xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปล่อย "ปู" ลาไกล น้ำใจจากสุภาพบุรุษ

เผยแพร่:

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในที่สุด สุภาพบุรุษที่สุดในโลก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังคงรักษาคำมั่นสัญญาปล่อยให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปทัวร์ยุโรปได้ตามคำร้องขอ โดยเที่ยวบินเมื่อเวลา 00.45 น.ของวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้พาเธอโบกโบยบินจากไปแล้ว

เธอกับลูกชายจากไปพร้อมกระเป๋า 15 ใบ และไม่ได้ตีตั๋วกลับ !

ก่อนที่จะได้รับการเปิดเผยในภายหลังว่าเป็นการใช้ตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสชนิดโอเพ่น มูลค่าใบละเกือบ 3 แสนบาท ซึ่งสามารถระบุเที่ยวบินและช่วงเวลากลับได้ในภายหลัง โดยมีระยะเวลาการใช้ตั๋ว 1 ปี

ที่พากันลุ้นๆ ก่อนหน้าว่า เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนางสาวยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ออกมาแล้ว คสช.อาจจะเปลี่ยนใจสั่งระงับการเดินทางออกนอกประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้พิสูจน์ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ เห็นน้ำใจจากสุภาพบุรุษที่สุดในโลกผู้นี้ที่มีต่ออดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศว่าสำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่นใด เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง

เป็นคำสัญญาที่มิมีแปรเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขหรือกาลเวลา

รอยยิ้มเริงร่าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำก่อนขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ เห็นได้ชัดเจนว่า เธอรู้สึกเป็นอิสระอย่างน้อยก็ชั่วคราว หรืออาจจะยาวนานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ได้ยกเว้นแต่สุภาพบุรุษผู้มากน้ำใจที่ปล่อยให้เธอไป เท่านั้น

ไม่ใช่เพียงแต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ที่สุดแสนจะดีใจ คนปลายทางที่รอรับเธอที่สนามบินฝรั่งเศส ก็แสดงออกทางสีหน้าว่ายินดีปรีดาอย่างล้นเหลือ

ภาพที่ โอ๊ค นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านอินสตราแกรม ชื่อผู้ใช้ oak_ptt ซึ่งเป็นภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณสวมกอดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สนามบินในประเทศฝรั่งเศส โดยมีข้อความใต้ภาพว่า ตัดผมอยู่ดีดี ก็มีคนส่งรูปพ่อกับสาวมา :) :) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา คือประจักษ์พยานแห่งความดีใจของโคลนนิ่งผู้พี่

เฟซบุ๊กของ Wassana Nanuam นักข่าวสายทหาร ฉบับ ลับ ลวง พราง จากบางกอกโพสต์ ที่โพสรูปนี้ขึ้นอย่างฉับพลันทันทีเช่นกันนั้น บรรยายอย่างได้อารมณ์ว่า หัวอกเดียวกัน.... อีกรูปที่ แชร์กันอย่างรวดเร็ว Oak พานทองแท้ ชินวัตร อัพIG โชว์รูป ทักษิณ กอดต้อนรับ ยิ่งลักษณ์ น้องสาว ทันทีที่ถึงปารีส พลพรรคแห่กดLike ...คุณพ่อ กับ อาปู งานนี้มีน้ำตา.... ในที่สุด พี่ชายกับ น้องสาว ก็จบด้วย การปฏิวัติ เหมือนกัน ต่างกันแค่รายละเอียด และขั้นตอน

ในการเดินทางไปทัวร์ยุโรปคราวนี้ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ยังพรั่งพร้อมไปด้วยพี่สาว พี่สะใภ้ พี่เขย ยกโขยงกันทั้งตระกูลไปเบิร์ธเดย์ ครบรอบ 65 ปี “พี่แม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 ก.ค. ที่ประเทศฝรั่งเศส อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส ด้วยเที่ยวบินในเวลา 00.45 น.ของวันที่ 24 ก.ค. พร้อม ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร (น้องไปป์) บุตรชาย สำหรับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) ไปอีกเที่ยวบิน ส่วนนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนายสมชาย วงศ์สวัสด์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางตามไปวันที่ 25 ก.ค.

