**คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจบริหารประเทศในสภาวการณ์ไม่ปกติ หลายอย่างทำแล้วดูเข้าท่า แต่บางอย่างยังดูไม่เข้าที มาตรการการขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ นับเป็นเรื่องที่ดี
แต่กระนั้น ยังสงสัยว่า คสช.กลัวอะไรว่าหากขึ้นเงินเดือนข้าราชการแล้ว สินค้าจะแพงขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว เพราะวันนี้ค่าครองชีพไปไกลแล้ว ราคาสินค้าขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าไม่ขึ้นเงินเดือนให้ทัน ภาวะความเป็นอยู่ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่
เมื่อข้าราชการขึ้นเงินเดือน เชื่อเหลือเกินว่าเอกชนหลายแห่งก็ต้องขึ้นตาม ยกระดับลูกจ้างขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่ให้นายจ้างจิกหัวใช้แลกเงินเดือนน้อยๆ อยู่เรื่อยไป คนจนคนชั้นกลางมันถึงไม่ได้ลืมตาอ้าปากในสังคมไทยเสียที
** ฉะนั้น อย่าไปพูด อย่าไปกังวลเรื่องสินค้าจะขึ้นราคาเลย มันจะขึ้นใครจะไปห้ามได้ เพราะระบบของไทยมันมีปัญหา กลายเป็นการผูกขาดของ“ทุนใหญ่”ไปแล้ว
ดูอย่างเรื่องไข่ไก่ ที่ชาวบ้านต้องกินทุกวัน วันหนึ่งๆ บริโภคกันหลายสิบล้านฟอง แล้วหน้าไหนเป็นคนจำหน่ายรายใหญ่ จนรายย่อยต้องฉิบหายเลิกทำกันไปหมดแล้ว ก็ “บริษัทของเจ้าสัวสองสูง”นั่นไง ผูกขาดเรื่อยมา กลไกตลาดพินาศหมด ผูกขาดอยู่เจ้าเดียว นึกจะขึ้นก็ขึ้นตามใจฉัน อ้างนู่นอ้างนี่ไปเรื่อย พออากาศร้อนก็บอกไก่เป็นโรค พออากาศหนาวก็อ้างไก่ไม่ไข่ ทั้งๆ ที่เลี้ยงในฟาร์มอย่างดี แล้วก็อ้างสิ่งเหล่านี้มาขึ้นราคา รีดเลือดกับปู
ถ้าไม่แก้ไขก็เป็นปัญหาเรื้อรัง เรียกว่าทุจริตกันแบบโจ๋งครึ่ม หน้าด้านๆ ความจริงวันนี้คสช. มีอำนาจเต็มมือแต่เพียงผู้เดียว ควรจัดการอะไรที่มันเป็นปัญหาแก้ไขไม่ได้ หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปที่ต้องเกรงใจกลุ่มทุน เกรงใจเรื่องผลประโยชน์ ถ้าคสช.บริสุทธิ์ใจจริง และต้องการสะสางปัญหาให้ประชาชนจริงๆ ตามที่ปากว่า ต้องกล้าทำเรื่องนี้ หากไม่ทำ คนก็นินทาว่าไม่ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเมือง มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องเช่นกัน
คสช. ควรใช้มาตรการเด็ดขาด เฉกเช่น สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ทุกฝ่ายกลัวเกรง ไหนๆ จะใช้อำนาจแล้วก็ใช้ให้สุด ใช้ให้แรง แต่ใช้ให้ถูกทางเพื่อล้างสิ่งไม่ดี เรื่องราคาสินค้าใครเอาเปรียบผู้บริโภค ฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาแบบไม่ยึดหลักตรรกะความเป็นจริง ก็ต้องมีการลงโทษเด็ดขาด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ต้องเอาแรงๆ แบบถึงขั้นประหารชีวิตเลย สังคมไทยมันปล่อยปะละเลยมามาก นายทุนเอาเปรียบคนจนจนเคยตัว มันเลยติดสันดาน กดขี่เอาเปรียบสังคมกันไปหมด ต้องทำอะไรให้คนรู้สึกดีชอบชั่วดีบ้าง
