อดีตปลัด ยธ.เข้าทำเนียบ หลัง คสช.สั่งเด้งนั่งที่ปรึกษานายกฯ เผยทำงานที่ สนง.กพ. รอ “อดุลย์” นัดประชุม ขอ ก.ยธ.ดูแลความเป็นธรรม ปชช. ชี้สร้างปรองดองถูกทาง ปฏิรูปคือทางออก แจงเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป ของเอกชนไม่เกี่ยวรัฐ เดินหน้าต่อเป็นประโยชน์ ปชช. ย้ำต้องเคารพ กม. เชื่อเปิดใจทุกฝ่ายพร้อมคุย ปัด ถูกทาบนั่งสภาปฏิรูป ไร้ข้อเท็จจริงร่วม ครม. รับอยากลุยงานปฏิรูป
วันนี้ (2 ก.ค.) นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ที่ปรึกษาฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และได้สักการะพระพรหมที่อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า และสักการะพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ โดยนายกิตติพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะทำงานอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) หลังจากนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฝ่ายกิจการพิเศษจะเรียกประชุมที่ปรึกษาฝ่ายข้าราชการประจำทั้งหมด โดยที่ปรึกษาทั้งหมดจะทำงานที่สำนักงาน ก.พ. เมื่อถามว่าได้ฝากฝังงานที่กระทรวงยุติธรรมอย่างไรหลังจากที่โดนโยกมาทำหน้าที่ตรงนี้ นายกิตติพงษ์ระบุถึงการทำงานในกระทรวงยุติธรรมว่า เพื่อนในกระทรวงร่วมกันทำงานมายาวนาน แนวคิดที่ได้ร่วมสร้างกระทรวงกันมาก็เป็นที่รับรู้ ไม่มีอะไรที่จะต้องฝากเป็นพิเศษ แต่คงเป็นเรื่องที่จะทำให้ความยุติธรรมใกล้มือประชาชนมากขึ้น ไม่ใช่ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นแค่กระบวนการยุติธรรม แต่เป็นกระทรวงที่ดูแลความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการสร้างความปรองดองของเครือข่ายปฏิรูปจะมีการนำเสนอ คสช.อย่างไรบ้าง นายกิตติพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นที่ดูโรดแมปของ คสช.เข้าใจว่าแนวทางตรงกับผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องปรองดอง ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ได้เสนอแนะทาง คสช.ว่าเรื่องความปรองดองมีความสำคัญเพราะความขัดแย้งมีมายาวนาน การสร้างบรรยากาศความปรองดองก็มีความสำคัญที่ คสช.เน้นจุดนี้ ถือว่ามาถูกทาง แต่การสร้างความปรองดองไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่าย การที่ทำให้คู่ขัดแย้งเจอกันในบรรยากาศในสภาพที่เป็นมิตรในการลดเงื่อนไขที่จะกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง ความเกลียดชัง ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทั้งนี้การแก้ปัญหาที่ลึกซึ้งกว่านั้นทาง คสช.กำลังทำอยู่ ให้ทุกฝ่ายมาเปิดใจ หารือถึงปัญหาที่เป็นข้อขัดข้องใจ สิ่งเหล่านี้กำลังดำเนินการอยู่ และการปฏิรูปก็จะเป็นทางออกที่สำคัญเพราะทุกฝ่ายต้องการสิ่งที่ดีสำหรับประเทศไทย ฉะนั้นถ้าสามารถผ่านจุดร่วมที่เป็นความหวังร่วมกันของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสีเสื้อใด การปฏิรูปก็จะเป็นทางออกเรื่องการปรองดองที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า เครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปที่เคยทำอยู่จะเดินหน้าต่อหรือไม่ หรือจะให้เป็นหน้าที่ของ คสช. นายกิตติพงษ์กล่าวว่า เครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปเป็นองค์กรภาคเอกชน เป็นองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ มีความอิสระ มีความเป็นกลางที่รวมตัวกันเป็นหลวม ได้มีการคุยกันแล้วว่าเครือข่ายจะเดินหน้าต่อไปโดยเป็นอิสระจากภาครัฐ และทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูล พลังภาคประชาสังคมที่จะทำให้การปฏิรูปเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในอดีตความต้องการของประชาชนและการทำงานต่างๆ มีมาโดยตลอด แต่ขาดความมุ่งมั่นของภาครัฐที่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง ตรงนี้เราก็คาดหวังว่าความริเริ่มการปฏิรูปของ คสช.จะทำให้ความหวังของประชาชนสามารถเป็นจริงได้ ถ้าเราประสานพลังความตั้งใจของภาครัฐ เจตจำนงของผู้มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงและพลังทางสังคม
ส่วนการปฏิรูปหากฝ่ายที่มีอำนาจยังคงดำเนินการทางกฎหมายต่อกลุ่มที่หลบหนีคดีในต่างประเทศจะทำให้เกิดความปรองดองได้หรือไม่นั้น นายกิตติพงษ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญทุกคนต้องเคารพกฎหมาย บ้านเมืองเราก็อยู่ได้ด้วยกฎหมาย ฉะนั้นกระบวนการทางกฎหมายต่างๆ ซึ่งดำเนินการโดยชอบก็ต้องมีทางไป เมื่อถามว่ากรณีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย แกนนำองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่มีคดีหนีคำสั่ง คสช. ควรที่จะหันหน้ามาคุยกับ คสช.ใช่หรือไม่ ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ในภาพรวม นายกิตติพงษ์กล่าวว่า ถ้าทุกคนมองประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง หันมาเปิดใจพูดคุยกัน ก็เชื่อว่าทุกฝ่ายพร้อมที่จะพูดคุยอยู่แล้ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังที่จะไม่ทำอะไรล้ำเส้นของทุกฝ่าย แต่ทุกฝ่ายต้องตระหนักว่าประเทศชาติเสียหายมามากแล้ว การทำอะไรต้องมุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พยายามที่จะไม่สร้างให้เกิดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา
ต่อข้อถามถึงกรณี คสช.ได้ทาบทามเข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปหรือไม่ นายกิตติพงษ์กล่าวว่า ยังไม่มีการทาบทาม แต่หมวกที่ตนทำก็สามารถทำได้ต่อไป เพราะเป็นการทำงานเชิงภาคประชาสังคม เมื่อถามว่า ในส่วนคณะรัฐมนตรีมีชื่อมาตลอดได้มีการพูดคุยหรือไม่ นายกิตติพงษ์กล่าวว่า เป็นเพราะสื่อมวลชนกรุณาเอาชื่อไปใส่ แต่ไม่มีข้อเท็จจริง เมื่อถามย้ำว่าโอกาสที่จะทำงานในด้านบริหารมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกิตติพงษ์กล่าวว่า อยากทำงานด้านปฏิรูป และได้ริเริ่มด้านนี้มาตลอด การจะทำหน้าที่อะไรในอนาคตต้องมีการหารือกับเพื่อนในเครือข่ายก่อน และการที่มารับหน้าที่ที่ปรึกษาฝ่ายข้าราชการประจำ หวังว่าจะเวลามากขึ้นที่จะทำงานในสิ่งที่ตนอยากทำอย่างแท้จริง