00 ค่อยเข้าท่าหน่อยสำหรับการแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 97 ที่เดิมห้ามใครแตะคนของ คสช. เป็นอันขาด วิจารณ์ชี้แนะอะไรไม่ได้เลย หากไม่สบอารมณ์ ไม่เข้าหู ก็สั่งปิดทันที แต่หลังจากมีเสียงโวยวายตอบโต้กลับมาแบบทันควัน ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกกองเชียร์ดังกันขรม ทำให้ได้คิดว่าอาจผลักมิตรไปอยู่กับศัตรูโดยไม่จำเป็น ทำให้ต้องเชิญองค์กรสื่อไปหารือทำความเข้าใจกันใหม่ จนนำไปสู่คำสั่งแก้ไข สาระสำคัญก็คือ แยกสื่อออกมาต่างหาก ต่อไปหากสื่อไหนวิจารณ์แบบไร้เหตุผล ไม่สร้างสรรค์ ใช้ข้อมูลเท็จให้ร้าย อย่างนี้ให้องค์วิชาชีพสื่อเข้ามาสอบสวนจัดการ เออ อย่างนี้ก็พอฟังได้ เพราะอย่างน้อยเป็นการวางกรอบกันให้ชัดเจนขึ้น ไม่ใช่ครอบจักรวาล ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของใครก็ไม่รู้ ที่อาจหงุดหงิดแล้ว "จัดการ" ไปเลย
00 ก็ไม่รู้ว่ากุนซือคนไหนที่แนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่งดังกล่าวออกมา ทำให้เสียหายไปไม่น้อย เกือบเสียแนวร่วม เสียกองเชียร์ไปเข้าทางฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังเข้มอยู่ดี ทางทีดีเลิกไปเลยจะสวยกว่า ประเภทที่ว่าห้ามแตะคนของคสช. ไม่ว่าใครก็ตามบางทีมันก็เกินไป เพราะในความเป็นจริงมันก็ไม่อาจการันตีได้เต็มร้อยว่า คนที่ว่านั้นมันจะบริสุทธิ์ทั้งหมด มันก็มีพวกที่แฝงตัวเข้ามา หรือไม่ก็พวก "เลีย" ที่ได้ดิบได้ดีหลังการรัฐประหารทุกครั้งนั่นแหละ เห็นๆกันอยู่ แต่เอาเถอะไม่ว่าจะปิดปากแน่นแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้นำและคณะเป็นหลัก หากทำดี สุจริต ก็เป็นเกราะกันภัย แต่ถ้าทำตรงข้าม มันก็เสื่อม อยู่ไม่ได้นานหรอก !!
00 เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ถือว่าครบ 2 เดือนที่ คสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาควบคุมอำนาจ และเป็นวันที่เรากำลังมี รธน.ฉบับชั่วคราวออกมาบังคับใช้ เป็นธงนำในการปกครองบ้านเมือง มีรัฐบาล มีสภานิติบัญญัติ ตามมาซะที หลังจากที่เราปกครองด้วยคำสั่งของบุคคล และคณะบุคคล อย่างเช่นทุกวันนี้ แม้ว่าทั้งรัฐบาลและสภาดังกล่าว ก็มีที่มาจากแหล่งเดียวกัน แต่อย่างน้อยมันก็เป็นรูปแบบเดียวที่มีลักษณะเลียนแบบสากลได้มากขึ้น
00 สิ่งที่น่าจับตาอีกอย่างหนึ่งหลังจากมี รธน.ฉบับชั่วคราวออกมาแล้ว จะมีการนิรโทษกรรมใครบ้าง แน่นอนว่าเป้าหมายหลักต้องพุ่งไปที่ คสช. ถือว่าเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว แต่ที่น่าหวาดเสียวก็คือ กลัวว่าจะคลุมไปถึงคนอื่นด้วยนี่สิ อย่างไรก็ดี ตามข่าวบอกว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ วิษณุ เครืองาม มือร่างกม.คสช. จะแถลงรายละเอียดให้ทราบ วันที่ 23 ก.ค. ก็ล้างหูรอฟังแล้วกัน !!