การขึ้นเงินเดือนข้าราชการยังเป็นการแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้อีกทางหนึ่ง ทุกวันนี้ข้าราชการเงินไม่พอ ไม่รู้จะหาลำไพ่พิเศษจากไหน บางครั้งเมื่อคุณธรรมอ่อนแอ ก็ทำในสิ่งที่ไม่สมควร จากการฉ้อฉลเล็กๆ น้อย เมื่อทำได้ก็ขยายตัวทำใหญ่ขึ้นๆ สุดท้ายก็ไปร่วมมือนักพ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง ฉ้อฉลปล้นชาติกันเป็นขบวนการ
แค่นั้นไม่พอยังแนะนำพรรคพวก หาพรรคพวกมาร่วมด้วยช่วยกันปล้นเป็นวงจรอุบาทว์ที่เรื้อรัง ฟอนเฟะ กลายเป็นเชื้อโรคในระบบราชการไทยที่ยาวนาน ล้างเท่าไหร่ก็ไม่สะอาดเสียที
** ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะล้างสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ ขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการไป พร้อมกับมีมาตรการเข้มๆ ตามมาในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน เอาแบบสมัยจอมพลสฤษดิ์ อีกเช่นกัน จับได้ตัดหัวประจานกันไปเลย ยิ่งเป็นข้าราชการปวารณาตัวมาแล้วยิ่งต้องเอาให้หนัก
ถ้าทำให้ระบบราชการใสสะอาดขึ้นมาได้ มันก็จะกระจายความโปร่งใสไปได้เยอะ พวกนักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ ก็จะเกรงกลัว ไม่กล้าบุ่มบ่ามย่ามใจเหมือนเดิม หากถูกแฉออกมาก็ซวยเหมือนกัน พวกนี้ก็เช่นกัน ใครคิดทุจริตประพฤติมิชอบต้องเอาไปตัดหัวคั่วแห้งให้หมด
สิ่งที่อยากฝาก คสช. คือ การทำอะไรให้มันถูกเรื่อง ถูกต้องโดนใจประชาชน จะทำให้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง การบริหารประเทศนับจากนี้ไป ภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะราบรื่นแน่นอน ถ้าทำได้ตามนี้ ไม่ใช่ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ หรือไปหยิบจับเรื่องจิ๊บจ๊อย เพื่อหวังคะแนนนิยม ก็อยากฝากให้ดูยุทธศาสตร์ วางหลักการบริหารให้ดี จัดลำดับความสำคัญของปัญหาให้เหมาะสม
เรื่องการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เป็นเรื่องหนึ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการปราบปรามการทุจริตในวงราชการ ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ ไม่ต้องกลัวว่างบจะไม่พอ แค่จัดการปัญหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เกิดขึ้นอยู่ออกไปให้ได้ ก็จะมีงบประมาณเหลือเฟือมาใช้ตรงนี้ เพราะที่สวาปามกันอยู่ ดีดนิ้วนับแล้วก็คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ นี่คือปัญหาที่แท้จริง
