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้นโยบายในแนวทางคัดเลือก สปช. รวมทั้งแนวทางปฏิรูปในวันหน้า ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้แสวงหาอำนาจ และมีภารกิจภายใน 10 เดือน หรืออย่างช้าไม่เกิน 1 ปี อย่างไรก็ดี ทุกอย่างจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยการกระทำจริงเท่านั้น และที่สำคัญชาวบ้านกำลังเฝ้าจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิด คงไม่อาจให้ออกนอกลู่นอกทางเป็นอันขาด !!
00 นับจากวันนี้คงไม่เกินต้นสัปดาห์หน้า อย่างที่กำหนดเอาไว้ว่า รัฐบาล "ประยุทธ์1" น่าจะเริ่มประชุมครม.นัดแรก ในวันอังคารที่ 9 ก.ย. เริ่มลุยกันทันที ระหว่างนี้ก็บริหารในนาม คสช.ไปพลางก่อน เมื่อมีรัฐบาลแล้วค่อยลดระดับลงเหลือแค่งานดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเริ่มทำงานก็รับไม้ต่อได้ทันที ไม่ต้องรอศึกษางาน เพราะตัวหลักในคสช. ก็โยกไปนั่งเป็น รมต.กันแทบทั้งหมด ตั้งแต่นายกฯ ลงมา อย่างไรก็ดี " งานหิน" ที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ที่น่าเป็นห่วงกลับเป็น "เรื่องเศรษฐกิจ-ปากท้อง" มากกว่า เพราะเมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายนอกกลับไม่เป็นใจ การส่งออกกลับมาติดลบอีก เป้าหมายที่คาดหมายว่าจีดีพีทั้งปี จะโตร้อยละ 2 มาถึงตอนนี้เริ่มยอมรับความจริงกันมาขึ้นแล้วว่า เต็มที่น่าโตได้แค่ร้อยละ 1-1.5 เท่านั้น แม้ว่าในปี 58 จะยังมีความหวังว่าต้องโตตามเป้าถึงร้อยละ 5 แต่ความหมายก็คือรัฐบาลชุดนี้เป็นชุดเฉพาะกิจ หากผลงานด้านปากท้องไม่น่าประทับใจมันย่อมมีผลต่ออนาคตตามมา ก็ต้องภาวนาให้ทุกอย่างสำเร็จให้ได้
00 เริ่มขยับเข้ามาตามขั้นตอนมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับครอบครัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ล่าสุดทนายความส่วนตัว สิงห์ทอง บัวชุม ได้เปิดเผยว่า "น้องไปป์" ลูกชายของเธอได้ลาออกจากโรงเรียนในไทย เพื่อไปสมัครเรียนที่ประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คราวก่อนช่วงไปฉลองวันเกิดพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ได้บอกว่าไปหาสถานที่เรียนไว้ล่วงหน้า และยืนยันว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่หนีคดีทุจริตจำนำข้าวอย่างแน่นอน เอาเป็นว่า ไม่หนีก็ไม่หนี เพราะตอนนี้ยังมีเวลาอีกนาน ยังอยู่ในชั้นอัยการที่ต้องชี้ขาดว่า จะส่งฟ้องหรือไม่ หากฟ้องก็ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังยื้อได้อีกนาน ยังทำเรื่องขอเดินทางไปต่างประเทศได้อีกหลายรอบ รอบต่อไปก็ขออนุญาตเพื่อไปส่งลูกเข้าเรียนที่อังกฤษ มันก็มีเหตุผลอยู่ไม่ใช่หรือ แต่ถึงอย่างไรมันก็ "เข้าเค้า" นะ !!
00 สำหรับสถานการณ์ชายแดนใต้ เริ่มมีทิศทางในทางบวกมากกว่าเดิม ทำให้มีความหวังมากขึ้น โดยเฉพาะเอกภาพในการแก้ปัญหา หลังจากมี คสช. และเวลานี้หัวขบวนที่ขับเคลื่อนอยู่มือของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ว่าที่ ผบ.ทบ. และรมช.กลาโหม ปัจจุบันทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) กำลังจะมีการกำหนดคณะเจรจากับตัวแทนของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทุกกลุ่ม โดยมีมาเลย์ฯ เป็นผู้อำนวยความสะดวกเช่นเดิม การเปลี่ยนแปลงจากที่เคยเจรจาเน้นเฉพาะบางกลุ่ม เช่น พูโล บีอาร์เอ็นฯ เหมือนในอดีต แต่จะเน้นหารือกับทุกกลุ่มเพื่อให้เกิดผลแท้จริง จากรายงานบอกว่า ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯสมช. เตรียมเดินทางไปมาเลย์ฯ ในราวกลางเดือนนี้
00 แต่ที่น่าจับตาก็คือ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางทหารมาเลย์ในรัฐกลันตัน ได้จับกุมผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมอาวุธสงคราม 4 กระบอก ความหมายก็คือ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ทำให้เห็นแนวโน้มในการแก้ปัญหาในทางบวก เพราะต้องไม่ลืมว่า ปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหาชายแดนใต้ ต้องได้รับความร่วมมือจากมาเลเซียด้วย !!
00 แม้ว่ามีความรู้สึกตรงกันว่า การประกาศ "กฎอัยการศึกแบบไทยๆ" ไม่ได้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้านทั่วไป ตรงข้ามหลายคนอาจรู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมเสียอีก อีกทั้งนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากชาติในย่านเอเซีย จากจีน และประเทศอาเซียนบางประเทศยังเข้มงวดกว่าบ้านเราหลายเท่า ก็มีความรู้สึกเคยชินไม่มีปัญหา แต่ปัญหาก็มักจะเกิดกับพวกยุโรป ตะวันตก "พ่อนักประชาธิปไตย" ทั้งหลายที่ตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้ ทำให้มีต้นทุนด้านการท่องเที่ยว มีผลในด้าน"ประกันภัย" ก็ต้องยอมรับว่ามีผลด้านรายได้ทางด้านนี้ไม่น้อย ดังนั้นจึงชัดเจนแน่นอนแล้วว่าจะต้องมีการยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว คาดว่าคงมีการประกาศหลังจากรัฐบาล"ประยุทธ์ 1" เข้าทำงานอย่างเป็นทางการแล้ว !!
00 เริ่มเดินเครื่องเข้าสู่โรดแมป ขั้นที่ 2 หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้นโยบายในแนวทางคัดเลือก สปช. รวมทั้งแนวทางปฏิรูปในวันหน้า ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้แสวงหาอำนาจ และมีภารกิจภายใน 10 เดือน หรืออย่างช้าไม่เกิน 1 ปี อย่างไรก็ดี ทุกอย่างจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยการกระทำจริงเท่านั้น และที่สำคัญชาวบ้านกำลังเฝ้าจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิด คงไม่อาจให้ออกนอกลู่นอกทางเป็นอันขาด !!
00 นับจากวันนี้คงไม่เกินต้นสัปดาห์หน้า อย่างที่กำหนดเอาไว้ว่า รัฐบาล "ประยุทธ์1" น่าจะเริ่มประชุมครม.นัดแรก ในวันอังคารที่ 9 ก.ย. เริ่มลุยกันทันที ระหว่างนี้ก็บริหารในนาม คสช.ไปพลางก่อน เมื่อมีรัฐบาลแล้วค่อยลดระดับลงเหลือแค่งานดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเริ่มทำงานก็รับไม้ต่อได้ทันที ไม่ต้องรอศึกษางาน เพราะตัวหลักในคสช. ก็โยกไปนั่งเป็น รมต.กันแทบทั้งหมด ตั้งแต่นายกฯ ลงมา อย่างไรก็ดี " งานหิน" ที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ที่น่าเป็นห่วงกลับเป็น "เรื่องเศรษฐกิจ-ปากท้อง" มากกว่า เพราะเมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายนอกกลับไม่เป็นใจ การส่งออกกลับมาติดลบอีก เป้าหมายที่คาดหมายว่าจีดีพีทั้งปี จะโตร้อยละ 2 มาถึงตอนนี้เริ่มยอมรับความจริงกันมาขึ้นแล้วว่า เต็มที่น่าโตได้แค่ร้อยละ 1-1.5 เท่านั้น แม้ว่าในปี 58 จะยังมีความหวังว่าต้องโตตามเป้าถึงร้อยละ 5 แต่ความหมายก็คือรัฐบาลชุดนี้เป็นชุดเฉพาะกิจ หากผลงานด้านปากท้องไม่น่าประทับใจมันย่อมมีผลต่ออนาคตตามมา ก็ต้องภาวนาให้ทุกอย่างสำเร็จให้ได้
00 เริ่มขยับเข้ามาตามขั้นตอนมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับครอบครัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ล่าสุดทนายความส่วนตัว สิงห์ทอง บัวชุม ได้เปิดเผยว่า "น้องไปป์" ลูกชายของเธอได้ลาออกจากโรงเรียนในไทย เพื่อไปสมัครเรียนที่ประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คราวก่อนช่วงไปฉลองวันเกิดพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ได้บอกว่าไปหาสถานที่เรียนไว้ล่วงหน้า และยืนยันว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่หนีคดีทุจริตจำนำข้าวอย่างแน่นอน เอาเป็นว่า ไม่หนีก็ไม่หนี เพราะตอนนี้ยังมีเวลาอีกนาน ยังอยู่ในชั้นอัยการที่ต้องชี้ขาดว่า จะส่งฟ้องหรือไม่ หากฟ้องก็ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังยื้อได้อีกนาน ยังทำเรื่องขอเดินทางไปต่างประเทศได้อีกหลายรอบ รอบต่อไปก็ขออนุญาตเพื่อไปส่งลูกเข้าเรียนที่อังกฤษ มันก็มีเหตุผลอยู่ไม่ใช่หรือ แต่ถึงอย่างไรมันก็ "เข้าเค้า" นะ !!
00 สำหรับสถานการณ์ชายแดนใต้ เริ่มมีทิศทางในทางบวกมากกว่าเดิม ทำให้มีความหวังมากขึ้น โดยเฉพาะเอกภาพในการแก้ปัญหา หลังจากมี คสช. และเวลานี้หัวขบวนที่ขับเคลื่อนอยู่มือของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ว่าที่ ผบ.ทบ. และรมช.กลาโหม ปัจจุบันทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) กำลังจะมีการกำหนดคณะเจรจากับตัวแทนของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทุกกลุ่ม โดยมีมาเลย์ฯ เป็นผู้อำนวยความสะดวกเช่นเดิม การเปลี่ยนแปลงจากที่เคยเจรจาเน้นเฉพาะบางกลุ่ม เช่น พูโล บีอาร์เอ็นฯ เหมือนในอดีต แต่จะเน้นหารือกับทุกกลุ่มเพื่อให้เกิดผลแท้จริง จากรายงานบอกว่า ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯสมช. เตรียมเดินทางไปมาเลย์ฯ ในราวกลางเดือนนี้
00 แต่ที่น่าจับตาก็คือ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางทหารมาเลย์ในรัฐกลันตัน ได้จับกุมผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมอาวุธสงคราม 4 กระบอก ความหมายก็คือ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ทำให้เห็นแนวโน้มในการแก้ปัญหาในทางบวก เพราะต้องไม่ลืมว่า ปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหาชายแดนใต้ ต้องได้รับความร่วมมือจากมาเลเซียด้วย !!