00 ขั้นตอนหลังจากนี้ก็มีรัฐบาล มีสภาฯ ถึงตอนนั้นก็จะเห็นหน้าตาของครม.ว่าเข้าท่าหรือเปล่า แต่ระดับหัวๆ โดยเฉพาะนายกฯ จะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งควบหัวหน้า คสช. หรือเปล่า นาทีนี้ก็เป็นไปได้สูง เพราะแนวโน้ม ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ไม่มีรายการ "ต่ออายุ" ในเก้าอี้ ผบ.ทบ. รวมไปถึงระดับรองหัวหน้าคสช. ที่เป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่ต้องเกษียณฯไปพร้อมกัน ที่ประกาศออกมาล่วงหน้าชัดเจนมาแล้วก็คือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ที่มีหนังสือแจ้งว่า เกษียณอายุในเก้าอี้ ผบ.ทอ. วันที่ 30 ก.ย.แน่นอน
00 งานนี้เชื่อว่าต้องการเปิดทางให้น้องๆได้ขยับขึ้นมา ทำให้น่าจับตาก็คือ ใครจะก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ ระหว่าง พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รอง ผบ.ทบ. หรือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. และต่อเนื่องกันไปก็คือ หลังจากนี้เมื่อมีการประกาศใช้ รธน.ฉบับชั่วคราวแล้ว จะมีการยกเลิกกฎอัยการศึก หรือไม่ เพราะคนที่รักษาการตามกม.ฉบับนี้ ให้อำนาจ ผบ.ทบ.เท่านั้น อย่างไรก็ดี จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็คงลากยาวไปถึงเดือน ก.ย. โน่นแหละ
00 แม้ว่าอีกนานนับเดือนกว่าจะมีรัฐบาล มีสภาฯ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศโรดแมปขั้นที่สองเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเกิดขึ้นภายในเดือน ก.ย. ซึ่งก็เชื่อมต่อหลังจากเกษียณอายุราชการ แต่ก็คาดหมายดักทางกันว่า ระดับบิ๊กเนม นอกเหนือจาก พล.อ.ประยุทธ์ แล้วระดับรองคนอื่น ก็ต้องนั่งเก้าอี้ รมต.สำคัญตามสายงานที่ดูแลอยู่ในเวลานี้ ไล่มาตั้งแต่ พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร น่าจะมานั่งรองด้านความมั่นคง ควบ รมว.กลาโหม หรือเปล่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองนายกฯกำกับดูแล สตช.เป็นต้น เพราะตามไลน์มันน่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนระดับ รมต.ก็คงต้องผสมผสานกันไปกับพวกที่มองว่าเป็นมืออาชีพ เป็นกูรูเฉพาะทางกับทหารระดับมือทำงานเพราะมีการเปิดทางให้ ขรก.เข้ามาได้ ที่ไม่น่าพลาดก็คือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล ส่วนจะนั่งกระทรวงไหนตอนนี้ยังไม่กล้าฟันธง แต่เอาเป็นว่าเมื่อเริ่มเจ้าสู่ขั้นที่สองอีกด้านหนึ่งมันก็น่าห่วงถึงแรงกระเพื่อมภายในเหมือนกันหากมีการแชร์อำนาจไม่นิ่มนวล เพราะเริ่มต้นสวย ข้างหน้าก็เดินสะดวก แต่ก็อย่างว่าตามธรรมชาติเมื่อทาง"เริ่มแคบ"มันก็ต้องเบียดเสียดกันบ้าง
00 อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าสื่อหรือนักสังเกตการณ์อาจหลงลืม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าทีมกุนซือ คสช.ไปชั่วขณะอาจเป็นเพราะเจ้าตัวซุ่มแบบโลว์ไปรไฟล์ผิดปกติ แต่เชื่อเถอะเมื่อแบโผออกมาย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน คร่าวๆ หากไม่นั่งเก้าอี้ใหญ่ในสภานิติบัญญัติ ก็ต้องได้ลุ้นตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯ ส่วนเก้าอี้รมต.นาทีนี้ ระดับชื่อชั้นอาจไปไกลกว่านั้นแล้ว อย่ามองข้าม "พี่ใหญ่" คนนี้เป็นอันขาด !!
00 ก็ไม่รู้ว่ากุนซือคนไหนที่แนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่งดังกล่าวออกมา ทำให้เสียหายไปไม่น้อย เกือบเสียแนวร่วม เสียกองเชียร์ไปเข้าทางฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังเข้มอยู่ดี ทางทีดีเลิกไปเลยจะสวยกว่า ประเภทที่ว่าห้ามแตะคนของคสช. ไม่ว่าใครก็ตามบางทีมันก็เกินไป เพราะในความเป็นจริงมันก็ไม่อาจการันตีได้เต็มร้อยว่า คนที่ว่านั้นมันจะบริสุทธิ์ทั้งหมด มันก็มีพวกที่แฝงตัวเข้ามา หรือไม่ก็พวก "เลีย" ที่ได้ดิบได้ดีหลังการรัฐประหารทุกครั้งนั่นแหละ เห็นๆกันอยู่ แต่เอาเถอะไม่ว่าจะปิดปากแน่นแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้นำและคณะเป็นหลัก หากทำดี สุจริต ก็เป็นเกราะกันภัย แต่ถ้าทำตรงข้าม มันก็เสื่อม อยู่ไม่ได้นานหรอก !!