นี่เป็นงานรวมญาติ รวมพลคนรักทักษิณครั้งสำคัญหลังจาก คสช. ยึดอำนาจ ถึง “พี่แม้ว” จะบอกว่าไม่อยากให้เอิกเกริก ไม่มีนัยสำคัญ แต่ถึงขนาดอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นประกาศท้าชนบิ๊กตู่ และนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีโอกาสโคจรมาพบปะกัน อะไรต่อมิอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ เหมือนตอนที่ทักษิณ ขอตัวไปดูกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่จีนแล้วหนีไม่มาฟังคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ จนบัดนี้

เมื่อเป็นการเดินทางหลังจาก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด มาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าวต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ และเตรียมส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด ฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงมีคำถามตามมาว่าแล้วเธอกลับมามั๊ย?

เวลานี้ คำตอบน่าจะอยู่ที่ “พี่แม้ว” และ “บิ๊กตู่” หัวหน้าคสช.ที่มี “สัญญาใจ” ต่อกัน และ น้องปู กับ พี่ตู่ ที่มี สัญญาใจ ต่อกัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับนายนพดล ปัทมะ คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย (พท.) เชื่อว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่หนี และจะกลับมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมแน่ ขณะที่เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ตามที่ “นิด้าโพล” ไปสำรวจมา กลับเชื่อว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ จะไม่กลับมาตามกำหนดภายในวันที่ 10 ส.ค. 2557 ตามที่ได้ยื่นขออนุญาตต่อคสช.เอาไว้

“ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.00 เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่กลับมาตามกำหนด ขณะที่ร้อยละ 39.04 เชื่อว่ากลับมาตามกำหนด และร้อยละ 18.96 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ” นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังป.ป.ช. ชี้มูลความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการรับจำนำข้าว ที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 19 ก.ค. 2557 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้น 1,247 ตัวอย่าง

แต่ไม่ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ เธอจะกลับมาสู้คดีหรือไม่ ป.ป.ช.ก็พร้อมเดินหน้าตามกระบวนการฟ้องร้องคดีโดยไม่ไปเสียเวลาตอบโต้คำโอดครวญของเธอว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการชี้มูลความผิดของป.ป.ช.

“หาก ป.ป.ช. ไปตอบโต้จะยิ่งเกิดความสับสน ส่วนการที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ป.ป.ช. เร่งรีบรวบรัด และสอบปากคำพยานที่เป็นปฏิปักษ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เพียงฝ่ายเดียวนั้น เป็นสิทธิที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะสงสัยได้” นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าว

สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ ป.ป.ช.จะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งฟ้องคดี หาก อสส. มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ต่อศาลฎีกาฯ ป.ป.ช. จะพิจารณาส่งฟ้องเอง ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ที่ ป.ป.ช.สามารถกระทำได้ โดยที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้ส่งฟ้องคดีเองโดยขอความร่วมมือจากสภาทนายความฯ ให้ช่วยว่าความ เช่น คดีทุจริตซื้อรถดับเพลิง, คดีหวยบนดิน, คดีทุจริตจัดซื้อกล้ายาง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ทาง อสส. กำลังรอสำนวนคดีจากป.ป.ช. หลังจากนั้น อสส.จะใช้ในการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องคดีหรือไม่ภายใน 30 วัน

นั่นเป็นการดำเนินคดีอาญาต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ส่วนความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว กว่า 5 แสนล้านนั้น ป.ป.ช. จะฟ้องคดีด้วยหรือไม่ วันนี้ยังไม่มีคำตอบชัดเจนจากเลขาธิการ ป.ป.ช. แต่ความเสียหายใหญ่หลวงขนาดนี้ คงไม่มีใครปล่อยให้นางลอยนวลแน่

คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ไม่ใช่จะมีแต่นางสาวยิ่งลักษณ์ เท่านั้นที่จะถูกดำเนินคดี บรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีกหลายคนมีโอกาสต่อแถวเรียงคิวเข้าปิ้งเช่นเดียวกันกับลูกพี่ และไม่ใช่จะเจอแค่คดีอาญาเท่านั้น คดีแพ่ง หรือการยึดทรัพย์ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง

โดยขณะนี้ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบเชิงลึกในทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าว ระบายข้าว ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ จำนวน 5 ราย คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี,นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดใจรออีกไม่นานคงรู้ผล

