xs
xsm
sm
md
lg

อปท.ตั้งวงอัดคสช.รวมศูนย์ ซัดต้นตอปัญหา-บีบคืนสิทธิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (27ส.ค.) ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กทม. สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) ได้จัดงานประชุมวิชาการ การปาฐกถาพิเศษ และเสวนาเรื่อง"การปกครองท้องถิ่นรูปแบบเทศบาลกับการปฏิรูปประเทศไทย" โดยมีนายกเทศมนตรี นายกเทศมนตรีเมือง และนายกเทศมนตรี ที่จะครบวาระในปี 2557 ประธานสันนิบาตจังหวัด ประธานสันนิบาตภาค กรรมาธิการบริหาร ส.ท.ท. และสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และจัดทำความคิดเห็น และข้อเสนอที่เกี่ยวกับกฎหมายด้านการปกครองท้องถิ่น เสนอต่อ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี (ครม.) และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

**ชี้การรวมศูนย์คือต้นตอปัญหา

โดยนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และอดีตประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง"การปกครองท้องถิ่นรูปแบบเทศบาลกับการปฏิรูปประเทศไทย" ตอนหนึ่ง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครอง เพราะเห็นฝ่ายต่างๆ ต้องการปฏิรูป จึงตั้ง สนช.- ครม.และสปช. ขึ้นมาเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยทั้งหมด วันนี้ถือเป็นยุคสมัยแห่งการปฏิรูป ไม่เคยมีครั้งใดที่คนไทยจะมีวัตถุประสงค์ตรงกันขนาดนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ในบรรยากาศอย่างนี้ เวลาจะทำอะไรต้องจับหัวใจของการปฏิรูปให้ได้ ว่าอยู่ที่ไหน นั่นคือ การคืนอำนาจให้ประชาชนปกครองตนเองในรูปแบบของชุมชนจัดการกันเอง ท้องถิ่นจัดการกันเอง และ จังหวัดจัดการกันเอง
" ปัญหาต่างๆ ในประเทศไทยเกิดขึ้นจากการรวมศูนย์ และการรวบอำนาจปกครองไว้ที่ส่วนกลางมากเกินไปกว่าร้อยปีแล้ว การปกครองที่รวมศูนย์อำนาจ เป็นต้นทางของปัญหาเกือบทุกชนิดในประเทศไทย" นพ.ประเวศ กล่าว

นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้การรวมศูนย์อำนาจ ส่งผลให้เกิดประเด็นปัญหาอย่างน้อย 6 เรื่องด้วยกัน คือ
1. ชุมชนท้องถิ่นอ่อนแอ เพราะรวมศูนย์ไว้ส่วนกลาง จนอ่อนแอ พอทำไม่ไหว ทะเลาะกัน ก็นำไปสู่ความรุนแรง โดยหากท้องถิ่นเข้มแข็งจะช่วยงานได้ถึง 80–90 เปอร์เซ็นต์
2. เกิดความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นกับอำนาจที่รวมศูนย์ เพราะวัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่น มีความแตกต่างกัน แต่อำนาจที่รวมศูนย์ต้องการให้เหมือนกัน จะเกิดความขัดแย้ง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
3. ระบบราชการอ่อนแอ แต่ละกรมจะใช้อำนาจลงไปทุกตารางนิ้วของประเทศไทย เมื่อใช้อำนาจไปจะไม่ใช้ปัญญา เมื่อไม่มีปัญญาก็อ่อนแอ
4. คอร์รัปชันสูง เพราะอำนาจมากที่ไหน คอร์รัปชันก็มากที่นั่น 5. เกิดการแย่งอำนาจทางการเมือง เนื่องจากใครชนะจะได้กินรวบหมดทั้งประเทศ จึงพยายามแข่งขันใช้ทุกอย่าง ทั้งกลเม็ด เงิน ให้ได้อำนาจตรงนี้มา การแข่งขันเลยรุนแรง กลายเป็นคณาธิปไตย นำไปสู่ปัญหาต่างๆ อย่างที่เห็นวนเวียนกันอย่างนี้
6. เกิดรัฐประหารง่าย เพราะเป็นการรวมศูนย์ ใช้ทหารไม่กี่คนก็ทำได้ แต่ถ้าอำนาจกระจายไปสู่ท้องถิ่น จะทำยาก เพราะไม่รู้จะไปยึดตรงไหน
"การกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น เป็นสัจธรรม ประเทศต่างๆ ก็ทำ การคืนอำนาจไปให้ประชาชนปกครองตนเองในรูปของการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเรื่องความถูกต้อง ขณะนี้ถูกระงับการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะคสช.กลัวจะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อไปอปท.ต้องแสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งเป็นอารยะ คือ ใช้เหตุใช้ผล ไม่มีการสาดโคลนใส่กัน ทำร้ายกัน ต้องทำให้เห็นว่า เรามีความเป็นประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยสมานฉันท์ ถ้าทำได้ ใครจะมาระงับการเลือกตั้ง อปท. ต่อไป เป็นไม่ได้" นพ.ประเวศ กล่าว