**การบริหารประเทศนั้น ข้าราชการเปรียบเหมือนมือไม้ เป็นกลจักรที่สำคัญที่สุด การมอบขวัญกำลังใจให้ตั้งแต่ต้น ย่อมได้ใจไปไม่มากก็น้อย แสดงความจริงใจ ขึ้นเงินให้ไปเลย ถ้าเปรียบเป็นการลงทุน ก็ถือเป็นการลงทุนที่น่าเสี่ยง ซื้อใจไปก่อนเลย แล้วค่อยดูผลที่จะตามมา วันนี้ในมือก็มีทั้งดาบ ทั้งแส้ จะตีรันฟันแทง ลงอาญายังไงก็ได้อยู่แล้ว
ข้าราชการที่ดีนั้นมีอยู่มาก หากคสช.และรัฐบาลชุดใหม่แสดงให้เห็นว่า จะเข้ามาทำเพื่อบูรณะประเทศจริงๆ จะเข้ามาล้างระบบที่มันเละเทะมานาน เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่โฉมใหม่ ย่อมได้รับความร่วมมือล้นหลามแน่ ไอ้ข้าราชการประเภทขี้ฉ้อมีอยู่จริง พวกนี้สังเกตไม่ยาก มาตรการกำจัดทิ้งทำได้แน่ อยู่ที่ว่าจะกล้าจัดการเด็ดขาด เฉียบขาดแค่ไหน
หรือจะปล่อยทิ้งไว้เพื่อคอยหาเศษหาเลย ตัดเปอร์เซ็นต์จ่ายใต้โต๊ะ เหมือนอย่างรัฐบาลเดิมๆ เคยทำมา เรื่องนี้ชาวบ้านเขาเห็น เขารู้ และกำลังจับตาดูอยู่ว่า รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การกำกับดูแลของคสช. จะมีฝีมือ และความโปร่งใสแค่ไหน จะสามารถสร้างความแตกต่าง โดดเด่น หรือไม่ต่างจากรัฐบาลทั่วๆไป ที่ผ่านมา
**หากเป็นแบบนั้น คงต้องบอกว่าซ้ำรอยเดิมปฏิวัติ 2549 ที่คนนินทาขรมเมืองว่า “เสียของ”
ฉะนั้นอยู่ที่คสช.เท่านั้น ที่จะออกแบบประเทศไทย หลังจากนี้เป็นอย่างไร แค่เริ่มต้นให้มันสวยงามดูดีหน่อย คนก็อยากติดตามตอนต่อไปมากขึ้น ถ้าเริ่มแบบกั๊กๆ กล้าๆ กลัวๆ ไม่มีมาดพระเอกเปล่งประกายตั้งแต่ต้น ก็เหมือนหนังที่ไม่น่าติดตาม ดูไปไม่ถึงครึ่งเรื่องก็เลิก
**อยู่ที่ว่า คสช. จะทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ถูกเรื่องหรือไม่ จากนั้นความน่าสนใจ ความนิยมชมชอบก็จะตามมาเอง !!!
แต่กระนั้น ยังสงสัยว่า คสช.กลัวอะไรว่าหากขึ้นเงินเดือนข้าราชการแล้ว สินค้าจะแพงขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว เพราะวันนี้ค่าครองชีพไปไกลแล้ว ราคาสินค้าขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าไม่ขึ้นเงินเดือนให้ทัน ภาวะความเป็นอยู่ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่
เมื่อข้าราชการขึ้นเงินเดือน เชื่อเหลือเกินว่าเอกชนหลายแห่งก็ต้องขึ้นตาม ยกระดับลูกจ้างขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่ให้นายจ้างจิกหัวใช้แลกเงินเดือนน้อยๆ อยู่เรื่อยไป คนจนคนชั้นกลางมันถึงไม่ได้ลืมตาอ้าปากในสังคมไทยเสียที
** ฉะนั้น อย่าไปพูด อย่าไปกังวลเรื่องสินค้าจะขึ้นราคาเลย มันจะขึ้นใครจะไปห้ามได้ เพราะระบบของไทยมันมีปัญหา กลายเป็นการผูกขาดของ“ทุนใหญ่”ไปแล้ว
ดูอย่างเรื่องไข่ไก่ ที่ชาวบ้านต้องกินทุกวัน วันหนึ่งๆ บริโภคกันหลายสิบล้านฟอง แล้วหน้าไหนเป็นคนจำหน่ายรายใหญ่ จนรายย่อยต้องฉิบหายเลิกทำกันไปหมดแล้ว ก็ “บริษัทของเจ้าสัวสองสูง”นั่นไง ผูกขาดเรื่อยมา กลไกตลาดพินาศหมด ผูกขาดอยู่เจ้าเดียว นึกจะขึ้นก็ขึ้นตามใจฉัน อ้างนู่นอ้างนี่ไปเรื่อย พออากาศร้อนก็บอกไก่เป็นโรค พออากาศหนาวก็อ้างไก่ไม่ไข่ ทั้งๆ ที่เลี้ยงในฟาร์มอย่างดี แล้วก็อ้างสิ่งเหล่านี้มาขึ้นราคา รีดเลือดกับปู
