xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.ส่งสำนวนอัยการสูงสุด ฟ้อง"ปู"โกงข้าว จับเสี่ยปทุมฯขโมยข้าว100ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-"รองเอก" แถลงจับเสี่ยใหญ่ เมืองปทุมฯ พร้อมพวก 2 คน ร่วมกันขโมยข้าวที่รับจำนำไว้เอไปขายมูลค่าเฉียด 100 ล้าน ป.ป.ช.เตรียมส่งสำนวนคดี "ปู" ปล่อยโกงข้าวให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องสัปดาห์หน้า "หมอวรงค์"ข้องใจผลสอบมีข้าวเสื่อมแค่ 10% "พาณิชย์"จีบจีน-มาเลย์ ซื้อข้าวใหม่รวม 1.7 ล้านตัน เพื่อช่วยดึงผลผลิตออกจากตลาด

วานนี้ (30ก.ค.) ที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 (ภ.1) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รองผบช.ภ พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว. ปทุมธานี และพ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี รองผบก.ป. ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายกิตติพงศ์ แสนวรางกุล หรือเล็ก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีเลขที่149/2557 ลงวันที่ 29 ก.ค.2557 และนายธีระศักดิ์ แสนวรางกุล หรือเสี่ยใหญ่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุม ธานี เลขที่ จ150/2557ลงวันที่ 29 ก.ค.2557 กรณีขโมยข้าวไปขาย 98,000 กระสอบ เป็นมูลค่าความเสียหาย 98 ล้านบาท

พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า สืบเนื่องมาจากการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวในเขตพื้นที่ สภ.ปากคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งทั้งสองผู้ต้องหาได้ทำสัญญากับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ให้เช่าพื้นที่โกดังเก็บข้าว แต่ผู้ต้องหากลับร่วมกันขโมยข้าวที่ฝากไว้ไปหมุนเวียนเข้าโครงการอีกหลายครั้ง ก่อนที่หลบหนีไปในเวลาต่อมา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด การพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม" ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

ทั้งนี้ นอกจากคดีข้าวหายในพื้นที่ปทุมธานีแล้ว ยังได้รับรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในพื้นที่จังหวัดพิจิตร อำเภอตะพานหิน ก็มีข้าวหายไปจากโกดังเช่นเดียวกัน ล่าสุดได้มอบหมายให้ตำรวจสอบสวนขยายผลว่าเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่

***ส่งสำนวนโกงข้าวให้อัยการสั่งฟ้อง

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนวนคดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำสำนวน และคาดว่าจะสามารถส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อสั่งฟ้องคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการปล่อยละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวได้ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ทันตามกรอบเวลา 15 วัน และจะส่งสำนวนไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งด้วย

**"ปนัดดา"ลั่นฟื้นฟูชื่อเสียงข้าวไทย

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Panadda Diskul ระบุว่า ช่วงนี้คงจะขออนุญาตงด Postเรื่องผลการตรวจโกดัง ไซโลข้าว ลงสักช่วงหนึ่ง เพราะใกล้เวลาที่จะเสร็จสิ้นการเดินทางออกตรวจสอบข้อเท็จจริงโกดัง ไซโลข้าว ของคณะทำงานทั้ง 100 คณะ นำโดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงต่างๆ ข้าพเจ้าและทีมงานทุกภาคส่วน กำลังดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์ที่เป็นภาพรวม เพื่อนำเสนอคณะกรรมการ นบข. ทั้งในเรื่องคุณภาพข้าวประเภทต่างๆ ปริมาณคงเหลือ โดยทีมงานทุกคน จะร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อตอบแทนบุญคุณพี่น้องชาวนาไทยในการฟื้นฟูชื่อเสียงของข้าวไทยให้กลับคืนสู่สถานภาพเดิมที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณไปทั่วโลก ข้าพเจ้าจำได้อย่างแม่นยำถึงเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษา และเดินทางติดตามพ่อ ซึ่งไปดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตไทยในทวีปยุโรป ตามร้านอาหารที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง จะนิยมตีพิมพ์ไว้ในเมนูว่า ทุกรายการอาหารเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ จากประเทศไทย (All dinners served with hot Thai rice) ซึ่งทำให้ข้าพเจ้า และคนไทยทุกๆ คน มีความภาคภูมิใจมาก