**สปช.อย่าผูกขาดการปฏิรูปฯ

นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า การปฏิรูปไม่ควรเป็นเรื่องของ สปช. เท่านั้น เพราะ อปท. เป็นเหมือนฐานของประเทศ ต้องเข้าร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปด้วย หาก อปท.ทำบทบาทตรงนี้ ก็จะทำให้ สปช. ดีขึ้นด้วย และขอเสนอว่าควรจะมีสมัชชาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป เตรียมทำเรื่องนโนบายการปฏิรูปให้ดี นักวิชาการต้องช่วยกัน ต้องสังเคราะห์นโยบาย เอามาขับเคลื่อน เพราะจะสร้างความเข็มแข็งให้ท้องถิ่น วันข้างหน้าผู้นำท้องถิ่น จะต้องมาเป็นผู้นำระดับชาติ
" ที่ผ่านมาประเทศไทยมีรัฐมนตรี ซึ่งไม่มีที่มาที่ไป ถ้าเป็นสหรัฐอเมริกา ผู้นำระดับชาติมาจากท้องถิ่นทั้งสิ้น จีนเองแม้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่การคัดเลือกบุคคลที่ผ่านมา ล้วนมาจากการเป็นผู้นำท้องถิ่นมาก่อน และพิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีความสามารถ แต่ของเรามองไม่ออกว่าเป็นใคร มาจากไหน เพราะเราไม่ได้ทำเรื่องท้องถิ่นให้แข็งแรง" นพ.ประเวศ กล่าว
ภายหลังการปาฐกถา นพ.ประเวศ ได้ตอบคำถามที่ว่า คสช. ควรยกเลิกประกาศ 85/2557 เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็วหรือไม่ ว่า ขณะนี้ คสช.เกรงว่า หากเลือกตั้งแล้วจะเกิดการต่อสู้ทางการเมือง บ้านเมืองจะวุ่นวายอีก แต่การระงับการเลือกตั้ง ต้องเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เพราะที่สุดแล้วต้องคืนการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นให้ประชาชน ส่วนระยะเวลาที่จะคืนการเลือกตั้งให้ส่วนท้องถิ่นเมื่อใดนั้น อปท. และ คสช. ต้องคุยกันว่า จะเลือกตั้งอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่ให้กระทบกระทั่งกันอีก ต้องพัฒนาให้การเลือกตั้งเป็นการเลือกตั้งที่เป็นอารยะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การคืนการเลือกตั้งให้ อปท. เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ นพ.ประเวศ กล่าวว่า ควรจะเป็น เรียกว่าเป็นกระบวนการแบบสำเร็จรูปที่จะทำงานร่วมกันน่าจะดีกว่า มาคุยกันปรึกษากันว่าการเลือกตั้งอย่างไรถึงจะเป็นสิ่งที่ดี สำหรับข้อเสนอเรื่องปฏิรูป ตนได้เสนอให้ อปท. ทราบว่า ควรมีสมัชชาองค์กรปกครองท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่อไป และรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ ควรบรรจุเรื่องนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย โดยให้นายกฯ และครม. เข้าร่วมการประชุมกับสมัชชาฯ เพื่อรับทราบนโยบายแล้วนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติ
ส่วนข้อเสนอของตนในอดีต ทางสปช. สามารถหยิบไปทำได้ นอกจากนี้การปฏิรูปประชาชนทั่วประเทศประชาชนควรมีส่วนร่วม ไม่ใช่มีแต่ สปช.เท่านั้น เพราะจะคับแคบไป ทั้งนี้ หากมีกระบวนการประชาชน ทุกภาคส่วนเคลื่อนไหวในการปฏิรูป มีอะไรก็เชื่อมโยงกับ สปช. จะช่วยป้องกันความผิดพลาดได้ ส่วนจะเข้าร่วมเป็น สปช.หรือไม่นั้น ตนขอปฏิเสธ เพราะตอนมีอายุมากแล้ว

