ASTVผู้จัดการรายวัน – เอกชนประสานเสียง มั่นใจช่วง 4 เดือนท้ายปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยกระเตื้องขึ้น เหตุการเมืองสงบ กำลังซื้อฟื้น การลงทุนเริ่มไหล ยอมรับจีดีพีประเทศโตแค่ 2%
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในเครือซีพี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดค้าปลีกในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2557 คาดว่า ตลาดรวมจะยังคงเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจเริ่มกลับสู่ภาวะปรกติ ซึ่งนอกจากจะมีผลให้ผู้บริโภคเริ่มมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นแล้ว
นักธุรกิจและผู้ส่งออกก็เริ่มมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจและเริ่มสานต่อธุรกิจต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มีความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการท่อง เที่ยวและดำเนินชีวิตประเทศไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศไทยในอนาคตคือ “รัฐบาลชุดใหม่” ว่าจะมีผู้ใดร่วมเป็นคณะรัฐมนตรีบ้าง โดยส่วนตัวไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน
แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถและการยอมรับจากสังคมว่ามีมากน้อยเพียงใด
“ประเด็นสำคัญและเร่งด่วนที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาล ควรเร่งดำเนินการมากที่สุดคือ การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการสร้างความเข้าใจกับประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในยุโรป เกี่ยวกับเรื่องการทำรัฐประหารในประเทศไทยว่าไม่ได้มีความรุนแรงเหมือนประเทศอื่นๆ โดยเห็นว่าควรให้ทัวร์ริสต์ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยบ่อยๆ
จนมีความเข้าใจดีช่วยประสานและทำหน้าที่ดังกล่าว”
นายก่อศักดิ์ ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับลดจีดีพีของประเทศเหลือ 2% ว่า โดยส่วนตัวไม่มีข้อมูลและตัวเลขที่แน่นอน ขณะเดียวกันหลายๆ ฝ่ายต่างก็มีตัวเลขที่แตกต่างกัน ประเด็นนี้จึงควรรอให้ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้คือ สภาพัฒน์ เป็นผู้ให้คำตอบจะดีที่สุด
นายก่อศักดิ์กล่าวด้วยว่า สำหรับธุรกิจของบริษัทฯในส่วนของแม็คโครนั้น หลังจากที่บริษัทฯดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดของบริษัท สยาม แม็คโคร จำกัด (มหาชน) มาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วนั้น ปรากฏว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2557
โดยเฉพาะด้านการขยายสาขาซึ่งสามารถดำเนินการได้ถึง 7 สาขาในปี 2556 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นสามารถทำได้เพียงปีละประมาณ 3-4 สาขาเท่านั้น
นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมฯ คาดการณ์ว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สถานการณ์ตลาดค้าปลีกโดยรวมน่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่เติบโตเพียง 4.3% ขณะที่ทั้งปีที่แล้วเติบโต 6.3% เพราะจากนี้ไปสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น ทั้งเรื่องปัญหาการเมืองที่สงบลง และภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มกระเตื้องขึ้นมา
รวมทั้งผู้ประกอบการค้าปลีกที่เร่งกันทำการตลาด มีโปรโมชั่นต่างๆมากขึ้น รวมไปถึงโครงการลงทุนต่างๆของเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนและอนุมัติให้มีการส่งเสริมการลงทุนจำนวนมากจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) กล่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับจีดีพีว่า การที่จีดีพีของประเทศจะถูกปรับให้เหลือการเติบโตที่ 2% นั้น มองว่า จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังให้กลับมาฟื้นตัวอย่างมาก และมองว่าจะส่งผลดีในหลายๆด้าน คือ 1.บรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น
ความมั่นใจของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าเริ่มกลับมา 2.เสถียรภาพของรัฐบาลมีมากขึ้น 3.ภาคการผลิตดีขึ้น 4.งบประมาณแผ่นดิน จะเข้าสู่ระบบ
และจะส่งให้การจับจ่ายกลับมาดีขึ้น
“ดังนั้นในส่วนของการทำธุรกิจของบริษัทฯช่วงจากนี้ถึงสิ้นปีนี้จะเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มที่ ด้วยงบการตลาดที่เหลืออีก ประมาณ 80 ล้านบาท จากงบทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาทเท่ากับปีก่อน จากที่ช่วงครึ่งปี่แรกใช้ไปเพียง 20-30 ล้านบาทเท่านั้นเอง”
นายอมรเทพ อสีปัญญา ผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า หากพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศชาติ เพราะมองว่าในสถานการณ์แบบนี้ ประเทศไทยต้องการผู้นำที่เด็ดเดี่ยว และเด็ดขาด หลังจากที่ประเทศวุ่นวายมานาน
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสาหร่ายทอด “เถ้าแก่น้อย” ให้ความเห็นว่า การปรับลดจีดีพีของประเทศเหลือเพียง 2% นั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากว่าไม่มีการปรับหรือเปลี่ยนปลง โอกาสที่ปีนี้จีดีพีจะได้สูงตามเป้าหมายเดิมนั้นคงยาก
“ตอนนี้ผมเริ่มเห็นสัญญาณบวกบ้างแล้ว เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเห็นชัดเจนมากขึ้นคือ กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มไหลกลับเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านไปแต่ละคนก็ทำอะไรลำบากเพราะภาพรวมเศรษฐกิจมันไม่ชัดเจนจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ”
