ยุคแห่งความสุขภาคบังคับยัดเยียดให้จำเป็นต้องมองโลกสวยทำให้คนทั่วไปทำตัวลำบาก ยิ่งเป็นคนดีห่วงใยอนาคตของชาติบ้านเมืองด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีแต่ความทุกข์สุมอยู่เต็มหัวอก อยู่ในสภาพหน้าชื่นอกตรม ไม่หวังนั่งรออินทร์พรหมมาช่วยคลายปัญหาให้
คนเราถ้าเป็นห่วงเฉพาะตัวเอง คงไม่กระไร เกิดมาชาติเดียวตายไปก็จบเรื่อง แต่คนดีรักห่วงชาติบ้านเมืองยังกังวลว่าอนาคตของลูกหลานจะเป็นอย่างไร ถ้าพื้นฐานของครอบครัวไม่มีฐานะแน่นหนา พออยู่รอดโดยมีอาชีพมั่นคง ไม่แบกภาระหนี้สินเกินตัว
ยิ่งอนาคตบ้านเมืองยังไม่มีความพร้อม เหมือนอยู่ไปเพียงวันๆ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประชาชนโดยรวมประเมินจากพื้นฐานการศึกษา ความรู้ ความชำนาญด้านภาษา ทักษะต่างๆ ยังเป็นรองเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียนอีกเยอะ
พูดถึงความเร่งรีบในนโยบายขอเข้าในสังคมระบบเออีซีที่คนบางกลุ่มกระดี้กระด้าเต็มบ้อง ก็รู้สึกหวั่นว่าอีกไม่นานคนไทยจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทุกวันนี้กรรมสิทธิ์แผ่นดิน 1 ใน 3 ตกอยู่ในมือของคนต่างชาติและตัวแทนซึ่งเป็นคนไทย เช่นนายหน้า
นอกนั้นก็เป็นพวกตัวแทน คู่สมรส เราจึงเห็นความน่าอนาถที่สังคมไทยถูกครอบงำเกือบจะสิ้นเชิงโดยอะไรๆ ที่เป็นของต่างชาติ บอกได้ว่าในบรรดาชาติอาเซียนทั้งหมด ประเทศไทยเป็นยิ่งกว่าเออีซี เราเป็นสากลยิ่งกว่าชาติใดๆ แม้กระทั่งสิงคโปร์
มีอาเซียนชาติใดบ้างที่มีคนหลากหลายชาติ ภาษา แห่กันเข้ามาทำมาหากินเหมือนประเทศไทย มีชุมชนรัสเซีย อิหร่านในพัทยา จอมเทียน ภูเก็ต มีคนลี้ภัยชาวอาหรับ มีพวกโรฮิงยา อุยกูร์ แอฟริกัน คนงานและผู้ลี้ภัยทางเศรษฐกิจจากเพื่อนบ้าน
บ้านเรามีชุมชนชาวเกาหลี จีน เวียดนาม ชมพูทวีป ฯลฯ เป็นสังคมอินเตอร์ โดยคนไทยกลายสภาพเป็นพลเมืองชั้น 2 บนแผ่นดินที่ตัวเองเป็นเพียงเจ้าของแต่ในนาม ขณะที่ประเทศอื่นๆ ไม่มีชุมชนต่างชาติเหมือนที่เรามี ทำมาหากินกว่าเจ้าของแผ่นดิน
ทุกวันนี้มีทั้งฝรั่งหลากเชื้อชาติ ชาวแอฟริกัน เดินบนคันนาในพื้นที่อีสานและภาคอื่นๆ ชาวนาไทยเป็นผู้เช่าได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ไม่เห็นแม้แต่อนาคตของตัวเองและลูกหลาน เหลืออาชีพที่ไม่มีคนต่างชาติแย่งทำคือ “ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก”
ถ้าผู้นำประเทศจากนี้ไป ไม่ห่วงอนาคตบ้านเมือง ไม่ปกป้องสิทธิประโยชน์ของคนในแผ่นดิน เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามากอบโกย ถือครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ คนไทยโดยเฉพาะภาคชนบทด้อยขีดความสามารถ ความรู้จะลำบาก
โดยลำพัง ตัวต่อตัว คนไทยเอาตัวรอดได้ แต่ทุกวันนี้อยู่กันเหมือนต่างคนต่างอยู่ เว้นแต่จะมีภาวะไม่ปกติก็ออกมารวมตัว เลิกละบทบาทไทยเฉยชั่วคราวเพื่อผจญกับภัยของชาติด้วยจิตสำนึกร่วมของคนที่รักแผ่นดินพร้อมเสียสละทรัพย์ เสี่ยงภัย เสี่ยงตาย
บัดนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะเหมือนปกติ ด้วยความสุขซึ่งผู้กุมอำนาจรัฐชักชวนให้มีเพื่อความสงบโดยรวม คนชั่วร้ายโกงบ้านกินเมืองขายชาติในคราบของนักการเมือง ข้าราชการ โจรเมืองกลุ่มต่างๆ ยอมสงบนิ่งรอจังหวะหวนคืนสู่อำนาจเมื่อถึงจุดแปรผัน
ว่าไปแล้วสภาพจิตใจ อารมณ์คนบางกลุ่มในสังคมที่ต้องรับรู้ รับผิดชอบเป็นห่วงต่ออนาคตบ้านเมืองจึงมีความหลากมิติ พวกมองโลกสวย อิ่มกับความสุขจอมปลอมยอมนิ่ง รอดูว่าผู้กุมอำนาจรัฐจะจัดการกำหนดทิศทางบ้านเมืองให้เป็นไปอย่างไร
คนมองโลกสวยยังไม่สบอารมณ์กับพวกที่บ่นดังๆ เมื่อเห็นว่าอะไรๆ เริ่มทะแม่งๆ
พวกนี้จะเหน็บว่า “อ้าว! เมื่อก่อนก็เรียกร้องให้กองทัพออกมาทำรัฐประหาร ตอนนี้ก็ออกมาแล้ว จะมาบ่นหาพระแสงด้ามยาวอะไรอีก นี่เป็นพวกกบเลือกนายชัดๆ” เสร็จแล้วก็หันหน้าไปมองทิศทางของภาพโลกสวยต่อไป อิ่มเอมใจว่าได้เป็นคนว่าง่าย
พวกชาวสวน ก็สวนกลับ “อ้าว! บอกให้ออกมาจัดการปัญหาบ้านเมือง ขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ คนออกมาชุมนุมหลายล้านนานกว่า 7 เดือน มีรัฐประหารแต่ปัญหาหลักๆ ในระบอบทักษิณยังมี ตัวการใหญ่และขี้ข้ายังสุขสบาย จะไม่ให้โวยได้ไง”
พวกชาวสวนยังมองว่าพวกมองโลกสวยไม่ต่างกับพวกมนุษย์กบต้ม!
สภาวะที่นิ่งสงบ หาใช่การนิ่งเงียบไม่ เปรียบเหมือนภายในหม้อต้มความดันอากาศ ข้างในเริ่มระอุ อุณหภูมิสูงทุกระยะ ถ้าไม่เปิดจุกให้ระบายเสียบ้าง อีกไม่นานก็คงต้องระเบิดเหมือนอารมณ์ที่ถูกปิดกั้นกดดัน ถูกห้ามพูด ห้ามวิจารณ์เหตุการณ์ต่างๆ
คนบ้านเราทั่วไป นิสัยง่ายๆ ถ้าไม่พอใจอะไรขอให้ได้บ่นระบาย ไม่เสียเงิน ก็เอา...ชอบมักง่าย เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว จึงตกเป็นเหยื่อพวกหลอกล่อด้วยของฟรีในนโยบายประชานิยม ซึ่งเอามาจากเงินภาษีชาวบ้าน ไม่ใช่จากกระเป๋ามหาเศรษฐีผีบุญการเมือง
ผู้นำรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามารับผิดชอบบ้านเมือง ซึ่งชาวบ้านก็รู้โดยไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร จะต้องมีความพร้อมในการแก้ปัญหาหลักๆ เหล่านี้ ไม่ใช่ใส่ใจเฉพาะเรื่องจิ๊บจ๊อยหญ้าปากคอก ซึ่งจัดการได้โดยเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย ถ้าทำตามหน้าที่จริงๆ
ผู้นำต้องมีความคิดจิตใจกว้าง ดูดซับสิ่งที่ดีงามในสังคมอื่นๆ เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ไม่เห็นแก่รุ่นพี่รุ่นน้อง ตั้งใจมุ่งหน้าทำงานเพื่อชาติ ผลประโยชน์ของประชาชน วางรากฐานสังคมประเทศใหม่ ไม่ให้รัฐประหารต้องเสียของ
การสำรวจความเชื่อมั่นของชาวบ้านได้ชี้ชัดว่าใครสมควรเป็นผู้นำ หวังว่าจะเป็นผู้แก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้เป็นแล้ว ย่อมมีเสียงค่อนแคะว่า “นั่นไง ผลสุดท้ายก็ทำรัฐประหารเพื่อตัวเอง” ข้อกล่าวหาเช่นนี้ไม่ง่ายสำหรับการอธิบายและแก้ตัว
