ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์" ประกาศเดินหน้าประเทศ เร่งฟื้นฟูทุกด้าน เน้นศก. ฉุนพวกอ้างชื่อคสช. หากินรัฐวิสาหกิจ ย้ำไม่ยุ่งจัดสรรโควต้า พร้อมอนุมัติเงินกว่า 3 หมื่นล้าน สร้างบ้านการเคหะฯ เพื่อคุณภาพชีวิตประชาชนระดับล่าง
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (26 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ โดยมีรองหัวหน้าคสช. ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการ คสช. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างเพรียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า แม้ขณะนี้จะรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 43 วรรค 2 ได้ระบุไว้ว่า ก่อนที่คณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ จะเข้ารับหน้าที่ ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของหัวหน้าคสช. ดังนั้นการลงนามในเอกสารต่างๆ จะยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิม จนกว่าจะได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานบอร์ดทุกชุด ตามคำสั่งของคสช. เหมือนเช่นที่ผ่านมา แม้จะมีรัฐบาลแล้ว และจากนี้คสช. จะใช้อำนาจเท่าที่จำเป็นในเรื่องของความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และขอให้ทุกกองกำลัง ปฏิบัติงานด้วยความละมุนละม่อม การบังคับใช้กฎหมายจะเน้นใช้กฎหมายปกติ ส่วนกฎอัยการศึกจะใช้เมื่อมีความจำเป็น และอยากให้ทุกฝ่ายได้ยึดมั่น และปฏิบัติตามแนวทางการทำงานที่ตนได้กล่าวไว้ ในพิธีสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ภายหลังจากรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องการตรวจสอบการทุจริต การบริหารราชการแต่ละด้านที่ยังมีปัญหา รวมถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในแต่ละด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เช่น เรื่องยางพารา การช่วยเหลือสินค้าเกษตร การแก้ไขปัญหาสังคม
สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาล ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)นั้น จะเน้นให้มีการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปปฏิบัติควบคู่กับทำการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ การจัดพื้นที่เกษตรกรรม การแก้ไขปัญหาสินค้า การฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ การปรับโครงสร้างภาษี การปรับโครงสร้างพลังงาน นอกจากนี้ ในการวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนา หรือขับเคลื่อนประเทศด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ นั้นไม่ใช่การป้องกันไม่ให้แรงงานเข้ามาในพื้นที่ แต่เป็นการตั้งพื้นที่เขตอุตสาหกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่การค้าขาย เพื่อลดปัญหาด้านแรงงาน การขนส่ง เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนกรณีที่มีผู้แอบอ้างได้โควตาจาก คสช. ในเรื่องของน้ำ พลังงานโซลาร์เซลล์ ยืนยันว่าคสช.ไม่มีโควตาใด ๆ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง หากมีข้อสงสัย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเจรจาสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้ได้มีการส่งผู้แทนไปเจรจากับทางประเทศมาเลเซียแล้ว โดยมาเลเซียมีท่าทีต้องการให้ฝ่ายทหารหรือฝ่ายความมั่นคงเป็นแกนนำในการเจรจาในฐานะผู้รับผิดชอบปัญหาโดยตรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุม คสช.วันนี้มีวาระเรื่องเพื่อทราบที่จะพิจารณาจำนวน 12 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องเพื่อทราบปกติ 6 เรื่อง เรื่องเพื่อทราบถือเป็นมติเห็นชอบหรืออนุมติ 6 เรื่อง ขณะที่วาระเรื่องเพื่อพิจารณา มีจำนวน 27 เรื่อง
** อนุมัติงบกำจัดขยะ 520 ล้าน
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคสช. เปิดเผยผลการประชุมคสช.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวก่อนการประชุมว่า การดำเนินการเรื่องเร่งด่วนหลักๆ คือ เรื่องเศรษฐกิจ แผนฟื้นฟูเฉพาะหน้า มาตรการระยะยาวที่จะแก้ปัญหาสินค้าเกษตร การจัดระเบียบสังคม และเรื่องของความมั่นคง ด้านการเจรจากับทางมาเลเซีย โดยเน้นย้ำให้ผู้เกี่ยวข้องนำผลสรุปของการหารือมานำเสนอด้วย
