xs
xsm
sm
md
lg

ขีดเส้นสิ้นก.ค.ได้สนช.10ส.ค.คิกออฟสรรหาสปช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ประยุทธ์” ขีดเส้นไม่เกินสิ้นเดือน ก.ค.ได้ สนช. เริ่มทำงานกลาง ส.ค. ก่อนเดินหน้าสรรหานายกฯ-ครม. ให้กรอบแถลงงบประมาณไม่เกิน 15 ส.ค. ส่วน สปช.ให้จัดอีเว้นท์คิกออฟ 10 ส.ค.นี้ที่สโมสร ทบ. ด้าน “ปลัดกลาโหม” ปัดนั่งประธาน สนช. ออกตัวไม่เชี่ยวชาญ กม. อ้างทหารพรึ่บ สนช.เหตุประเทศไม่ปกติ ป.ป.ช.ให้รอ สนช.ก่อนฟันธงถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ต่อหรือไม่ ยันจะส่งเรื่องให้ตามกระบวนการแล้ว เล็งเรียกถกคณะใหญ่เคาะ สนช.-สปช.โชว์บัญชีทรัพย์สิน หนุนพวกต้องมลทินคดีทุจริต ห้ามลงสมัครผู้แทน

วานนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช.เพื่อติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าการดำเนินงานด้านต่างๆของ คสช. โดยมีผู้แทนจากส่วนงานด้านต่างๆเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

10 ส.ค.จัดคิกออฟสรรหา สปช.

ในระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงกรณีการเดินหน้าทำงานตามโรดแมป ระยะที่ 2 ของ คสช. หลังมีการโปรดเกล้าฯและประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแล้ว ซึ่งคาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนก.ค.นี้จะมีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนที่ สนช.จะเริ่มต้นปฏิบัติงาน และมีการเปิดประชุมได้ในช่วงกลางเดือน ส.ค. จากนั้นก็จะมีการดำเนินการสรรหานายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดยได้มอบหมายงานให้เร่งดำเนินการจัดทำคำแถลงนโยบายรัฐบาล และคำแถลงงบประมาณ ให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ในส่วนของการรับสมัครสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้น ได้ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการจัดงานคิกออฟเปิดตัวกระบวนการสรรหา สปช.ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต คาดว่าจะดำเนินการได้ไม่เกินวันที่ 10 ส.ค.นี้ เพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่าย และทำการปฏิรูปประเทศให้เสร็จภายในระยะเวลา 10 เดือน

พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มอบหมายให้หัวหน้า 5 กลุ่มงานของ คสช.ดำเนินการจัดทำโรดแมป การทำงานตลอดระยะเวลา พร้อมกับสรุปการปฏิบัติงานทุกไตรมาส ซึ่งจะต้องเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ในส่วนของการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปี ขอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) มีการตรวจสอบคุณสมบัติให้เรียบร้อย ก่อนส่งรายชื่อทั้งหมดมาให้ภายในวันที่ 15 ส.ค. โดยจะยึดระบบการแต่งตั้งเช่นเดียวกับของข้าราชการทหาร พร้อมกันนี้ ยังได้ชี้แจงถึงการปรับปรุงอาคารทำเนียบรัฐบาลด้วยว่า ไม่ได้ดำเนินการเพื่อต้อนรับหัวหน้า คสช.หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อหน้าตาของประเทศ และให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าไปปฏิบัติงานของข้าราชการได้ ซึ่งขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ขณะที่ในเรื่องของสื่อบางส่วนที่ยังมีการละเมิดประกาศของ คสช.อยู่ ได้ขอให้สมาคมสื่อฯต่างๆได้ไปกำกับดูแลกันเอง เพื่อให้การทำงานของทั้งสื่อ และ คสช. สามารถเดินหน้าไปด้วยกันได้

"อดุลย์" ตรวจรัฐสภาพุธนี้เตรียมรับ สนช.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 ก.ค. เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา ในฐานะที่กำกับดูแล ซึ่งถือโอกาสไปตรวจเยี่ยมหน่วยงาน และดูถึงความพร้อมต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อจะมี สนช.เข้ามาทำหน้าที่รวมทั้งสถานที่ประชุมต่างๆ