และการบริหารโดยลมปาก สร้างภาพให้ดูดี หลอกตัวเองลวงชาวบ้านจะอยู่ได้ไม่นาน
คนเราถ้าเป็นห่วงเฉพาะตัวเอง คงไม่กระไร เกิดมาชาติเดียวตายไปก็จบเรื่อง แต่คนดีรักห่วงชาติบ้านเมืองยังกังวลว่าอนาคตของลูกหลานจะเป็นอย่างไร ถ้าพื้นฐานของครอบครัวไม่มีฐานะแน่นหนา พออยู่รอดโดยมีอาชีพมั่นคง ไม่แบกภาระหนี้สินเกินตัว
ยิ่งอนาคตบ้านเมืองยังไม่มีความพร้อม เหมือนอยู่ไปเพียงวันๆ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประชาชนโดยรวมประเมินจากพื้นฐานการศึกษา ความรู้ ความชำนาญด้านภาษา ทักษะต่างๆ ยังเป็นรองเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียนอีกเยอะ
พูดถึงความเร่งรีบในนโยบายขอเข้าในสังคมระบบเออีซีที่คนบางกลุ่มกระดี้กระด้าเต็มบ้อง ก็รู้สึกหวั่นว่าอีกไม่นานคนไทยจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทุกวันนี้กรรมสิทธิ์แผ่นดิน 1 ใน 3 ตกอยู่ในมือของคนต่างชาติและตัวแทนซึ่งเป็นคนไทย เช่นนายหน้า
นอกนั้นก็เป็นพวกตัวแทน คู่สมรส เราจึงเห็นความน่าอนาถที่สังคมไทยถูกครอบงำเกือบจะสิ้นเชิงโดยอะไรๆ ที่เป็นของต่างชาติ บอกได้ว่าในบรรดาชาติอาเซียนทั้งหมด ประเทศไทยเป็นยิ่งกว่าเออีซี เราเป็นสากลยิ่งกว่าชาติใดๆ แม้กระทั่งสิงคโปร์
มีอาเซียนชาติใดบ้างที่มีคนหลากหลายชาติ ภาษา แห่กันเข้ามาทำมาหากินเหมือนประเทศไทย มีชุมชนรัสเซีย อิหร่านในพัทยา จอมเทียน ภูเก็ต มีคนลี้ภัยชาวอาหรับ มีพวกโรฮิงยา อุยกูร์ แอฟริกัน คนงานและผู้ลี้ภัยทางเศรษฐกิจจากเพื่อนบ้าน
บ้านเรามีชุมชนชาวเกาหลี จีน เวียดนาม ชมพูทวีป ฯลฯ เป็นสังคมอินเตอร์ โดยคนไทยกลายสภาพเป็นพลเมืองชั้น 2 บนแผ่นดินที่ตัวเองเป็นเพียงเจ้าของแต่ในนาม ขณะที่ประเทศอื่นๆ ไม่มีชุมชนต่างชาติเหมือนที่เรามี ทำมาหากินกว่าเจ้าของแผ่นดิน
ทุกวันนี้มีทั้งฝรั่งหลากเชื้อชาติ ชาวแอฟริกัน เดินบนคันนาในพื้นที่อีสานและภาคอื่นๆ ชาวนาไทยเป็นผู้เช่าได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ไม่เห็นแม้แต่อนาคตของตัวเองและลูกหลาน เหลืออาชีพที่ไม่มีคนต่างชาติแย่งทำคือ “ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก”
ถ้าผู้นำประเทศจากนี้ไป ไม่ห่วงอนาคตบ้านเมือง ไม่ปกป้องสิทธิประโยชน์ของคนในแผ่นดิน เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามากอบโกย ถือครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ คนไทยโดยเฉพาะภาคชนบทด้อยขีดความสามารถ ความรู้จะลำบาก
โดยลำพัง ตัวต่อตัว คนไทยเอาตัวรอดได้ แต่ทุกวันนี้อยู่กันเหมือนต่างคนต่างอยู่ เว้นแต่จะมีภาวะไม่ปกติก็ออกมารวมตัว เลิกละบทบาทไทยเฉยชั่วคราวเพื่อผจญกับภัยของชาติด้วยจิตสำนึกร่วมของคนที่รักแผ่นดินพร้อมเสียสละทรัพย์ เสี่ยงภัย เสี่ยงตาย
บัดนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะเหมือนปกติ ด้วยความสุขซึ่งผู้กุมอำนาจรัฐชักชวนให้มีเพื่อความสงบโดยรวม คนชั่วร้ายโกงบ้านกินเมืองขายชาติในคราบของนักการเมือง ข้าราชการ โจรเมืองกลุ่มต่างๆ ยอมสงบนิ่งรอจังหวะหวนคืนสู่อำนาจเมื่อถึงจุดแปรผัน
ว่าไปแล้วสภาพจิตใจ อารมณ์คนบางกลุ่มในสังคมที่ต้องรับรู้ รับผิดชอบเป็นห่วงต่ออนาคตบ้านเมืองจึงมีความหลากมิติ พวกมองโลกสวย อิ่มกับความสุขจอมปลอมยอมนิ่ง รอดูว่าผู้กุมอำนาจรัฐจะจัดการกำหนดทิศทางบ้านเมืองให้เป็นไปอย่างไร
คนมองโลกสวยยังไม่สบอารมณ์กับพวกที่บ่นดังๆ เมื่อเห็นว่าอะไรๆ เริ่มทะแม่งๆ
พวกนี้จะเหน็บว่า “อ้าว! เมื่อก่อนก็เรียกร้องให้กองทัพออกมาทำรัฐประหาร ตอนนี้ก็ออกมาแล้ว จะมาบ่นหาพระแสงด้ามยาวอะไรอีก นี่เป็นพวกกบเลือกนายชัดๆ” เสร็จแล้วก็หันหน้าไปมองทิศทางของภาพโลกสวยต่อไป อิ่มเอมใจว่าได้เป็นคนว่าง่าย
พวกชาวสวน ก็สวนกลับ “อ้าว! บอกให้ออกมาจัดการปัญหาบ้านเมือง ขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ คนออกมาชุมนุมหลายล้านนานกว่า 7 เดือน มีรัฐประหารแต่ปัญหาหลักๆ ในระบอบทักษิณยังมี ตัวการใหญ่และขี้ข้ายังสุขสบาย จะไม่ให้โวยได้ไง”
พวกชาวสวนยังมองว่าพวกมองโลกสวยไม่ต่างกับพวกมนุษย์กบต้ม!
สภาวะที่นิ่งสงบ หาใช่การนิ่งเงียบไม่ เปรียบเหมือนภายในหม้อต้มความดันอากาศ ข้างในเริ่มระอุ อุณหภูมิสูงทุกระยะ ถ้าไม่เปิดจุกให้ระบายเสียบ้าง อีกไม่นานก็คงต้องระเบิดเหมือนอารมณ์ที่ถูกปิดกั้นกดดัน ถูกห้ามพูด ห้ามวิจารณ์เหตุการณ์ต่างๆ
คนบ้านเราทั่วไป นิสัยง่ายๆ ถ้าไม่พอใจอะไรขอให้ได้บ่นระบาย ไม่เสียเงิน ก็เอา...ชอบมักง่าย เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว จึงตกเป็นเหยื่อพวกหลอกล่อด้วยของฟรีในนโยบายประชานิยม ซึ่งเอามาจากเงินภาษีชาวบ้าน ไม่ใช่จากกระเป๋ามหาเศรษฐีผีบุญการเมือง
ผู้นำรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามารับผิดชอบบ้านเมือง ซึ่งชาวบ้านก็รู้โดยไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร จะต้องมีความพร้อมในการแก้ปัญหาหลักๆ เหล่านี้ ไม่ใช่ใส่ใจเฉพาะเรื่องจิ๊บจ๊อยหญ้าปากคอก ซึ่งจัดการได้โดยเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย ถ้าทำตามหน้าที่จริงๆ
ผู้นำต้องมีความคิดจิตใจกว้าง ดูดซับสิ่งที่ดีงามในสังคมอื่นๆ เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ไม่เห็นแก่รุ่นพี่รุ่นน้อง ตั้งใจมุ่งหน้าทำงานเพื่อชาติ ผลประโยชน์ของประชาชน วางรากฐานสังคมประเทศใหม่ ไม่ให้รัฐประหารต้องเสียของ
การสำรวจความเชื่อมั่นของชาวบ้านได้ชี้ชัดว่าใครสมควรเป็นผู้นำ หวังว่าจะเป็นผู้แก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้เป็นแล้ว ย่อมมีเสียงค่อนแคะว่า “นั่นไง ผลสุดท้ายก็ทำรัฐประหารเพื่อตัวเอง” ข้อกล่าวหาเช่นนี้ไม่ง่ายสำหรับการอธิบายและแก้ตัว
และการบริหารโดยลมปาก สร้างภาพให้ดูดี หลอกตัวเองลวงชาวบ้านจะอยู่ได้ไม่นาน