ถ้าไม่แก้ไขก็เป็นปัญหาเรื้อรัง เรียกว่าทุจริตกันแบบโจ๋งครึ่ม หน้าด้านๆ ความจริงวันนี้คสช. มีอำนาจเต็มมือแต่เพียงผู้เดียว ควรจัดการอะไรที่มันเป็นปัญหาแก้ไขไม่ได้ หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปที่ต้องเกรงใจกลุ่มทุน เกรงใจเรื่องผลประโยชน์ ถ้าคสช.บริสุทธิ์ใจจริง และต้องการสะสางปัญหาให้ประชาชนจริงๆ ตามที่ปากว่า ต้องกล้าทำเรื่องนี้ หากไม่ทำ คนก็นินทาว่าไม่ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเมือง มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องเช่นกัน
คสช. ควรใช้มาตรการเด็ดขาด เฉกเช่น สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ทุกฝ่ายกลัวเกรง ไหนๆ จะใช้อำนาจแล้วก็ใช้ให้สุด ใช้ให้แรง แต่ใช้ให้ถูกทางเพื่อล้างสิ่งไม่ดี เรื่องราคาสินค้าใครเอาเปรียบผู้บริโภค ฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาแบบไม่ยึดหลักตรรกะความเป็นจริง ก็ต้องมีการลงโทษเด็ดขาด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ต้องเอาแรงๆ แบบถึงขั้นประหารชีวิตเลย สังคมไทยมันปล่อยปะละเลยมามาก นายทุนเอาเปรียบคนจนจนเคยตัว มันเลยติดสันดาน กดขี่เอาเปรียบสังคมกันไปหมด ต้องทำอะไรให้คนรู้สึกดีชอบชั่วดีบ้าง
การขึ้นเงินเดือนข้าราชการยังเป็นการแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้อีกทางหนึ่ง ทุกวันนี้ข้าราชการเงินไม่พอ ไม่รู้จะหาลำไพ่พิเศษจากไหน บางครั้งเมื่อคุณธรรมอ่อนแอ ก็ทำในสิ่งที่ไม่สมควร จากการฉ้อฉลเล็กๆ น้อย เมื่อทำได้ก็ขยายตัวทำใหญ่ขึ้นๆ สุดท้ายก็ไปร่วมมือนักพ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง ฉ้อฉลปล้นชาติกันเป็นขบวนการ
แค่นั้นไม่พอยังแนะนำพรรคพวก หาพรรคพวกมาร่วมด้วยช่วยกันปล้นเป็นวงจรอุบาทว์ที่เรื้อรัง ฟอนเฟะ กลายเป็นเชื้อโรคในระบบราชการไทยที่ยาวนาน ล้างเท่าไหร่ก็ไม่สะอาดเสียที
** ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะล้างสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ ขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการไป พร้อมกับมีมาตรการเข้มๆ ตามมาในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน เอาแบบสมัยจอมพลสฤษดิ์ อีกเช่นกัน จับได้ตัดหัวประจานกันไปเลย ยิ่งเป็นข้าราชการปวารณาตัวมาแล้วยิ่งต้องเอาให้หนัก
ถ้าทำให้ระบบราชการใสสะอาดขึ้นมาได้ มันก็จะกระจายความโปร่งใสไปได้เยอะ พวกนักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ ก็จะเกรงกลัว ไม่กล้าบุ่มบ่ามย่ามใจเหมือนเดิม หากถูกแฉออกมาก็ซวยเหมือนกัน พวกนี้ก็เช่นกัน ใครคิดทุจริตประพฤติมิชอบต้องเอาไปตัดหัวคั่วแห้งให้หมด
สิ่งที่อยากฝาก คสช. คือ การทำอะไรให้มันถูกเรื่อง ถูกต้องโดนใจประชาชน จะทำให้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง การบริหารประเทศนับจากนี้ไป ภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะราบรื่นแน่นอน ถ้าทำได้ตามนี้ ไม่ใช่ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ หรือไปหยิบจับเรื่องจิ๊บจ๊อย เพื่อหวังคะแนนนิยม ก็อยากฝากให้ดูยุทธศาสตร์ วางหลักการบริหารให้ดี จัดลำดับความสำคัญของปัญหาให้เหมาะสม
เรื่องการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เป็นเรื่องหนึ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการปราบปรามการทุจริตในวงราชการ ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ ไม่ต้องกลัวว่างบจะไม่พอ แค่จัดการปัญหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เกิดขึ้นอยู่ออกไปให้ได้ ก็จะมีงบประมาณเหลือเฟือมาใช้ตรงนี้ เพราะที่สวาปามกันอยู่ ดีดนิ้วนับแล้วก็คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ นี่คือปัญหาที่แท้จริง
**การบริหารประเทศนั้น ข้าราชการเปรียบเหมือนมือไม้ เป็นกลจักรที่สำคัญที่สุด การมอบขวัญกำลังใจให้ตั้งแต่ต้น ย่อมได้ใจไปไม่มากก็น้อย แสดงความจริงใจ ขึ้นเงินให้ไปเลย ถ้าเปรียบเป็นการลงทุน ก็ถือเป็นการลงทุนที่น่าเสี่ยง ซื้อใจไปก่อนเลย แล้วค่อยดูผลที่จะตามมา วันนี้ในมือก็มีทั้งดาบ ทั้งแส้ จะตีรันฟันแทง ลงอาญายังไงก็ได้อยู่แล้ว
ข้าราชการที่ดีนั้นมีอยู่มาก หากคสช.และรัฐบาลชุดใหม่แสดงให้เห็นว่า จะเข้ามาทำเพื่อบูรณะประเทศจริงๆ จะเข้ามาล้างระบบที่มันเละเทะมานาน เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่โฉมใหม่ ย่อมได้รับความร่วมมือล้นหลามแน่ ไอ้ข้าราชการประเภทขี้ฉ้อมีอยู่จริง พวกนี้สังเกตไม่ยาก มาตรการกำจัดทิ้งทำได้แน่ อยู่ที่ว่าจะกล้าจัดการเด็ดขาด เฉียบขาดแค่ไหน
หรือจะปล่อยทิ้งไว้เพื่อคอยหาเศษหาเลย ตัดเปอร์เซ็นต์จ่ายใต้โต๊ะ เหมือนอย่างรัฐบาลเดิมๆ เคยทำมา เรื่องนี้ชาวบ้านเขาเห็น เขารู้ และกำลังจับตาดูอยู่ว่า รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การกำกับดูแลของคสช. จะมีฝีมือ และความโปร่งใสแค่ไหน จะสามารถสร้างความแตกต่าง โดดเด่น หรือไม่ต่างจากรัฐบาลทั่วๆไป ที่ผ่านมา
**หากเป็นแบบนั้น คงต้องบอกว่าซ้ำรอยเดิมปฏิวัติ 2549 ที่คนนินทาขรมเมืองว่า “เสียของ”
ฉะนั้นอยู่ที่คสช.เท่านั้น ที่จะออกแบบประเทศไทย หลังจากนี้เป็นอย่างไร แค่เริ่มต้นให้มันสวยงามดูดีหน่อย คนก็อยากติดตามตอนต่อไปมากขึ้น ถ้าเริ่มแบบกั๊กๆ กล้าๆ กลัวๆ ไม่มีมาดพระเอกเปล่งประกายตั้งแต่ต้น ก็เหมือนหนังที่ไม่น่าติดตาม ดูไปไม่ถึงครึ่งเรื่องก็เลิก
**อยู่ที่ว่า คสช. จะทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ถูกเรื่องหรือไม่ จากนั้นความน่าสนใจ ความนิยมชมชอบก็จะตามมาเอง !!!