ด้าน นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในส่วนต่างๆของ สนช. หากรายชื่อ สนช.ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ทางสำนักงานก็จะจัดให้มีการรายงานตัวและพร้อมแจกคู่มือเพื่อใช้ในการศึกษาการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ในการประชุมนัดแรกคาดว่า ที่ประชุมจะใช้ข้อบังคับการประชุม สนช.ปี 49 มาใช้ ส่วนการทำงานหลังจากนั้นต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม สำหรับค่าตอบแทนของ สนช.นั้น นายนรรัตน์ กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามที่พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินเดือนและค่าตอบแทนกำหนด ซึ่งส่วนนี้ทางวุฒิสภาไม่ได้มีปัญหาใดๆในการทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงป้ายหน้าห้องของประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ 2 เป็นห้องของประธาน สนช. รองประธาน สนช.คนที่ 1 และ 2 โดยมีการเปลี่ยนป้ายแสดงตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้มีการเข้าไปทำความสะอาดและจัดความเรียบร้อยภายในห้องต่างๆแล้ว

“สุรศักดิ์” ปัดนั่งประธาน สนช.

ขณะที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะเข้ารับหน้าที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ส่วนตัวไม่มีความเชี่ยวชาญด้านกฏหมาย คนที่มาเป็นประธาน สนช.ควรมีความชำนาญด้านกฎหมายโดยเฉพาะ ซึ่งหากให้ตนทำก็ทำได้ แต่ควรที่จะให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทำจะดีกว่า เพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่มีสำคัญของประเทศ ใครก็ได้ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด

สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจจะมีทหารเข้ามาเป็น สนช.จำนวนมากนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องยอมรับ เพราะบ้านเมืองขณะนี้ไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ คนที่เข้ามาใน สนช.ได้รับการคัดเลือกอย่างดี กองทัพเองจะส่งใครเข้ามาใน สนช.ก็ต้องกลัวเสียชื่อ ดังนั้นคนที่ส่งเข้าไปก็ต้องทำการบ้านอย่างหนักและเป็นคนที่มีความรู้ หลายคนเรียนจบปริญญาโทและปริญญาเอก ด้านรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตามรายชื่อที่ออกมา อยู่ที่สังคมเป็นผู้ตัดสินว่าจะมองมุมไหน ยืนยันว่า นายทหารผู้ที่ได้คัดเลือกมีคุณสมบัติและประสบการณ์การทำงานที่เราคัดเป็นนายทหารชั้นดีของกองทัพ

เตรียมถก สนช.ยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมกา รป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เสนอแผนปฏิรูปเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติว่า (คสช.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ป.ป.ช.เป็นองค์กรกลางในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้สำเร็จ โดยสามารถดำเนินการทำงานเพื่อขับเคลื่อนได้ในทันทีตามที่มีแผนงานงบประมาณในการขับเคลื่อนของแต่ละกระทรวง แต่ละหน่วยงาน โดย ป.ป.ช.มีส่วนเข้าไปดูในการขับเคลื่อนทั้งหมด
เมื่อถามถึงกรณีที่ ป.ป.ช.จะใช้สิทธิ์ในการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คงต้องมีการปรึกษาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ให้ถึงเวลาก่อน ส่วนข้อสงสัยที่ว่า สนช.และ สปช.จะต้องยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องนำมาพูดคุยกันในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่อีกครั้ง

นายวิชา กล่าวถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เกรงว่าจะดำเนินการต่อไม่ได้ หลังจากที่รัฐธรรมนูญปี 50 ไม่มีผลบังคับใช้ และในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 57 ไม่มีบทบัญญัติรองรับเกี่ยวกับการถอดถอนไว้ นายวิชา กล่าวว่า ป.ป.ช.ทำไปตามระบบ นั่นคือ เมื่อเกิด สนช.มาแล้ว ป.ป.ช.ต้องส่งเรื่องที่พิจารณาแล้วไปให้ ส่วน สนช.จะเห็นอย่างไรต้องแล้วแต่ สนช. ส่วนคดีอาญา ป.ป.ช.ยังคงดำเนินคดีไปตามปกติ

