xs
xsm
sm
md
lg

คสช.เลิกจำนำ-ประกันราคา เผยผลตรวจสต๊อกข้าวดี80%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (28 ก.ค.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เปิดเผยหลังการประชุม นบข. ครั้งที่ 2/57 ถึงการดำเนินการของคณะอนุกรรมการ 2 คณะ คือ คณะอนุกรรมการกำหนดนโยบาย และคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าว ว่า ได้มีการเสนอยุทธศาสตร์เพิ่มเติมในการผลิตข้าวของไทย ซึ่งประกอบด้วยยุทธศาสตร์ด้านการผลิต และด้านการตลาด โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรผลิตข้าวคุณภาพดี และขายได้ในราคาเหมาะสม โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวได้รายงานผลให้ทราบว่า ขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบข้าวทั่วประเทศไปแล้ว 1,290 แห่ง จากที่มีทั้งหมด 1,787 แห่ง ซึ่งคิดเป็น 72 เปอร์เซนต์ และพบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้าวที่มีคุณภาพดี และถูกต้อง มีเพียง10 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ และเสื่อมคุณภาพ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป ขณะนี้ไม่จำเป็นต้องมีการเร่งระบายข้าว แต่ต้องดูตามกลไกตลาด ไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาข้าว และต้องดูว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ที่จะสามารถระบายข้าวได้ และในอนาคตเรื่องของประกันราคาข้าว และการจำนำข้าว จะไม่มีการพิจารณาใช้กับระบบของไทย แต่จะเน้นให้เกษตรกรปลูกข้าวที่มีคุณภาพ รวมถึงปลูกพืชอื่นๆ ทดแทนด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัยฯได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ได้ทุ่มเทปฏิบัติภารกิจในการติดตาม ประเมินตรวจสอบคุณภาพข้าว ในห้วงเดือนนี้ พร้อมให้ดำเนินการสรุปผลการตรวจสอบให้ คสช. ทราบโดยเร็ว เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้า และตรวจสอบผลสำเร็จของมาตรการต่างๆ ที่ คสช. กำหนดไว้ในการช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการสร้างความเข้าใจกับชาวนา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในแนวทางการแก้ปัญหาของเกษตรกรอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงมาตรฐานการตลาด และการผลิตในอนาคต รวมทั้งได้ย้ำให้ภาครัฐ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น พร้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการกำหนดยุทธศาสตร์ทางการเกษตร
ส่วนการส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าวที่มีคุณภาพ หรือปลูกข้าวตามท้องถิ่น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี และง่ายต่อการจำหน่ายนั้น เป็นเรื่องที่ควรได้รับการสนับสนุน นอกจากนี้เร่งรัดให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลด้านเกษตรกรรมประจำจังหวัด/อำเภอ เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผลผลิตร่วมกันระหว่างภาค รัฐและเกษตรกร

**"บิ๊กตู่"โผล่แจงตั้งศูนย์ซื้อผลผลิตเกษตร

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนการประชุม นบข. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้เข้ามาทักทายผู้เข้าร่วมประชุมภายในที่ประชุม และแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน โดยการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเป็นการป้องกันการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ และเมื่อมีการจัดซื้อผลผลิตมารวมกันแล้ว จะมีการปรับปรุงคุณภาพผลผลิต เพื่อจำหน่ายไปยังต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ จึงอยากให้คณะกรรมการนำเรื่องข้าวเข้าไปในส่วนนี้ด้วย
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอความเห็นในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวว่าจะสามารถจัดตั้งเป็นระบบสหกรณ์เพื่อให้มีความเข้มแข็งได้หรือไม่ รวมถึงแนวทางการระบายข้าวต่อไป ว่าจะเป็นอย่างไร

**"พาณิชย์"ยันประเมินก่อนระบายข้าว

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า แผนการระบายสต๊อกข้าวที่กรมฯ เสนอ นบข.พิจารณา เป็นเพียงกรอบการทำงานที่กำหนดขึ้นมา ซึ่งในการระบายข้าวจริง จะต้องดูช่วงจังหวะระยะเวลา และสถานการณ์ตลาดข้าวในขณะนั้น ว่าจะระบายอย่างไรและในปริมาณเท่าไร ที่จะไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวในตลาด โดยกรมฯยังยืนยันที่จะเริ่มทยอยระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลในเดือนส.ค. แต่จะระบาย 5 แสนตัน ตามกรอบหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ ขอดูสถานการณ์ตลาดก่อน
"การระบายข้าวต้องดูจังหวะ ไม่ใช่ว่าจะทำตามกรอบเป๊ะๆ โดยกรอบการระบายข้าวเดือนละ 5 แสนตัน เป็นการประเมินว่าถ้าระบายเท่านี้ จะสามารถระบายข้าวได้หมดภายใน 3 ปี แต่ถ้าระบายต่ำกว่านั้น ก็อาจต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 3 ปี เป็นต้น" นางดวงพร กล่าว
**ฝากข้าวโกดังเหมือนฝากปลาย่างกับแมว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมีข้อสังเกตการดำเนินคดีการตรวจโกดังข้าว กรณีข้าวเหลือง เสื่อมสภาพ เวียนเทียน หรือแม้แต่ข้าวหาย เนื่องจากการฝากข้าวเก็บในโกดัง โดยขนมาจากโรงสี มีเซอร์เวย์ องค์การคลังสินค้า (อคส.)หรือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) และตัวแทนจังหวัดร่วมดูแล สภาพดังกล่าวคล้ายฝากปลาย่างไว้กับแมว สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จึงยากที่จะดำเนินคดี เพราะแมวร่วมกันกินปลาย่าง และแบ่งปลาย่างนั้นให้กับแมวที่ตัวใหญ่กว่า เมื่อปลาย่างหาย แต่ให้แมวไปแจ้งความ ข้อมูลที่ได้รับพบว่า การแจ้งความดำเนินคดีจึงอ่อนทั้งสำนวน และหลักฐาน พยานวัตถุ ข้อเท็จจริงในหลายพื้นที่ สุดท้ายคดีความดังกล่าวเหล่านี้ ก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ กรณีข้าวหายที่ปทุมธานี เกือบแสนกระสอบ จึงอยากฝากเป็นข้อสังเกตแก่ผู้มีอำนาจว่า ควรที่จะลงไปดูแล และตามให้ทันเล่ห์กลในเรื่องนี้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น