**ยุคข้าราชการเบ่งบารมี

ต่อมามีการเสวนาในหัวข้อ "การปกครองท้องถิ่นรูปแบบเทศบาลกับการปฏิรูปประเทศไทย" โดยนายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวช่วงหนึ่งว่า เบื้องต้นทางสถาบันพระปกเกล้า ได้ส่งชื่อตนเข้ารับการสรรหาเพื่อเป็นสมาชิกสปช. ถ้าได้รับการสรรหา ก็พร้อมทำงาน อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องการปฏิรูปโจทย์ใหญ่ คือ การปกครองประเทศที่ผ่านมาการกระจายอำนาจก้าวหน้าไประดับหนึ่งแล้ว เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป เป็นการแก้ปัญหาที่ใกล้ปัญหา ถ้ายึดกรอบนี้การปฏิรูปจะง่ายขึ้น การกระจายอำนาจเป็นเหมือนยานพาหนะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะระบบราชการไม่สามารถลงไปถึงใกล้ได้เท่าประชาชนเอง
"ปัญหาวันนี้คือ การกระจายอำนาจไม่ได้สมดุล ยังมีปัญหาเยอะ แต่ปัญหามีไว้แก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก หรือยุบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเป็นองค์กรของประชาชน ดังนั้นเราต้องปฏิรูปตัวเอง อย่ารอคนอื่นมาปฏิรูป ต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมเห็นด้วยหากท้องถิ่นใดมีปัญหาคอร์รัปชัน ต้องจัดการลงโทษโดยเร็ว เอาให้เด็ดขาด และประณามด้วย แต่คนที่ดี อย่าไปกล่าวหาว่าเขาไม่ดี ต้องมองด้วยความเข้าใจ” นายวุฒิสาร ระบุ
นายวุฒิสาร กล่าวอีกว่า ประเด็นสรรหาสมาชิกสภาท้องถิ่นตามประกาศคสช. ตนเชื่อว่าในที่สุดอาจจะมีการทบทวน เพราะขณะนี้เริ่มเกิดปรากฏการณ์ได้คนที่เป็นข้าราชการจำนวนมาก ทั้งอัยการจังหวัด อดีตข้าราชการครู มาเป็นสมาชิกสภา แต่ละอำเภอได้คนที่อยู่คนละอำเภอมา เราอาจจะเห็นว่า ผู้ที่มาเป็นสมาชิกสภาวันนี้ ขาดการยึดโยงประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านี้ไม่มีความสามารถ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มี คือ ความเข้าใจในวิถีชีวิต และวิธีคิดของชาวบ้าน ตนยังไม่บอกว่า เกิดความเสียหาย เพราะเพิ่งเกิดปรากฏการณ์ขึ้น แต่ต้องติดตามว่า สภาเหล่านี้จะแก้ปัญหาได้เหมือนกับสภาเดิมได้หรือไม่ ซึ่งก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป แต่เราเห็นแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นของการสรรหาครั้งนี้ เริ่มมีคนที่อยู่ห่างมากจากประชาชนมาทำหน้าที่ วันนี้ต้องดู เมื่อองค์ประกอบเป็นแบบนี้ การบริหารจะมีปัญหาหรือไม่