“คุณยิ่งลักษณ์ ผิดแค่ไม่ระงับยับยั้ง ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่คนเดียว ส่วนรัฐมนตรีที่ทุจริตเชื่อว่าตามมาอีกหลายคนแน่” น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ จอมแฉโกงจำนำข้าว โพสต์เฟซบุ๊กถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.กระทรวงการคลัง ที่ออกมาวิจารณ์ ป.ป.ช. ว่ามุ่งเอาผิดแต่นางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

อย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดแล้ว ถึงแม้นางสาวยิ่งลักษณ์และบริวาร จะถูกฟ้องร้องคดีต่อศาลฎีกาฯ ตามกระบวนการยุติธรรม แต่วันนี้เธอไม่อยู่ที่แผ่นดินไทยเสียแล้ว เธอจากไปด้วยความมากล้นด้วยน้ำใจจากสุภาพบุรุษที่สุดในโลกที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


ล้อมกรอบ

“16 ที่สุดแห่งการโกงจำนำข้าว”

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ยังบันทึก “16 ที่สุดแห่งการโกงจำนำข้าว” ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เอาไว้ด้วย ดังนี้

1.ใช้เงินซื้อข้าวมากที่สุด ในเวลา 2 ปีเศษของการทำโครงการจำนำข้าว เท่ากับ 5 ฤดูการผลิต คือ ข้าวนาปี 2554/2555 นาปรัง 2555 นาปี 2555/2556 นาปรัง 2556 และนาปี 2556/2557 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต้องใช้เงินซื้อข้าวเปลือกสูงถึง 870,000 ล้านบาท มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งที่น่าสนใจคือ เงินมหาศาลถึงเกือบ 9 แสนล้านบาท ถ้าถึงมือพี่น้องชาวนาทั้งหมดจริง ชีวิตพี่น้องชาวนาต้องดีกว่านี้ แต่กลายเป็นว่า ชาวนาส่วนใหญ่ยังลำบาก อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นการใช้เงินซื้อข้าวมากที่สุดในประวัติการณ์

2.ขาดสภาพคล่องเร็วที่สุด ทั้งที่ตั้งงบฯ เงินกู้ไว้ 500,000 ล้านบาท ไม่รวมงบประมาณค่าบริหารจัดการ และดอกเบี้ยรายปี หวังจะบริหารโครงการได้ 4 ปี โดยซื้อมาขายไป แต่เพราะทุจริต โกงทุกขั้นตอน และขายข้าวไม่ได้ ไม่ถึง 2 ปีก็ขาดสภาพคล่อง แทบจะปิดบัญชีวงเงินกู้ปลายเดือนธ.ค.2556 ไม่ได้ ที่สำคัญไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนาได้ ในรอบนาปี 2556/2557 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 56เป็นต้นมา จึงถือว่าเป็นโครงการที่ขาดสภาพคล่องเร็วที่สุด

3.โกงมากที่สุด เป็นวิธีโกงตั้งแต่ลงทะเบียนชาวนา โกงต้นน้ำ โกงกลางน้ำ และโกงปลายน้ำ เป็นการทุจริตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย กระจายไปทุกกลุ่มจากชาวนา เจ้าของโรงสี เซอร์เวย์เยอร์ เจ้าหน้าที่คลัง อคส. หรือ อตก. เจ้าของคลังเอกชน ข้าราชการจังหวัด ข้าราชการระดับสูง และที่สำคัญคือ ขาใหญ่วงการข้าว และนักการเมือง

4.ทำลายส่งออกมากที่สุด ปกติข้าวไทยถือว่าดีที่สุดในโลก สถิติการส่งออกของข้าวไทยถือว่า มากที่สุด เป็นแชมป์โลกมาตลอด แต่เพราะจำนำข้าว ทำให้การส่งออกตกจากอันดับหนึ่งมาเป็นที่ 3 รองจากอินเดียและ เวียดนาม จากที่ไทยเคยส่งออกสูงถึง10.6 ล้านตัน หลังจากทำจำนำข้าว ยอดส่งออกตกลงเหลือ 6.9 ล้านตัน คิดเป็นเงินบาทลดลงจาก 192,000 ล้านบาท เหลือ145,000 ล้านบาท ลดทั้งเม็ดเงิน และปริมาณข้าว จึงเป็นการทำลายตลาด และโอกาสการส่งออกข้าวไทยมากที่สุด

