วานนี้ (27ก.ค.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณ และคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งข้อสังเกตจากการไปตรวจโกดังข้าวที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า ปัญหาสำคัญอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว ที่หลายคนมองข้าม เป็นผลมาจากความรีบเร่งเปิดตัวโครงการประชานิยมดังกล่าว โดยปราศจากการคำนึงถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิของข้าวไทย กลับกลายเป็นจุดบกพร่องทางกลยุทธ์ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งนำสู่ความล้มเหลวในที่สุด
ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องคุณภาพ และมาตรฐานของโกดังข้าว เพราะโกดังหลายแห่ง อยู่ในสภาพ "จำยอม" ทำหน้าที่เก็บรักษาข้าวตามที่ภาครัฐกำหนด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีความรู้ ความเข้าใจ คิดกันไปเองว่า ได้ค่าเช่าบ้างก็ยังดี โกดังหลายแห่งจึงขาดมาตรฐานที่เหมาะสม ขณะนี้ เจ้าของโกดังพากันเบื่อหน่ายกับเซอร์เวเยอร์ และโครงการเจ้าปัญหา เขาอยากให้ฝันร้ายนี้จบลงโดยเร็ว เพราะเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง นอกจากจะถูกเพ่งเล็งจากสังคมว่า มีส่วนรู้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งแม้แต่ค่าเช่าโกดัง ก็ได้รับการชำระจากภาครัฐที่ล่าช้ามาก และในหลายกรณี ยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมของสถานที่อีกด้วย
** ข้าวอีสาน14 จว.หาย4พันกระสอบ
พ.อ.(พิเศษ) ชินกาจ รัตนจิตติ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงผลการตรวจปริมาณข้าว ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่างวันที่ 3-26 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากการจัดกำลังทหารเข้าร่วมกับคณะทำงานตรวจปริมาณและคุณภาพข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 จังหวัด 297 โกดัง ปรากฏว่า มีข้าวหายไป 4,294 กระสอบ คิดเป็น ร้อยละ 0.018 จากบัญชีข้าว 23,235,449 กระสอบ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยไม่ถึงร้อยละ 1 และมีปริมาณข้าวที่เสียหายจากการเก็บรักษาไม่ดี สภาพโกดังไม่ดี อีก 17,505 กระสอบ คิดเป็นร้อยละ 0.08
ทั้งนี้ คณะทำงานได้เก็บตัวอย่างข้าวจากทุกโกดัง ส่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวส่วนกลาง เพื่อทำการตรวจสอบว่า มีความผิดปกติ หรือปลอมปนอย่างไร หรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา กล่าวว่า จากรายงานการตรวจปริมาณข้าวใน จ.นครราชสีมา พบว่านายบรรจง เกษมธรรมนันท์ พนักงานคลังสินค้า 5 องค์การคลังสินค้า (อคส.) แจ้งความไว้ที่ สภ.ขามสะแกแสง เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ว่ามีข้าวสารหายไปจากโกดัง 130 กระสอบ หรือประมาณ 13,000 กิโลกรัม มูลค่าความเสียหาย 325,000 บาท โดยระบุว่า เป็นข้าวสารหอมมะลิชั้น 2 โครงการรับจำนำข้าวฤดู 2556/57 ของคลังเก็บสินค้าพัฒนกำชัย หลังที่ 2 อ.ขามสะแกแสง
ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกเจ้าของโกดัง มาชี้แจง และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งได้รับการติดต่อว่ามาพบพนักงานสอบสวนภายใน 1-2 วันนี้
**ชาวนาแห่กู้ธ.ก.ส.กว่า 2 ล้านราย
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติให้ธ.ก.ส.ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 ลงร้อยละ 3 ต่อปีนั้น ปรากฏว่า มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.มาขอใช้บริการสินเชื่อผ่านธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อนำไปเพาะปลูกข้าวแล้ว จำนวน 2 ล้านราย ซึ่งเกษตรกรดังกล่าวถือเป็นกลุ่มที่จะได้รับสิทธิในการลดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ตามมาตรการในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เกษตรกรยังขาดความเข้าใจในการใช้สิทธิดังกล่าว ซึ่งขั้นตอนสำคัญคือ เกษตรกรต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับเกษตรอำเภอ หรือเกษตรจังหวัดในพื้นที่ โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.และที่ไม่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.รวมไปถึงเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ให้เร่งไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับหน่วยงานข้างต้น เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราเดิมที่เกษตรกรเคยกู้ลดลงร้อยละ 3 ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องคุณภาพ และมาตรฐานของโกดังข้าว เพราะโกดังหลายแห่ง อยู่ในสภาพ "จำยอม" ทำหน้าที่เก็บรักษาข้าวตามที่ภาครัฐกำหนด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีความรู้ ความเข้าใจ คิดกันไปเองว่า ได้ค่าเช่าบ้างก็ยังดี โกดังหลายแห่งจึงขาดมาตรฐานที่เหมาะสม ขณะนี้ เจ้าของโกดังพากันเบื่อหน่ายกับเซอร์เวเยอร์ และโครงการเจ้าปัญหา เขาอยากให้ฝันร้ายนี้จบลงโดยเร็ว เพราะเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง นอกจากจะถูกเพ่งเล็งจากสังคมว่า มีส่วนรู้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งแม้แต่ค่าเช่าโกดัง ก็ได้รับการชำระจากภาครัฐที่ล่าช้ามาก และในหลายกรณี ยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมของสถานที่อีกด้วย
** ข้าวอีสาน14 จว.หาย4พันกระสอบ
พ.อ.(พิเศษ) ชินกาจ รัตนจิตติ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงผลการตรวจปริมาณข้าว ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่างวันที่ 3-26 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากการจัดกำลังทหารเข้าร่วมกับคณะทำงานตรวจปริมาณและคุณภาพข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 จังหวัด 297 โกดัง ปรากฏว่า มีข้าวหายไป 4,294 กระสอบ คิดเป็น ร้อยละ 0.018 จากบัญชีข้าว 23,235,449 กระสอบ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยไม่ถึงร้อยละ 1 และมีปริมาณข้าวที่เสียหายจากการเก็บรักษาไม่ดี สภาพโกดังไม่ดี อีก 17,505 กระสอบ คิดเป็นร้อยละ 0.08
ทั้งนี้ คณะทำงานได้เก็บตัวอย่างข้าวจากทุกโกดัง ส่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวส่วนกลาง เพื่อทำการตรวจสอบว่า มีความผิดปกติ หรือปลอมปนอย่างไร หรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา กล่าวว่า จากรายงานการตรวจปริมาณข้าวใน จ.นครราชสีมา พบว่านายบรรจง เกษมธรรมนันท์ พนักงานคลังสินค้า 5 องค์การคลังสินค้า (อคส.) แจ้งความไว้ที่ สภ.ขามสะแกแสง เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ว่ามีข้าวสารหายไปจากโกดัง 130 กระสอบ หรือประมาณ 13,000 กิโลกรัม มูลค่าความเสียหาย 325,000 บาท โดยระบุว่า เป็นข้าวสารหอมมะลิชั้น 2 โครงการรับจำนำข้าวฤดู 2556/57 ของคลังเก็บสินค้าพัฒนกำชัย หลังที่ 2 อ.ขามสะแกแสง
ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกเจ้าของโกดัง มาชี้แจง และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งได้รับการติดต่อว่ามาพบพนักงานสอบสวนภายใน 1-2 วันนี้
**ชาวนาแห่กู้ธ.ก.ส.กว่า 2 ล้านราย
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติให้ธ.ก.ส.ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 ลงร้อยละ 3 ต่อปีนั้น ปรากฏว่า มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.มาขอใช้บริการสินเชื่อผ่านธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อนำไปเพาะปลูกข้าวแล้ว จำนวน 2 ล้านราย ซึ่งเกษตรกรดังกล่าวถือเป็นกลุ่มที่จะได้รับสิทธิในการลดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ตามมาตรการในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เกษตรกรยังขาดความเข้าใจในการใช้สิทธิดังกล่าว ซึ่งขั้นตอนสำคัญคือ เกษตรกรต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับเกษตรอำเภอ หรือเกษตรจังหวัดในพื้นที่ โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.และที่ไม่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.รวมไปถึงเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ให้เร่งไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับหน่วยงานข้างต้น เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราเดิมที่เกษตรกรเคยกู้ลดลงร้อยละ 3 ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน