**“พลพรรคระบอบทักษิณ”ยังหัวหมอ ตีความแบบศรีธนญชัยกันไม่เลิก ยังจมปลักอยู่กับความคิดเดิมๆ ทั้งที่ประเทศกำลังจะเดินหน้าปฏิรูปสู่สังคมที่ดีขึ้น หลังคิวล่าสุด นายนิคมไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ออกมาเล่นแง่กับกระบวนการถอดถอนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ว่า
ไม่รองรับให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำการถอดถอนผู้ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดได้
อ้างว่า ตอนโดนป.ป.ช.ฟันฉับเข้าที่คอ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ดังนั้นเมื่อมีการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งไปแล้ว ก็ถือว่ายกประโยชน์ให้ผู้ถูกกล่าวหา เรียกว่ามากันแบบไม่อายฟ้าอายดิน กระทำความผิดแล้วยังมีหน้าจะมาหาช่องโหว่ฟอกขาวให้ตนเองกันเสียฉิบ
**เห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ ไม่น่าเชื่อว่าอดีตนักการเมืองใหญ่จังหวัดฉะเชิงเทรา จะดำน้ำแบบสาหร่ายเกาะหัวพะรุงพะรังเต็มไปหมดแบบนี้ เพราะหากพลิกไปดูรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แม้จะไม่ได้เขียนกำหนดเอาไว้ว่า กระบวนการถอดถอนจะเป็นเช่นไร
แต่ก็ระบุเอาไว้ชัดว่า ให้ สนช.ทำหน้าที่ ส.ส. และส.ว. ดังนั้น สนช.ในฐานะทำหน้าที่ส.ว. จึงย่อมมีอำนาจพิจารณาถอดถอนผู้ที่คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติส่งให้วุฒิสภาถอดถอนได้
อีกทั้งหากพลิกประวัติศาสตร์ไปดูเรื่องการถอดถอนที่ผ่านมา สนช. ยุคปี 2549 ก็เคยยกมือโหวตให้ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย พ้นจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ฐานมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายประการมาแล้ว
ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถยึดประวัติศาสตร์ดังกล่าวไปได้เลย โดยเอามาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ระบุไว้ว่า ให้วินิจฉัยไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทย มาเซ็นกำกับเอาไว้ไม่ให้ใครกล้าเถียงกล้าหือ คิดจะชิ่งเอาตัวรอดแบบไม่มีขื่อมีแป
แต่ที่ต้องติดตามแบบจดจ่อในตอนนี้คือ ในเมื่อ สนช. สามารถถอดถอนได้ แต่จะครอบคลุมช่วงระยะเวลาใดบ้าง ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่กำลังเถียงกันอยู่ หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกมาโยนให้สนช.ตัดสินใจว่า คดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้วที่ค้างอยู่ในชั้นวุฒิสภา อันประกอบไปด้วย 4 คดีใหญ่ๆ
ได้แก่ คดีถอดถอน "ปู กรรเชียง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว คดีถอดถอน นายนิคม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ อดีต ส.ว. 36 คน ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญมิชอบ
สนช.จะฟันหรือไม่ฟันก็ตามแต่ดุลพินิจ จะเอาอย่างไร จะลงดาบกันในช่วงนี้เลยหรือไม่ หรือจะปล่อยค้างเติ่งไว้ให้ ส.ว.ชุดใหม่เข้ามาก่อน
**อย่าลืมว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดเอาไว้ ห้ามไม่ให้นักการเมืองที่ต้องคดีทุจริตเข้ามาเล่นการเมืองอย่างเด็ดขาด หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นหากจะเชือดไก่ให้ลิงดู กำจัดเหลือบไรทางการเมืองที่กัดกินผลประโยชน์ประเทศชาติมาช้านาน ก็ควรจะทำให้เป็นเยี่ยงอย่างกันแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอเวลา
ที่ผ่านมากระบวนการถอดถอนของไทยอ่อนแอ เพราะนักการเมืองมักไม่ทำร้ายกันเอง จึงทำให้ไม่สามารถถอดถอนคนผิดได้เลยสักรายเดียว ทั้งที่พยานหลักฐานหนาแน่นแบบดิ้นไม่หลุด
วันนี้จังหวะดี สนช.ส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นทหาร นักวิชาการ ไม่ใช่นักการเมือง การจะยกมือโหวตย่อมมีอิสระ ว่ากันตามหลักฐานที่ป.ป.ช. ส่งมา แต่หากปล่อยเอาไว้ให้ ว่าที่ ส.ว.เข้ามาลงดาบกันเอง มีหวังฉายหนังม้วนเดิม