เลขาฯป.ป.ช.ชี้กูรู กม.ให้เดินหน้าต่อ

ขณะที่ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงกระบวนการการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยังค้างอยู่ว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นทางกฎหมายที่นักกฎหมายแสดงความเห็นไว้หลายทางคือ นักกฎหมายบางคนบอกว่าเรื่องที่ ป.ป.ช.ส่งไปแล้วควรดำเนินการต่อไปเมื่อมี สนช.ทำหน้าที่เป็น ส.ว. แต่นักกฎหมายบางคนบอกว่ากระบวนการถอดถอนตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนั้นไม่ได้มีการเขียนระบุไว้ ซึ่งความเห็นในทางกฎหมายยังมีความต่างกันตรงนี้

"ปรมาจารย์กฎหมายบางคนบอกว่าน่าจะเดินต่อไปเลย กระบวนการหยุดไม่ได้ ในเมื่อสนช.ถูกกำหนดให้ทำหน้าที่ ส.ว. เพราะกระบวนการของ ป.ป.ช.เราเสร็จตั้งแต่ก่อนที่จะยกเลิกรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องให้ สนช.เป็นคนหยิบประเด็นปัญหาข้อกฎหมายนี้ขึ้นหารือ” นายสรรเสริญ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า อย่างนี้ผลการชี้มูลความผิดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกถอดถอนในหลายคดีของ ป.ป.ช.จะเสียของใช่หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ไม่เสียของ แต่อาจจะเสียเวลา เพราะต้องรอ สนช.หยิบขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ ส.ว.หรือไม่ หากมีความกังวลเกิดขึ้นอาจจะมีการรอให้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเสียก่อน ก็จะเป็นการเสียเวลาเท่านั้นไม่ได้เสียของอย่างที่วิจารณ์

เมื่อถามว่า จะส่งผลกระทบเรื่องการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีสำหรับผู้ที่อาจจะเตรียมตัวกลับมาลงสมัคร ส.ส.หากมีการเลือกตั้ง นายสรรเสริญ กล่าวว่า ประเด็นนี้ถือว่าเป็นผลของการพิจารณาเรื่องถอดถอน หากช้าแล้วรัฐธรรมนูญประกาศให้มีการเลือกตั้งบุคคลเหล่านั้นสามารถลงได้ แต่ถ้าวินิจฉัยได้ก่อนและมีการตัดสิทธิก็จะมีผลไม่สามารถลงรับเลือกตั้งได้ ที่มีการพูดว่ากระบวนการถอดถอนต้องเดินต่อเนื่องหมายถึงผลในเรื่องนี้

นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า กระบวนการเรื่องคดีเกี่ยวกับการถอดถอนที่ค้างอยู่ใน ป.ป.ช.ยังต้องหยุดเหมือนกัน ยังไม่ได้เดินต่อ ยกเว้นคดีอาญายังดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ถ้าเป็นถอดถอนกระบวนการนี้ต้องชะลอหรือหยุดกระบวนการไต่สวนเรื่องถอดถอน โดยต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องถอดถอนที่ชี้มูลไปแล้วส่งไป ส.ว.แล้วต้องรอ สนช.ว่าจะหยิบขึ้นมาเลยหรือไม่ กับส่วนคดีถอดถอนที่อยู่ที่ป.ป.ช.บางส่วนที่ยังไม่ได้วินิจฉัยเวลานี้กรรมการป.ป.ช.มีความเห็นว่าหยุดหรือชะลอกระบวนการก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช.จะมี 2 ส่วนคือ เรื่องถอดถอนอย่างเดียวกับคดีอาญา เช่น คดี 308 ส.ส.-ส.ว.ที่ถูกชี้มูลถอดถอนและส่งเรื่องไปที่ส.ว.แล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องรอ สนช. ส่วนคดีอาญายังดำเนินการไต่สวนต่อไป ซึ่งมีอดีต ส.ว.ทยอยเข้าให้ถ้อยคำอยู่ตลอด
กำลังโหลดความคิดเห็น