**รับคอร์รัปชันมีจริงแต่อย่าเหมาเข่ง
ขณะที่นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายก ส.ท.ท. กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายระบุว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีปัญหาคอร์รัปชัน ใช้เงินฟุ่มเฟือย ว่า ส่วนตัวไม่เคยนั่งเครื่องบินเฟิร์สคลาส เพราะมีกฎกระทวงมหาดไทยกำหนดอยู่แล้วว่า เราขึ้นเครื่องบินได้ชั้นไหน การออกมาพูดแบบนี้ เหมือนต้องการดิสเครดิสท้องถิ่น ทำให้ท้องถิ่นตกเป็นจำเลย ว่าเป็นคนทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ต้องยอมรับว่าการทุจริตต้องมีเกือบทุกภาคส่วน ขึ้นอยู่ว่าจะมากหรือน้อย อปท. มีกว่า 7,000 แห่ง หากไปเจอสัก 50-60 แห่งมา แล้วกล่าวหากัน ก็ไม่เป็นธรรม

**“ปนัดดา”เผยปชช. ร้องเรียนถูกเอาเปรียบ

ในวันเดียวกันนี้ ที่กระทรวงแรงงาน ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายพิเศษเรื่อง "การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความรักความสามัคคี และความปรองดองของคนในชาติ" แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ตามโครงการคุณธรรมนำทางสร้างสรรค์ความสำเร็จ ว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้เน้นย้ำในเรื่องของคำพูดที่สร้างความเกลียดชัง แตกแยก ทั้งในครอบครัว และระดับประเทศ พร้อมทั้งอธิบาย ให้ทำเข้าใจ เข้าเพื่อให้เกิดการพัฒนา ซึ่งบทบาทหน้าที่ของข้าราชการที่ดี ควรมีแนวคิดที่ดีในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า ทุกส่วนจะต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป และหวังว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่กำลังจะมีการแต่งตั้งขึ้น จะร่วมกันออกแบบประเทศทั้ง 11 ด้าน ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจคนทั้งหมด แต่ก็ขอให้ถูกใจหมู่มาก อีกทั้งไม่ควรมีช่องโหว่ของกฎหมาย จนเกิดความขัดแย้ง และทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์
ม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการบรรยาย ถึงกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีการใช้งบประมาณฟุ่มเฟือยว่า ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1111 รวมถึงส่งตรงมาที่บ้านของตน ซึ่งทั้งหมดเป็นการร้องเรียนเรื่องความไม่เท่าเทียมในการจัดสรรงบประมาณของอปท. ซึ่งมีตั้งแต่ระดับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) และเทศบาล ในเรื่องต่างๆ รวมทั้งมีกรณีศึกษาว่า อปท.บางแห่งมีการก่อสร้างโดยนำบริษัทที่เป็นของญาติพี่น้อง มาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ขณะเดียวกันยังได้มีการส่งเรื่องร้องเรียนต่างๆ ไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงานป.ป.ท. ด้วย อย่างไรก็ตาม ทาง คสช. ได้มีคำสั่ง คสช 104/2557 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเป็นคณะกรรมการเข้าไปให้คำแนะในการใช้งบประมาณของ อปท.ให้เกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่น เช่น การนำงบไปพัฒนาด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ อยากให้ประชาชน ในฐานะเจ้าของจังหวัดช่วยกันตรวจสอบการใช้งบของอปท. ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจจะมีการต่อต้านจาก อปท.ในเรื่องนี้ แต่หากมีการพูดคุยกันโดยตรงเชื่อว่า ทุกฝ่ายจะเข้าใจเหมือนกับที่ได้พูดคุยนายชัยมงคล ไชยรบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ซึ่งได้พูดคุยกันก็เข้าใจกันแล้ว และยังได้เชิญตนไปบรรยายเรื่องประชาคมอาเซียน (เออีซี) ซึ่งตนคงจะไปพูดถึงมาตรฐานประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น