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในเครือซีพี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดค้าปลีกในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2557 คาดว่า ตลาดรวมจะยังคงเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจเริ่มกลับสู่ภาวะปรกติ ซึ่งนอกจากจะมีผลให้ผู้บริโภคเริ่มมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นแล้ว
นักธุรกิจและผู้ส่งออกก็เริ่มมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจและเริ่มสานต่อธุรกิจต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มีความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการท่อง เที่ยวและดำเนินชีวิตประเทศไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศไทยในอนาคตคือ “รัฐบาลชุดใหม่” ว่าจะมีผู้ใดร่วมเป็นคณะรัฐมนตรีบ้าง โดยส่วนตัวไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน
แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถและการยอมรับจากสังคมว่ามีมากน้อยเพียงใด
“ประเด็นสำคัญและเร่งด่วนที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาล ควรเร่งดำเนินการมากที่สุดคือ การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการสร้างความเข้าใจกับประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในยุโรป เกี่ยวกับเรื่องการทำรัฐประหารในประเทศไทยว่าไม่ได้มีความรุนแรงเหมือนประเทศอื่นๆ โดยเห็นว่าควรให้ทัวร์ริสต์ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยบ่อยๆ
จนมีความเข้าใจดีช่วยประสานและทำหน้าที่ดังกล่าว”
นายก่อศักดิ์ ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับลดจีดีพีของประเทศเหลือ 2% ว่า โดยส่วนตัวไม่มีข้อมูลและตัวเลขที่แน่นอน ขณะเดียวกันหลายๆ ฝ่ายต่างก็มีตัวเลขที่แตกต่างกัน ประเด็นนี้จึงควรรอให้ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้คือ สภาพัฒน์ เป็นผู้ให้คำตอบจะดีที่สุด
นายก่อศักดิ์กล่าวด้วยว่า สำหรับธุรกิจของบริษัทฯในส่วนของแม็คโครนั้น หลังจากที่บริษัทฯดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดของบริษัท สยาม แม็คโคร จำกัด (มหาชน) มาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วนั้น ปรากฏว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2557
โดยเฉพาะด้านการขยายสาขาซึ่งสามารถดำเนินการได้ถึง 7 สาขาในปี 2556 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นสามารถทำได้เพียงปีละประมาณ 3-4 สาขาเท่านั้น
นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมฯ คาดการณ์ว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สถานการณ์ตลาดค้าปลีกโดยรวมน่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่เติบโตเพียง 4.3% ขณะที่ทั้งปีที่แล้วเติบโต 6.3% เพราะจากนี้ไปสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น ทั้งเรื่องปัญหาการเมืองที่สงบลง และภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มกระเตื้องขึ้นมา
รวมทั้งผู้ประกอบการค้าปลีกที่เร่งกันทำการตลาด มีโปรโมชั่นต่างๆมากขึ้น รวมไปถึงโครงการลงทุนต่างๆของเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนและอนุมัติให้มีการส่งเสริมการลงทุนจำนวนมากจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) กล่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับจีดีพีว่า การที่จีดีพีของประเทศจะถูกปรับให้เหลือการเติบโตที่ 2% นั้น มองว่า จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังให้กลับมาฟื้นตัวอย่างมาก และมองว่าจะส่งผลดีในหลายๆด้าน คือ 1.บรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น
ความมั่นใจของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าเริ่มกลับมา 2.เสถียรภาพของรัฐบาลมีมากขึ้น 3.ภาคการผลิตดีขึ้น 4.งบประมาณแผ่นดิน จะเข้าสู่ระบบ
และจะส่งให้การจับจ่ายกลับมาดีขึ้น
“ดังนั้นในส่วนของการทำธุรกิจของบริษัทฯช่วงจากนี้ถึงสิ้นปีนี้จะเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มที่ ด้วยงบการตลาดที่เหลืออีก ประมาณ 80 ล้านบาท จากงบทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาทเท่ากับปีก่อน จากที่ช่วงครึ่งปี่แรกใช้ไปเพียง 20-30 ล้านบาทเท่านั้นเอง”
นายอมรเทพ อสีปัญญา ผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า หากพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศชาติ เพราะมองว่าในสถานการณ์แบบนี้ ประเทศไทยต้องการผู้นำที่เด็ดเดี่ยว และเด็ดขาด หลังจากที่ประเทศวุ่นวายมานาน
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสาหร่ายทอด “เถ้าแก่น้อย” ให้ความเห็นว่า การปรับลดจีดีพีของประเทศเหลือเพียง 2% นั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากว่าไม่มีการปรับหรือเปลี่ยนปลง โอกาสที่ปีนี้จีดีพีจะได้สูงตามเป้าหมายเดิมนั้นคงยาก
“ตอนนี้ผมเริ่มเห็นสัญญาณบวกบ้างแล้ว เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเห็นชัดเจนมากขึ้นคือ กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มไหลกลับเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านไปแต่ละคนก็ทำอะไรลำบากเพราะภาพรวมเศรษฐกิจมันไม่ชัดเจนจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ”