ASTVผู้จัดการรายวัน-อัยการเดือด! นัดแต่งชุดดำประท้วงตั้ง"กิตติพงษ์" ข้ามหัวนั่งเก้าอี้ รองอสส. เผยชื่อ "สมชาย เก้านพรัตน์" อัยการพิเศษฝ่ายงบประมาณ หัวขบวนหลัก ชวนแสดงพลังให้ผู้มีอำนาจเห็น หยุดแทรกแซง เริ่มดีเดีย์ตั้งแต่ 13 ส.ค.เป็นต้นไป "กิตติพงษ์" ปัดข่าวย้ายมานั่งรองอสส. ยันพอใจกับภารกิจหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ขอมาอยู่ด้วยตนเอง มีงานเดินหน้าปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับแจ้งจากคนในสำนักงานอัยการสูงสุดว่า นายสมชาย เก้านพรัตน์ อัยการพิเศษฝ่ายงบประมาณ ได้ออกมาประกาศเชิญชวนเพื่อนอัยการทั่วประเทศ ให้ร่วมกันแต่งกายชุดดำ เพื่อประท้วงกระแสข่าวที่นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ จะกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นรองอัยการสูงสุด
"นายสมชาย ระบุว่า ตนเองกับดร.กิตติพงษ์ โดยส่วนตัวมีความสนิทสนมกัน และดร.กิตติพงษ์ เคยช่วยเหลือตนเองหลายครั้ง และยินดีตอนรับดร.กิตติพงษ์ กลับมาเป็นอัยการ แต่เพื่อรักษาสถานภาพขององค์กรมิให้ผู้ใดมาแทรกแซง จึงขอให้อัยการทั่วประเทศที่เห็นด้วยกับแนวคิดของตน ร่วมกันแสดงพลังแต่งกายชุดดำเพื่อเป็นการแสดงพลังให้ผู้มีอำนาจทราบว่าอัยการไม่เห็นด้วย โดยขอให้แต่งกายชุดดำตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม นี้เป็นต้นไป จนกว่าผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะออกมาประกาศว่าไม่เป็นความจริง" แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายสมชาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อไปยังนายสมชาย เก้านพรัตน์ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยนายสมชาย ยอมรับว่า ได้ส่งข้อความเชิญชวนเพื่อนอัยการให้ร่วมกันแต่งกายชุดดำเพื่อประท้วงกรณีดังกล่าวจริง
"เรื่องการแต่งกายชุดดำ ผมพูดไปชัดเจนว่า ถ้าใครที่คิดเหมือนผม ก็ให้ร่วมกันทำ ซึ่งเรื่องนี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า ดร.กิตติพงษ์ ไม่ทราบอะไรด้วย"
นายสมชาย ยังระบุด้วยว่า หากดร.กิตติพงษ์ จะกลับมารับตำแหน่งในสำนักงานอัยการจริง ควรเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักตามเกณฑ์ปฏิบัติของอัยการ ไม่ควรทำผิดกฎทำผิดหลัก หรือข้ามหัวใคร
"ดร.กิตติพงษ์ ออกไปในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำกรม ถ้าจะกลับมาก็ต้องอยู่ในตำแหน่งเดิม หรือสูงสุดในระนาบเดียวกัน คือไม่เกินตำแหน่ง อัยการพิเศษฝ่าย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักการนี้ ใครจะมาเปลี่ยนแปลงหรือแทรกแซง อะไรไม่ได้"
**ปลัดยธ.ปัดข่าวโยกนั่งเก้าอี้รองอสส.
เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (12ส.ค.) นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Kittipong Kittayarak ว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่า ผมจะย้ายกลับไปสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุดนั้น ผมขอเรียนว่า ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด แม้องค์กรอัยการจะเป็นหน่วยงานที่ผมมีความรัก และผูกพัน เป็นหน่วยงานที่สร้างแนวคิดและอุดมการณ์ รวมทั้งให้ความรู้และประสบการณ์ในการทำงานกับผมมาเกือบ 20 ปี ทำให้ผมสามารถก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ แต่ผมก็ไม่ได้มีแผนการณ์หรือความตั้งใจที่จะกลับไปดำรงตำแหน่งใดๆ ในสำนักงานอัยการสูงสุดแต่อย่างใด
ผมขอเรียนอีกครั้งว่า ผมมีความพอใจกับภารกิจหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ผมได้เป็นผู้ขอมาดำรงตำแหน่งนี้ด้วยตนเอง
นอกจากงานในหน้าที่ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแล้ว ผมยังเป็นที่ปรึกษาสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (Thailand Institute of Justice- TIJ) โดยมีภารกิจหลักที่รับผิดชอบคือ การพัฒนาความร่วมมือระหว่างสถาบันแห่งนี้กับองค์การสหประชาชาติ โดยมีเป้าหมายในการผลักดันบทบาทของสถาบันใน ASEAN และเข้าเป็นสถาบันเครือข่ายขององค์การสหประชาชาติ (UN Programs Network Institute-PNI) ภายในระยะเวลาอันใกล้อันเป็นงานที่ผมสนใจ เป็นงานที่เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม และมีความท้าทาย
นอกจากนี้ ผมกับสมาชิกเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป หรือ Reform Now Network (RNN) ก็อยู่ระหว่างการวางแผนการ และแนวทางในการดำเนินกิจกรรมการปฏิรูปประเทศคู่ขนานไปกับสภาปฏิรูปที่กำลังจะเกิดขึ้น โดย RNN จะทำหน้าที่ช่วยสร้างบทบาทของภาคประชาสังคมในการสนับสนุนการปฏิรูปอีกทางหนึ่ง โดยผมจะเป็นผู้รับผิดชอบในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นประเด็นที่ผมสนใจและมีความเกี่ยวข้องผูกพันมาตลอดชีวิตการทำงานของผม
ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมมีความพอใจในบทบาทที่ผมได้ตัดสินใจด้วยตนเองที่จะเลือกทำ และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม และต่อประเทศไทยที่รักของเรา ผมจึงไม่มีแนวคิด หรือมีความประสงค์ที่จะรับตำแหน่งอื่นใดอีกครับ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับแจ้งจากคนในสำนักงานอัยการสูงสุดว่า นายสมชาย เก้านพรัตน์ อัยการพิเศษฝ่ายงบประมาณ ได้ออกมาประกาศเชิญชวนเพื่อนอัยการทั่วประเทศ ให้ร่วมกันแต่งกายชุดดำ เพื่อประท้วงกระแสข่าวที่นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ จะกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นรองอัยการสูงสุด
"นายสมชาย ระบุว่า ตนเองกับดร.กิตติพงษ์ โดยส่วนตัวมีความสนิทสนมกัน และดร.กิตติพงษ์ เคยช่วยเหลือตนเองหลายครั้ง และยินดีตอนรับดร.กิตติพงษ์ กลับมาเป็นอัยการ แต่เพื่อรักษาสถานภาพขององค์กรมิให้ผู้ใดมาแทรกแซง จึงขอให้อัยการทั่วประเทศที่เห็นด้วยกับแนวคิดของตน ร่วมกันแสดงพลังแต่งกายชุดดำเพื่อเป็นการแสดงพลังให้ผู้มีอำนาจทราบว่าอัยการไม่เห็นด้วย โดยขอให้แต่งกายชุดดำตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม นี้เป็นต้นไป จนกว่าผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะออกมาประกาศว่าไม่เป็นความจริง" แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายสมชาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อไปยังนายสมชาย เก้านพรัตน์ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยนายสมชาย ยอมรับว่า ได้ส่งข้อความเชิญชวนเพื่อนอัยการให้ร่วมกันแต่งกายชุดดำเพื่อประท้วงกรณีดังกล่าวจริง
"เรื่องการแต่งกายชุดดำ ผมพูดไปชัดเจนว่า ถ้าใครที่คิดเหมือนผม ก็ให้ร่วมกันทำ ซึ่งเรื่องนี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า ดร.กิตติพงษ์ ไม่ทราบอะไรด้วย"
นายสมชาย ยังระบุด้วยว่า หากดร.กิตติพงษ์ จะกลับมารับตำแหน่งในสำนักงานอัยการจริง ควรเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักตามเกณฑ์ปฏิบัติของอัยการ ไม่ควรทำผิดกฎทำผิดหลัก หรือข้ามหัวใคร
"ดร.กิตติพงษ์ ออกไปในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำกรม ถ้าจะกลับมาก็ต้องอยู่ในตำแหน่งเดิม หรือสูงสุดในระนาบเดียวกัน คือไม่เกินตำแหน่ง อัยการพิเศษฝ่าย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักการนี้ ใครจะมาเปลี่ยนแปลงหรือแทรกแซง อะไรไม่ได้"
**ปลัดยธ.ปัดข่าวโยกนั่งเก้าอี้รองอสส.
เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (12ส.ค.) นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Kittipong Kittayarak ว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่า ผมจะย้ายกลับไปสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุดนั้น ผมขอเรียนว่า ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด แม้องค์กรอัยการจะเป็นหน่วยงานที่ผมมีความรัก และผูกพัน เป็นหน่วยงานที่สร้างแนวคิดและอุดมการณ์ รวมทั้งให้ความรู้และประสบการณ์ในการทำงานกับผมมาเกือบ 20 ปี ทำให้ผมสามารถก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ แต่ผมก็ไม่ได้มีแผนการณ์หรือความตั้งใจที่จะกลับไปดำรงตำแหน่งใดๆ ในสำนักงานอัยการสูงสุดแต่อย่างใด
ผมขอเรียนอีกครั้งว่า ผมมีความพอใจกับภารกิจหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ผมได้เป็นผู้ขอมาดำรงตำแหน่งนี้ด้วยตนเอง
นอกจากงานในหน้าที่ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแล้ว ผมยังเป็นที่ปรึกษาสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (Thailand Institute of Justice- TIJ) โดยมีภารกิจหลักที่รับผิดชอบคือ การพัฒนาความร่วมมือระหว่างสถาบันแห่งนี้กับองค์การสหประชาชาติ โดยมีเป้าหมายในการผลักดันบทบาทของสถาบันใน ASEAN และเข้าเป็นสถาบันเครือข่ายขององค์การสหประชาชาติ (UN Programs Network Institute-PNI) ภายในระยะเวลาอันใกล้อันเป็นงานที่ผมสนใจ เป็นงานที่เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม และมีความท้าทาย
นอกจากนี้ ผมกับสมาชิกเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป หรือ Reform Now Network (RNN) ก็อยู่ระหว่างการวางแผนการ และแนวทางในการดำเนินกิจกรรมการปฏิรูปประเทศคู่ขนานไปกับสภาปฏิรูปที่กำลังจะเกิดขึ้น โดย RNN จะทำหน้าที่ช่วยสร้างบทบาทของภาคประชาสังคมในการสนับสนุนการปฏิรูปอีกทางหนึ่ง โดยผมจะเป็นผู้รับผิดชอบในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นประเด็นที่ผมสนใจและมีความเกี่ยวข้องผูกพันมาตลอดชีวิตการทำงานของผม
ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมมีความพอใจในบทบาทที่ผมได้ตัดสินใจด้วยตนเองที่จะเลือกทำ และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม และต่อประเทศไทยที่รักของเรา ผมจึงไม่มีแนวคิด หรือมีความประสงค์ที่จะรับตำแหน่งอื่นใดอีกครับ