ส่วนการเร่งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ได้เน้นเรื่องปัญหาแรงงานที่จะไหลเข้ามาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีองค์ประกอบสำคัญอย่างอื่นอีก เช่น การเพิ่มพื้นที่อุตสาหกรรมให้มากขึ้น ไม่กระจุกตัวในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โดยให้พื้นที่อุตสาหกรรมกว้างขวางขึ้น ลดปัญหาการขนส่งที่มีต้นทุนสูง หากเศรษฐกิจอยู่ในภูมิภาคต่าง ก็จะช่วยลดปัจจัยการขนส่งได้ และจะเป็นการเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญ ในเรื่องการจัดการปัญหาขยะให้เป็นระบบ โดยลดปัญหาขยะ และเพิ่มเติมพลังงานทดแทนในรูปแบบการกำจัดขยะ ซึ่งฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้เสนอ คสช. ให้พิจารณาเห็นชอบโรดแมปการจัดการขยะมูลฝอย และของเสียอันตราย และแผนปฏิบัติการแก้ไชพื้นที่วิกฤตที่ต้องเร่งแก้ปัญหาการกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกต้อง และให้ความเห็นชอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในท้องที่ จ.นครปฐม ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ และสระบุรี โดยอนุมัติให้ใช้งบประมาณกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 520 ล้านบาท
**เตรียมพร้อมรับมือ"อีโบล่า"
สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้เน้นการดำเนินการในรูปแบบที่ยั่งยืน ส่วนการรักษาความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สิน จะพยายามใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกฎหมายที่มีความเข้มข้นสูง อย่างกฎอัยการศึกอย่างเดียว ขณะเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ ยังให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสอีโบล่า โดยได้ชื่นชมหญิงไทย ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เห็นว่าตัวเองมีไข้ก็มีการบริหารจัดการตัวเอง ด้วยการแจ้งเจ้าหน้าที่พร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้ภาครัฐติดตามดูแล ซึ่งหัวหน้าคสช. เน้นย้ำให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมีมาตรการดูแล เชื่อไวรัสทั้งอีโบล่า และเชื้ออื่นๆ ที่จะอาจส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในอนาคต โดยการเตรียมความพร้อมอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่ หรือเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อม รวมถึงระบบการตรวจสอบคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่างๆ และอาจมีการตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะ สามารถพิจารณาขอรับการสนับสนุนงบประมาณได้ตามความจำเป็น
ทั้งนี้หัวหน้าคสช. ฝากให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน หน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยจัดให้ความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งจะจัดขึ้นที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 27 ส.ค. 57 เวลา 09.00 น. จึงอยากเชิญชวนผู้ที่มีความสงสัยหรือต้องการข้อมูลมาร่วมรับฟัง และแลกเปลี่ยนความเห็นดังกล่าว ทั้งนี้ หากนายวีระ สมความคิด ต้องการเข้าร่วม ก็จะให้เจ้าหน้าที่กองปรามควบคุมตัวมาร่วมงานเพื่อแสดงความคิดเห็น
** ทุ่ม3 หมื่นล้านสร้างบ้านการเคหะฯ
ส่วนกรณีที่มีความต้องการให้ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนระดับล่าง หรือที่ชุมชนแออัดในอนาคต ทางภาครัฐจะร่วมกับกทม. และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดหาอาคารสถานที่ที่มีความเหมาะสมไม่ให้เกิดความแออัดกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างเช่นแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ คงต้องพยายามให้มีเพิ่มเติมมากขึ้น เพื่อควบคุมความต้องการประชาชนให้มาขึ้น โดยที่ประชุม คสช. ได้เห็นชอบในหลักการแผนการลงทุน โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ของการเคหะแห่งชาติในกรอบวงเงินลงทุนรวมประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท รวม 38 โครงการ จำนวน 16,146 หน่วย วงเงินลงทุนรวมประมาณ 9,577 ล้านบาท เงินอดหนุนรวม 1,249 ล้านบาท และเงินกู้ภายในประเทศ 7,113 ล้านบาท และเงินรายได้ของการเคหะ 1,214 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดการและค้ำประกันเงินกู้ และเห็นชอบวงเงินอุดหนุนของรัฐบาลจำนวน 1,249 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นไปตามมติครม. 2554 ที่เห็นชอบพลิกฟื้นองค์กรการเคหะแห่งชาติ โดยทางการเคหะแห่งขาติ ได้จัดทำแผนการลงทุนเสนอให้ครม. พิจารณาเมื่อวันที่ 3 ต.ค.56
ส่วนการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ หัวหน้า คสช. สั่งให้ดูรูปแบบรายละเอียดเฉพาะตัวของแต่ละองค์กร ซึ่งบางองค์กรสามารถแข่งขันกับเอกชนได้ แต่บางองค์กรภาครัฐต้องให้บริการประชาชน โดยไม่ได้หวังผลกำไรอย่างเดียว พร้อมกันนี้ยังเร่งรัดโครงการจัดทำภาพยนตร์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยให้กระทรวงวัฒนธรรเร่งดำเนินการ
ส่วนปัญหาเด็กแว้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องจัดทำมาตรการรณรงค์ และมาตรการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมสอดแทรกการปราบปรามเพื่อให้ผู้กระทำความผิดไปทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์รูปแบบต่างๆ
