xs
xsm
sm
md
lg

เจาะเลือด หญิงกินีอีก ลุ้นไม่พบอีโบล่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-เจาะเลือดหญิงกินีตรวจหาเชื้อ "อีโบลา" รอบ 2 "หมอประเสริฐ" ยันหากไม่พบเชื้อปล่อยตัวกลับบ้านได้ทันที ขณะที่ผลตรวจกรมวิทย์ฯ พบเป็นเชื้อมาลาเรีย รพ.อภัยภูเบศรยก "ฟ้าทะลายโจร" ความหวังป้องกันอีโบลา

วานนี้ (3 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมควบคุมโรค ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค (คร.) ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแนวทางชันสูตรและวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ได้แถลงข่าวความคืบหน้าอาการของหญิงชาวกินี อายุ 24 ปี ซึ่งเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีโบลา ภายหลังประชุมร่วมกับ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะทำงาน

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐกล่าวว่า หญิงชาวกินีคนดังกล่าว นับเป็นผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีโบลารายแรก โดยผลการตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการครั้งที่ 1 ให้ผลเป็นลบ คือ ไม่พบเชื้ออีโบลา จากการติดตามอาการพบว่า ขณะนี้อาการดีขึ้น ไม่มีไข้มา 2 วัน โดยจะเจาะเลือดตรวจยืนยันซ้ำรอบ 2 ซึ่งนับเป็นวันที่ 5 ของการป่วย คาดว่าจะได้ผลตรวจยืนยันในวันที่ 6 ก.ย.

ทั้งนี้ หากผลการตรวจยืนยันรอบ 2 ยังคงไม่พบเชื้อ ก็สามารถปล่อยตัวหญิงรายดังกล่าวกลับบ้านได้ รวมถึงไม่ต้องติดตามเฝ้าระวังผู้ที่มีประวัติสัมผัสหญิงรายดังกล่าวอีก 16 คน เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยและผู้สัมผัสต้องเป็นกังวล แต่หากผลออกเป็นบวกก็จะให้การรักษาผู้ป่วย และต้องติดตามอาการผู้สัมผัสทั้ง 16 คน จนกว่าจะพ้นระยะการฟักตัวของโรค คือ 21 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หญิงรายดังกล่าวป่วยด้วยโรคอะไร หากไม่ได้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า ผู้ป่วยมาด้วยอาการไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ อาการเริ่มต้นคล้ายอีโบลา และไข้หวัดใหญ่ จึงสงสัยว่าป่วยเป็นโรคอีโบลาเนื่องจากมาจากประเทศที่มีโรคชุกชุมและระบาด แต่จากการตรวจเชื้อทั้งอีโบลาและไข้หวัดใหญ่ต่างให้ผลเป็นลบ คือ ไม่พบเชื้อ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าป่วยด้วยโรคอะไร ซึ่งต่อไปนี้หากพบผู้เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรคอีก จะต้องมีการตรวจวิเคราะห์เชื้อทั้งหมดในคราวเดียว เพื่อดูว่าผู้ป่วยป่วยด้วยโรคใด

เมื่อถามว่าต้องมีการปรับปรุงระบบในการเฝ้าระวังเพิ่มเติมหรือไม่ ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้ นับเป็นเคสแรกที่ตรวจพบนับแต่เริ่มระบบ หากพบว่าระบบยังคงทำงานได้ดี มีความลื่นไหล ก็ให้คงไว้ตามเดิมไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่หากมีจุดใดที่บกพร่องก็ต้องแก้ไขไปตามระบบ

สำหรับการสอบสวนโรคยังยึดตามหลักเกณฑ์เดิมในผู้ป่วย 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค คือ มีไข้ และเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด 2.กลุ่มสงสัยว่าติดเชื้อ คือ มีอาการชัดเจนกว่ากลุ่มแรก คือ มีเลือดออก 3.อาการน่าจะเป็น คือ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยในพื้นที่ แต่ยังไม่มีผลตรวจยืนยัน และ 4.มีผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการชัดเจน

ส่วนการพบผู้ป่วยอีโบลาเพิ่มที่ประเทศเซเนกัลนั้น มีไม่กี่ราย องค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศให้เป็นเขตโรค ดังนั้น มาตรการของไทยที่เฝ้าระวังประเทศที่มีการระบาดยังคงไว้ดังเดิมที่ 3 ประเทศ 1 เมือง คือ กินี เซียร์ราลีโอน ไลบีเรีย และเมืองลากอล ประเทศ ไนจีเรีย

นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า นอกจากตรวจหาเชื้ออีโบลาแล้ว กรมฯ ยังตรวจหาเชื้อเพื่อเปรียบเทียบเชื้อของโรคในเขตร้อน 8 ชนิดด้วย ซึ่งขณะนี้ยืนยันได้แล้วว่า หญิงรายดังกล่าวป่วยด้วยเชื้อมาลาเรีย ทั้งนี้ การตรวจยืนยันเชื้ออีโบลา ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก คือ จะเริ่มตรวจพบเชื้อเมื่อมีไข้ในวันที่ 3 และพบเชื้อได้แน่นอนเมื่อมีไข้วันที่ 5 ดังนั้น หญิงรายดังกล่าวจึงต้องมีการตรวจซ้ำอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากพบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีก กรมฯ ได้วางแผนการตรวจให้เร็วขึ้นและตรวจเชื้อให้ได้ข้อสรุปในครั้งเดียวว่า เจ็บป่วยด้วยเชื้ออะไร เพื่อให้สังคมคลายความสงสัยและมั่นใจ

ทางด้านการป้องกัน ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้าโครงการสาธิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ขณะนี้หลายคนกังวลเรื่องโรคอีโบลา เนื่องจากยังไม่มียารักษา แต่ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง เพราะมีสมุนไพรชนิดหนึ่งช่วยในแง่การป้องกันได้ คือ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีคุณสมบัติจับไกลโคโปรตีน (Glycoprotien) ได้ โดยการวิจัยของอินเดียพบว่า ไวรัสอีโบลา และไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีโครงสร้างเป็นไกลโคโปรตีน (Glycoprotein) เหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมา เราทราบดีว่าฟ้าทะลายโจรมีคุณสมบัติจับไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ ทำให้เชื้อไวรัสอ่อนกำลังลง นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจรยังเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และลดการอักเสบ จึงถือเป็นความหวังในการป้องกันไวรัสได้

ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการหารือกับ พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ผศ.จักร แสงมา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการศึกษาโครงสร้างดังกล่าวว่า สามารถจับเชื้อไวรัสต่างๆ ได้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้จะยืนยันไม่ได้ว่า ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคไวรัสอีโบลา แต่ก็มีประโยชน์ในแง่เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ลดอาการอักเสบต่างๆ ซึ่งหากมีการปลูกไว้ตามบ้านเรือนก็ถือเป็นเรื่องดี ดีกว่าไม่มีเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น