5.มีชาวนาตายมากที่สุด ในอดีตแทบจะไม่เคยพบชาวนาฆ่าตัวตายเพราะนโยบายรัฐ เพราะจำนำข้าวที่ปล่อยให้ทุจริต ตั้งราคาไว้สูง ข้าวเสื่อมสภาพ ขายข้าวไม่ได้ เมื่อขาดสภาพคล่อง พี่น้องชาวนาต้องลำบาก เงินขาดมือ ถูกทวงหนี้สิน เครียด และสุดท้ายฆ่าตัวตายรวมถึง 16 รายมากที่สุดในประวัติศาสตร์

6.ใช้โกดังเก็บมากที่สุด เพราะอ้างจำนำทุกเม็ด ข้าวขายไม่ได้ ที่เหลือจึงต้องเก็บไว้ พบว่า รัฐต้องใช้โกดังเก็บข้าวสารสูงถึง 1,800 โกดัง และไซโลระบบปรับอากาศอีก 137ไซโล มากที่สุดในการใช้โกดังเก็บข้าว (18 ล้านตัน) ตั้งแต่มีประเทศไทยมา

7.ค่าใช้จ่ายจัดเก็บข้าวมากที่สุด ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้าวที่เป็นกระสอบ จะมีค่าขนลง ค่าตรวจคุณภาพ ค่าเก็บ ค่ารมยา ค่าประกันภัยน้ำท่วม คิดว่าเฉลี่ยตกประมาณ 100 บาทต่อตันข้าวสาร ต่อเดือน กรณีเก็บด้วยไซโล ค่าใช้จ่ายตก1,092 บาท ต่อตันต่อปี เฉลี่ยตันละ 90 บาทต่อเดือน คิดง่ายๆ ก็ตก 100 บาทต่อตันต่อเดือน ข้าว18 ล้านตัน ตกค่าจัดเก็บประมาณเดือนละ 1,800 ล้านบาท ปีหนึ่งนับหมื่นล้านบาท ถือว่ามากที่สุดที่เคยจ่าย

8.ใช้รัฐมนตรีดูแลมากที่สุด นอกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกฯ และประธาน กขช. ในช่วงแรกมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายภูมิ สาระผล มาเปลี่ยนเป็น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายยรรยง พวงราช รวมทั้ง นายวราเทพ รัตนากร และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถือว่าเป็นนโยบายที่ใช้รัฐมนตรีดูแลมากที่สุดถึง 9 คน เท่าที่เคยมีมา แต่การป้องกันทุจริต กลับไม่ได้รับการแก้ไข

9.ชาวนาต่างชาติได้ประโยชน์มากที่สุด ถือว่าเป็นครั้งแรกที่นโยบายจำนำข้าวไทย กางร่ม ให้ชาวนาต่างชาติ เพราะข้าวไทยตั้งราคาสูง ทางจิตวิทยาข้าวต่างชาติก็ราคาสูงตาม แต่ห่างจากราคาข้าวไทยสูงถึง 150 เหรียญ ทำให้ข้าวไทยขายไม่ได้ เพราะราคาสูง ข้าวต่างชาติ กลับขายดี โดยเฉพาะอินเดีย เวียดนาม แม้แต่กัมพูชา พม่า และลาว จึงถือว่านโยบายจำนำข้าว ทำให้ชาวนาต่างชาติได้ประโยชน์มากที่สุด

10.มีข้าวต่างชาติส่งมาไทยมากที่สุด อดีตที่ผ่านมาไทยเราไม่จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ แต่เพราะรับจำนำสูงกว่าตลาดถึง 50% จึงเกิดแรงจูงใจที่ข้าวต่างชาติถูกนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในประเทศไทย ที่เห็นทั้งจาก พม่า ลาว เขมร และเวียดนาม ผ่านมาทางเขมร จะเห็นว่าตัวเลขรายงานการส่งออกข้าวของเขมร พบว่า ส่งออกข้าวมาประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 4 ของการส่งออก รวมทั้งมีการรายงานของสื่อต่างประเทศว่าข้าวเวียดนาม ข้าวพม่า และลาว ที่มีการลักลอบส่งเข้ามาสวมสิทธิ์เข้าโครงการรับจำนำในประเทศไทย ถือว่าโครงการจำนำข้าว กลายเป็นแหล่งรวมข้าวของต่างชาติ มากที่สุดที่เคยมี