** อย่าหลงเชื่อกลุ่มแอบอ้างคสช.
สำหรับกรณีที่มีการแอบอ้างชื่อคสช. เพื่อการปฏิบัติ หรือดำเนินการบางอย่าง เช่น การอ้างชื่อ คสช. ขอเปลี่ยนแปลงชื่อผู้บริหารองค์กร กรรมการบริหารบริษัทต่างๆ ในเครือของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงกระแสการอ้างชื่อ คสช. ขอโควต้าประกอบกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะส่งขายให้กับทางการไฟฟ้านั้น ไม่เป็นความจริง ทางหัวหน้าคสช. ยืนยันไม่ได้มีการจัดสรรโควต้า ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน หรือทางการไฟฟ้า จะต้องเป็นผู้พิจารณาจัดสรร ซึ่งเป็นเรื่องของกฎระเบียบ และกติกาที่เป็นธรรม เปิดกว้างให้มีการแข่งขันของผู้ประกอบการอย่างเท่าเทียม ทางคสช. ไม่ได้ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของใคร หรือให้ใครไปแอบอ้าง ซึ่งหากพบการแอบอ้างคสช. ในมุมใดก็ตาม สามารถสอบถาม และตรวจสอบข้อมูลจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ หรือทางทีมโฆษก เพื่อที่จะนำข้อเท็จจริงมาแจ้งสู่กันฟังได้
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (26 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ โดยมีรองหัวหน้าคสช. ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการ คสช. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างเพรียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า แม้ขณะนี้จะรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 43 วรรค 2 ได้ระบุไว้ว่า ก่อนที่คณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ จะเข้ารับหน้าที่ ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของหัวหน้าคสช. ดังนั้นการลงนามในเอกสารต่างๆ จะยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิม จนกว่าจะได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานบอร์ดทุกชุด ตามคำสั่งของคสช. เหมือนเช่นที่ผ่านมา แม้จะมีรัฐบาลแล้ว และจากนี้คสช. จะใช้อำนาจเท่าที่จำเป็นในเรื่องของความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และขอให้ทุกกองกำลัง ปฏิบัติงานด้วยความละมุนละม่อม การบังคับใช้กฎหมายจะเน้นใช้กฎหมายปกติ ส่วนกฎอัยการศึกจะใช้เมื่อมีความจำเป็น และอยากให้ทุกฝ่ายได้ยึดมั่น และปฏิบัติตามแนวทางการทำงานที่ตนได้กล่าวไว้ ในพิธีสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ภายหลังจากรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องการตรวจสอบการทุจริต การบริหารราชการแต่ละด้านที่ยังมีปัญหา รวมถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในแต่ละด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เช่น เรื่องยางพารา การช่วยเหลือสินค้าเกษตร การแก้ไขปัญหาสังคม
สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาล ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)นั้น จะเน้นให้มีการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปปฏิบัติควบคู่กับทำการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ การจัดพื้นที่เกษตรกรรม การแก้ไขปัญหาสินค้า การฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ การปรับโครงสร้างภาษี การปรับโครงสร้างพลังงาน นอกจากนี้ ในการวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนา หรือขับเคลื่อนประเทศด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ นั้นไม่ใช่การป้องกันไม่ให้แรงงานเข้ามาในพื้นที่ แต่เป็นการตั้งพื้นที่เขตอุตสาหกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่การค้าขาย เพื่อลดปัญหาด้านแรงงาน การขนส่ง เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนกรณีที่มีผู้แอบอ้างได้โควตาจาก คสช. ในเรื่องของน้ำ พลังงานโซลาร์เซลล์ ยืนยันว่าคสช.