** คนชั่วลอยนวล !!
ไม่รองรับให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำการถอดถอนผู้ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดได้
อ้างว่า ตอนโดนป.ป.ช.ฟันฉับเข้าที่คอ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ดังนั้นเมื่อมีการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งไปแล้ว ก็ถือว่ายกประโยชน์ให้ผู้ถูกกล่าวหา เรียกว่ามากันแบบไม่อายฟ้าอายดิน กระทำความผิดแล้วยังมีหน้าจะมาหาช่องโหว่ฟอกขาวให้ตนเองกันเสียฉิบ
**เห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ ไม่น่าเชื่อว่าอดีตนักการเมืองใหญ่จังหวัดฉะเชิงเทรา จะดำน้ำแบบสาหร่ายเกาะหัวพะรุงพะรังเต็มไปหมดแบบนี้ เพราะหากพลิกไปดูรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แม้จะไม่ได้เขียนกำหนดเอาไว้ว่า กระบวนการถอดถอนจะเป็นเช่นไร
แต่ก็ระบุเอาไว้ชัดว่า ให้ สนช.ทำหน้าที่ ส.ส. และส.ว. ดังนั้น สนช.ในฐานะทำหน้าที่ส.ว. จึงย่อมมีอำนาจพิจารณาถอดถอนผู้ที่คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติส่งให้วุฒิสภาถอดถอนได้
อีกทั้งหากพลิกประวัติศาสตร์ไปดูเรื่องการถอดถอนที่ผ่านมา สนช. ยุคปี 2549 ก็เคยยกมือโหวตให้ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย พ้นจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ฐานมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายประการมาแล้ว
ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถยึดประวัติศาสตร์ดังกล่าวไปได้เลย โดยเอามาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ระบุไว้ว่า ให้วินิจฉัยไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทย มาเซ็นกำกับเอาไว้ไม่ให้ใครกล้าเถียงกล้าหือ คิดจะชิ่งเอาตัวรอดแบบไม่มีขื่อมีแป
แต่ที่ต้องติดตามแบบจดจ่อในตอนนี้คือ ในเมื่อ สนช. สามารถถอดถอนได้ แต่จะครอบคลุมช่วงระยะเวลาใดบ้าง ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่กำลังเถียงกันอยู่ หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกมาโยนให้สนช.ตัดสินใจว่า คดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้วที่ค้างอยู่ในชั้นวุฒิสภา อันประกอบไปด้วย 4 คดีใหญ่ๆ
ได้แก่ คดีถอดถอน "ปู กรรเชียง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว คดีถอดถอน นายนิคม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ อดีต ส.ว. 36 คน ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญมิชอบ
สนช.จะฟันหรือไม่ฟันก็ตามแต่ดุลพินิจ จะเอาอย่างไร จะลงดาบกันในช่วงนี้เลยหรือไม่ หรือจะปล่อยค้างเติ่งไว้ให้ ส.ว.ชุดใหม่เข้ามาก่อน
**อย่าลืมว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดเอาไว้ ห้ามไม่ให้นักการเมืองที่ต้องคดีทุจริตเข้ามาเล่นการเมืองอย่างเด็ดขาด หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นหากจะเชือดไก่ให้ลิงดู กำจัดเหลือบไรทางการเมืองที่กัดกินผลประโยชน์ประเทศชาติมาช้านาน ก็ควรจะทำให้เป็นเยี่ยงอย่างกันแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอเวลา
ที่ผ่านมากระบวนการถอดถอนของไทยอ่อนแอ เพราะนักการเมืองมักไม่ทำร้ายกันเอง จึงทำให้ไม่สามารถถอดถอนคนผิดได้เลยสักรายเดียว ทั้งที่พยานหลักฐานหนาแน่นแบบดิ้นไม่หลุด
วันนี้จังหวะดี สนช.ส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นทหาร นักวิชาการ ไม่ใช่นักการเมือง การจะยกมือโหวตย่อมมีอิสระ ว่ากันตามหลักฐานที่ป.ป.ช. ส่งมา แต่หากปล่อยเอาไว้ให้ ว่าที่ ส.ว.เข้ามาลงดาบกันเอง มีหวังฉายหนังม้วนเดิม
** คนชั่วลอยนวล !!