11.เกิดหายนะต่อชาติมากที่สุด นับเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของโครงการรับจำนำข้าว ที่มีตัวเลขความเสียหายไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท ยังไม่นับรวมค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กู้มาลงทุน 500,000 ล้านบาท และเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปี ค่าเสียโอกาสจากการส่งออก และเงินตราต่างประเทศที่ควรได้รับ ความเชื่อถือต่อภาพลักษณ์ข้าวไทย และการพัฒนาสายพันธ์ที่เกษตรกรไม่สนใจ จึงถือว่าเป็นหายนะต่อชาติมากที่สุดที่เกิดจากการจำนำ

12.วิธีโกงซับซ้อนที่สุด นอกจากโกงมากทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ วิธีการโกงยังสลับซับซ้อน ใช้ตัวละครมาตบตาจำนวนมาก เช่น นายปาล์ม นายโจ หรือแม้แต่ใช้ตัวละครจากต่างประเทศ เช่น GSSG รวมทั้งการโกงข้าวถุง ก็ใช้บางบริษัทมาตบตา เพื่อให้เกิดความซับซ้อน หรือแม้แต่มีการนำนั่งร้านมาซุกในกองข้าว จึงถือว่าเป็นวิธีซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยพบ

13.เกิดข้าวหายมากที่สุด ปกติแล้วข้าวสารที่เก็บไว้ในโกดังกลาง จะมีการล็อคกุญแจ 3 ดอก โดยเซอร์เวเยอร์ หัวหน้าคลัง และตัวแทนจังหวัด ดังนั้นข้าวสารจึงควรที่จะครบ พบว่ารายงานของประธานอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว ได้รายงานการตรวจสอบและปิดบัญชีพบว่า ผลการปิดบัญชี เดือนมกราคม 2556 มีรายงานข้าวหาย 2.5 ล้านตัน เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 2556 ตัวเลขรายงานข้าวหายสูงขึ้นถึง 2.98 ล้านตัน แทนที่รัฐบาลจะต้องรีบแก้ไขดำเนินการ กลับตั้ง พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาตรวจ แต่แล้วก็ไม่ได้รายงานให้ประชาชนทราบ และเรื่องก็เงียบไปนาน ในความจริงแล้วกรรมการที่มีอำนาจ และได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากประธาน กขช. ก็คือ ประธานอนุกรรมการปิดบัญชี ต้องถือว่าข้อมูลของอนุปิดบัญชี ต้องเป็นข้อมูลทางการที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลับไม่พอใจผลดังกล่าว ดังนั้นจึงถือว่า ผลการตรวจแสดงให้เห็นว่า มีตัวเลขข้าวหายมากที่สุด

14.เกิดเหตุข้าวเน่า และเสื่อมสภาพมากที่สุด ได้รับการพิสูจน์รายวัน ที่คณะผู้ตรวจร่วมกับทหารตรวจโกดัง และไซโลทั่วประเทศ แทบจะพบเห็นข้าวเน่า เหลือง ป่นเป็นแป้ง ข้าวจับเป็นก้อน กระจายไปทุกภาคของประเทศ จนคนในวงการข้าวบางท่านประเมินว่า ข้าวดีกับข้าวต่ำมาตรฐาน อาจสูงถึงสัดส่วน 50% ถ้าหากมีการตรวจอย่างละเอียด

15.มีการปกปิดมากที่สุด ไม่เคยมีนโยบายใดที่รัฐบาลปกปิดข้อมูลทุกอย่างมากเท่าครั้งนี้ ปกปิดตัวเลขข้าวในโกดัง การระบายข้าว ราคาที่ระบาย ปกปิดแม้แต่รายงานตัวเลขการส่งออกข้าว ปกติกรมการค้าต่างประเทศ จะรายงานตัวเลขส่งออกข้าว แต่สุดท้ายถูกปกปิดหมด

และสุดท้าย 16.ตอบคำถามไม่ได้มากที่สุด ปกติแล้วรัฐบาลจะต้องตอบคำถามฝ่ายค้าน และฝ่ายตรวจสอบในประเด็นต่างๆ ในสภา หรือนอกสภา นโยบายนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามใดๆ ของฝ่ายตรวจสอบได้เลย ทั้งการอภิปราย หรือกระทู้ แม้แต่การชี้แจงป.ป.ช. ก็ไม่สามารถชี้แจงได้ มีแต่วาทกรรม กล่าวหาว่าเร่งรีบ รวบรัด ไม่ได้รับความเป็นธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น