ไม่มีโควตาใด ๆ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง หากมีข้อสงสัย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเจรจาสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้ได้มีการส่งผู้แทนไปเจรจากับทางประเทศมาเลเซียแล้ว โดยมาเลเซียมีท่าทีต้องการให้ฝ่ายทหารหรือฝ่ายความมั่นคงเป็นแกนนำในการเจรจาในฐานะผู้รับผิดชอบปัญหาโดยตรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุม คสช.วันนี้มีวาระเรื่องเพื่อทราบที่จะพิจารณาจำนวน 12 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องเพื่อทราบปกติ 6 เรื่อง เรื่องเพื่อทราบถือเป็นมติเห็นชอบหรืออนุมติ 6 เรื่อง ขณะที่วาระเรื่องเพื่อพิจารณา มีจำนวน 27 เรื่อง
** อนุมัติงบกำจัดขยะ 520 ล้าน
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคสช. เปิดเผยผลการประชุมคสช.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวก่อนการประชุมว่า การดำเนินการเรื่องเร่งด่วนหลักๆ คือ เรื่องเศรษฐกิจ แผนฟื้นฟูเฉพาะหน้า มาตรการระยะยาวที่จะแก้ปัญหาสินค้าเกษตร การจัดระเบียบสังคม และเรื่องของความมั่นคง ด้านการเจรจากับทางมาเลเซีย โดยเน้นย้ำให้ผู้เกี่ยวข้องนำผลสรุปของการหารือมานำเสนอด้วย
ส่วนการเร่งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ได้เน้นเรื่องปัญหาแรงงานที่จะไหลเข้ามาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีองค์ประกอบสำคัญอย่างอื่นอีก เช่น การเพิ่มพื้นที่อุตสาหกรรมให้มากขึ้น ไม่กระจุกตัวในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โดยให้พื้นที่อุตสาหกรรมกว้างขวางขึ้น ลดปัญหาการขนส่งที่มีต้นทุนสูง หากเศรษฐกิจอยู่ในภูมิภาคต่าง ก็จะช่วยลดปัจจัยการขนส่งได้ และจะเป็นการเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญ ในเรื่องการจัดการปัญหาขยะให้เป็นระบบ โดยลดปัญหาขยะ และเพิ่มเติมพลังงานทดแทนในรูปแบบการกำจัดขยะ ซึ่งฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้เสนอ คสช. ให้พิจารณาเห็นชอบโรดแมปการจัดการขยะมูลฝอย และของเสียอันตราย และแผนปฏิบัติการแก้ไชพื้นที่วิกฤตที่ต้องเร่งแก้ปัญหาการกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกต้อง และให้ความเห็นชอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในท้องที่ จ.นครปฐม ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ และสระบุรี โดยอนุมัติให้ใช้งบประมาณกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 520 ล้านบาท
**เตรียมพร้อมรับมือ"อีโบล่า"
สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้เน้นการดำเนินการในรูปแบบที่ยั่งยืน ส่วนการรักษาความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สิน จะพยายามใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกฎหมายที่มีความเข้มข้นสูง อย่างกฎอัยการศึกอย่างเดียว ขณะเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ ยังให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสอีโบล่า โดยได้ชื่นชมหญิงไทย ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เห็นว่าตัวเองมีไข้ก็มีการบริหารจัดการตัวเอง ด้วยการแจ้งเจ้าหน้าที่พร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้ภาครัฐติดตามดูแล ซึ่งหัวหน้าคสช. เน้นย้ำให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมีมาตรการดูแล เชื่อไวรัสทั้งอีโบล่า และเชื้ออื่นๆ ที่จะอาจส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในอนาคต โดยการเตรียมความพร้อมอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่ หรือเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อม รวมถึงระบบการตรวจสอบคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่างๆ และอาจมีการตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะ สามารถพิจารณาขอรับการสนับสนุนงบประมาณได้ตามความจำเป็น