**ข้องใจผลสอบมีข้าวเสื่อมแค่ 10 %

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศว่า เป็นสิ่งที่ได้ใจประชาชน เพราะได้ตีแผ่ความจริงหลายอย่าง โดยเฉพาะการตรวจทั้งปริมาณและคุณภาพ แต่ต้องมาสะดุดตรงที่บทสรุปช่วงหลังที่มีการระบุว่า จากการตรวจสอบข้าวทั่วประเทศไปแล้ว 1,290 แห่ง จากที่มีทั้งหมด 1,787 แห่ง คิดเป็น 72 เปอร์เซ็นต์ พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้าวที่มีคุณภาพดีและถูกต้อง มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้และเสื่อมคุณภาพ ซึ่งหากพิจารณาแค่ข้าวเสื่อมสภาพ คล้ายกับว่าจะหลงทางจริงๆ เพราะกรรมการตรวจโกดัง ใช้แค่การสุ่มเจาะบางกอง และรื้อกองตรวจบางกระสอบเท่านั้น กรรมการไม่ได้เจาะข้าวทุกกระสอบ ทุกโกดัง จึงจะบอกได้ว่า ข้าวเสื่อมกี่กระสอบ และเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นตัวเลข 10 เปอร์เซ็นต์ ที่อ้างว่าเสื่อมคุณภาพ จึงทำให้เกิดความสับสนว่าออกมาได้อย่างไร ที่สำคัญยังมีอีกหลายอย่างที่สังคมกำลังติดตามการทำงานของคณะกรรมการ

"ผมยังให้กำลังใจคณะกรรมการในการตีแผ่ข้อเท็จจริงเหล่านี้ แต่ให้ระมัดระวัง อย่าเดินหลงทาง และขอสนับสนุนคำพูดของนายปราโมทย์ วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย ที่ระบุเกี่ยวกับการตรวจโกดังข้าวว่าหากดูผลตรวจสอบเหมือนกับการตรวจครั้งนี้ เป็นการเอาตรายางประทับความถูกต้องให้ทั้งวงการ คือ อะไรผิด ก็ต้องบอกว่า ผิด ผิดแล้วก็จะบอกด้วยว่า ผิดตรงไหน" นพ.วรงค์กล่าว

***"พาณิชย์"จีบจีน-มาเลย์ช่วยซื้อข้าว

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การดูแลราคาข้าวเปลือกฤดูการผลิตปี 2557/58 กระทรวงฯ มีแผนที่จะเจรจาขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับ COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนให้ซื้อข้าวใหม่ปริมาณ 3 แสนตันตามสัญญาที่ได้จัดทำไว้แล้ว และจะเจรจาขยายสัญญาให้ซื้อเพิ่ม มีเป้าหมาย 1 ล้านตัน รวมทั้งจะเจรจากับผู้ซื้อมาเลเซียที่มีความประสงค์จะซื้อข้าวให้ซื้อข้าวใหม่ประมาณ 7 แสนตัน ซึ่งเชื่อว่าหากเจรจาสำเร็จจะช่วยดึงผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะออกออกสู่ตลาดได้มาก และมีผลทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ยังมีแผนที่จะระบายข้าวผ่านช่องทางใหม่ๆ เช่น โรงพยาบาล ค่ายทหาร และเรือนจำ เป็นต้น รวมทั้งใช้วิธีให้ผู้ประกอบการซื้อข้าวเก็บสต๊อกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยรัฐสนับสนนด้านเงินกู้และชดเชยดอกเบี้ยให้ และผลักดันให้เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเป็นผู้ให้สินเชื่อในอัตรา 80% ของราคาตลาดเฉลี่ย เพื่อชะลอการขายข้าวเปลือก

ส่วนการระบายข้าวในสต๊อก เบื้องต้นจะเปิดระบาย 2-5 แสนตันในเดือนส.ค.นี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เหมาะสมก่อนที่ข้าวฤดูการใหม่จะออกสู่ตลาด และมั่นใจว่าจะได้ราคาดี เพราะขณะนี้ตลาดมีความต้องการข้าวสูงขึ้น จากการที่ผลผลิตข้าวโลกได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง และผลผลิตข้าวของไทยเองก็มีปริมาณต่ำกว่าที่คาดไว้

** โพลหนุนนโยบายลดต้นทุนผลิตข้าว

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ จากองค์กรชั้นนำ 34 แห่ง จำนวน 72 คน เรื่อง “เปรียบเทียบนโยบายข้าวจากยุคอภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์ ถึง คสช. นโยบายใดโดนใจนักเศรษฐศาสตร์” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 16 -28ก.ค. ที่ผ่านมา พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ ร้อยละ 63.9 ให้นโยบายลดต้นทุนการผลิต (ข้าว) ของคสช. เหนือนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ในยุคนายกฯ อภิสิทธิ์ และนโยบายจำนำข้าวในยุค นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากนักเศรษฐศาสตร์เพียงร้อยละ 13.9 และร้อยละ 1.4 ตามลำดับ และยังเห็นอีกว่านโยบายลดต้นทุน เหนือกว่านโยบายประกันรายได้และนโยบายจำนำข้าวในทุกประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการเป็นภาระต่อต้นทุนทางการคลัง

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ ยังให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินนโยบายลดต้นทุนการผลิตข้าวของ คสช. โดยต้องให้ความสำคัญกับการตลาด การขยายตลาด ควบคู่กับการลดต้นทุนการผลิต และดูแลกลไกตลาดป้องกันพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการทำโซนนิ่ง การปรับปรุงคุณภาพข้าว และปรับปรุงระบบชลประทาน และต้องเพิ่มพูนความรู้ให้กับเกษตรกร
กำลังโหลดความคิดเห็น