ทั้งนี้หัวหน้าคสช. ฝากให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน หน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยจัดให้ความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งจะจัดขึ้นที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 27 ส.ค. 57 เวลา 09.00 น. จึงอยากเชิญชวนผู้ที่มีความสงสัยหรือต้องการข้อมูลมาร่วมรับฟัง และแลกเปลี่ยนความเห็นดังกล่าว ทั้งนี้ หากนายวีระ สมความคิด ต้องการเข้าร่วม ก็จะให้เจ้าหน้าที่กองปรามควบคุมตัวมาร่วมงานเพื่อแสดงความคิดเห็น
** ทุ่ม3 หมื่นล้านสร้างบ้านการเคหะฯ
ส่วนกรณีที่มีความต้องการให้ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนระดับล่าง หรือที่ชุมชนแออัดในอนาคต ทางภาครัฐจะร่วมกับกทม. และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดหาอาคารสถานที่ที่มีความเหมาะสมไม่ให้เกิดความแออัดกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างเช่นแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ คงต้องพยายามให้มีเพิ่มเติมมากขึ้น เพื่อควบคุมความต้องการประชาชนให้มาขึ้น โดยที่ประชุม คสช. ได้เห็นชอบในหลักการแผนการลงทุน โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ของการเคหะแห่งชาติในกรอบวงเงินลงทุนรวมประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท รวม 38 โครงการ จำนวน 16,146 หน่วย วงเงินลงทุนรวมประมาณ 9,577 ล้านบาท เงินอดหนุนรวม 1,249 ล้านบาท และเงินกู้ภายในประเทศ 7,113 ล้านบาท และเงินรายได้ของการเคหะ 1,214 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดการและค้ำประกันเงินกู้ และเห็นชอบวงเงินอุดหนุนของรัฐบาลจำนวน 1,249 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นไปตามมติครม. 2554 ที่เห็นชอบพลิกฟื้นองค์กรการเคหะแห่งชาติ โดยทางการเคหะแห่งขาติ ได้จัดทำแผนการลงทุนเสนอให้ครม. พิจารณาเมื่อวันที่ 3 ต.ค.56
ส่วนการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ หัวหน้า คสช. สั่งให้ดูรูปแบบรายละเอียดเฉพาะตัวของแต่ละองค์กร ซึ่งบางองค์กรสามารถแข่งขันกับเอกชนได้ แต่บางองค์กรภาครัฐต้องให้บริการประชาชน โดยไม่ได้หวังผลกำไรอย่างเดียว พร้อมกันนี้ยังเร่งรัดโครงการจัดทำภาพยนตร์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยให้กระทรวงวัฒนธรรเร่งดำเนินการ
ส่วนปัญหาเด็กแว้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องจัดทำมาตรการรณรงค์ และมาตรการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมสอดแทรกการปราบปรามเพื่อให้ผู้กระทำความผิดไปทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์รูปแบบต่างๆ
** อย่าหลงเชื่อกลุ่มแอบอ้างคสช.
สำหรับกรณีที่มีการแอบอ้างชื่อคสช. เพื่อการปฏิบัติ หรือดำเนินการบางอย่าง เช่น การอ้างชื่อ คสช. ขอเปลี่ยนแปลงชื่อผู้บริหารองค์กร กรรมการบริหารบริษัทต่างๆ ในเครือของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงกระแสการอ้างชื่อ คสช. ขอโควต้าประกอบกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะส่งขายให้กับทางการไฟฟ้านั้น ไม่เป็นความจริง ทางหัวหน้าคสช. ยืนยันไม่ได้มีการจัดสรรโควต้า ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน หรือทางการไฟฟ้า จะต้องเป็นผู้พิจารณาจัดสรร ซึ่งเป็นเรื่องของกฎระเบียบ และกติกาที่เป็นธรรม เปิดกว้างให้มีการแข่งขันของผู้ประกอบการอย่างเท่าเทียม ทางคสช. ไม่ได้ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของใคร หรือให้ใครไปแอบอ้าง ซึ่งหากพบการแอบอ้างคสช. ในมุมใดก็ตาม สามารถสอบถาม และตรวจสอบข้อมูลจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ หรือทางทีมโฆษก เพื่อที่จะนำข้อเท็จจริงมาแจ้งสู่กันฟังได้