00 เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ถือว่าครบ 2 เดือนที่ คสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาควบคุมอำนาจ และเป็นวันที่เรากำลังมี รธน.ฉบับชั่วคราวออกมาบังคับใช้ เป็นธงนำในการปกครองบ้านเมือง มีรัฐบาล มีสภานิติบัญญัติ ตามมาซะที หลังจากที่เราปกครองด้วยคำสั่งของบุคคล และคณะบุคคล อย่างเช่นทุกวันนี้ แม้ว่าทั้งรัฐบาลและสภาดังกล่าว ก็มีที่มาจากแหล่งเดียวกัน แต่อย่างน้อยมันก็เป็นรูปแบบเดียวที่มีลักษณะเลียนแบบสากลได้มากขึ้น
00 สิ่งที่น่าจับตาอีกอย่างหนึ่งหลังจากมี รธน.ฉบับชั่วคราวออกมาแล้ว จะมีการนิรโทษกรรมใครบ้าง แน่นอนว่าเป้าหมายหลักต้องพุ่งไปที่ คสช. ถือว่าเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว แต่ที่น่าหวาดเสียวก็คือ กลัวว่าจะคลุมไปถึงคนอื่นด้วยนี่สิ อย่างไรก็ดี ตามข่าวบอกว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ วิษณุ เครืองาม มือร่างกม.คสช. จะแถลงรายละเอียดให้ทราบ วันที่ 23 ก.ค. ก็ล้างหูรอฟังแล้วกัน !!
00 ขั้นตอนหลังจากนี้ก็มีรัฐบาล มีสภาฯ ถึงตอนนั้นก็จะเห็นหน้าตาของครม.ว่าเข้าท่าหรือเปล่า แต่ระดับหัวๆ โดยเฉพาะนายกฯ จะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งควบหัวหน้า คสช. หรือเปล่า นาทีนี้ก็เป็นไปได้สูง เพราะแนวโน้ม ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ไม่มีรายการ "ต่ออายุ" ในเก้าอี้ ผบ.ทบ. รวมไปถึงระดับรองหัวหน้าคสช. ที่เป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่ต้องเกษียณฯไปพร้อมกัน ที่ประกาศออกมาล่วงหน้าชัดเจนมาแล้วก็คือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ที่มีหนังสือแจ้งว่า เกษียณอายุในเก้าอี้ ผบ.ทอ. วันที่ 30 ก.ย.แน่นอน
00 งานนี้เชื่อว่าต้องการเปิดทางให้น้องๆได้ขยับขึ้นมา ทำให้น่าจับตาก็คือ ใครจะก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ ระหว่าง พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รอง ผบ.ทบ. หรือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. และต่อเนื่องกันไปก็คือ หลังจากนี้เมื่อมีการประกาศใช้ รธน.ฉบับชั่วคราวแล้ว จะมีการยกเลิกกฎอัยการศึก หรือไม่ เพราะคนที่รักษาการตามกม.ฉบับนี้ ให้อำนาจ ผบ.ทบ.เท่านั้น อย่างไรก็ดี จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็คงลากยาวไปถึงเดือน ก.ย. โน่นแหละ
00 แม้ว่าอีกนานนับเดือนกว่าจะมีรัฐบาล มีสภาฯ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศโรดแมปขั้นที่สองเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเกิดขึ้นภายในเดือน ก.ย. ซึ่งก็เชื่อมต่อหลังจากเกษียณอายุราชการ แต่ก็คาดหมายดักทางกันว่า ระดับบิ๊กเนม นอกเหนือจาก พล.อ.ประยุทธ์ แล้วระดับรองคนอื่น ก็ต้องนั่งเก้าอี้ รมต.สำคัญตามสายงานที่ดูแลอยู่ในเวลานี้ ไล่มาตั้งแต่ พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร น่าจะมานั่งรองด้านความมั่นคง ควบ รมว.กลาโหม หรือเปล่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองนายกฯกำกับดูแล สตช.เป็นต้น เพราะตามไลน์มันน่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนระดับ รมต.ก็คงต้องผสมผสานกันไปกับพวกที่มองว่าเป็นมืออาชีพ เป็นกูรูเฉพาะทางกับทหารระดับมือทำงานเพราะมีการเปิดทางให้ ขรก.เข้ามาได้ ที่ไม่น่าพลาดก็คือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล ส่วนจะนั่งกระทรวงไหนตอนนี้ยังไม่กล้าฟันธง แต่เอาเป็นว่าเมื่อเริ่มเจ้าสู่ขั้นที่สองอีกด้านหนึ่งมันก็น่าห่วงถึงแรงกระเพื่อมภายในเหมือนกันหากมีการแชร์อำนาจไม่นิ่มนวล เพราะเริ่มต้นสวย ข้างหน้าก็เดินสะดวก แต่ก็อย่างว่าตามธรรมชาติเมื่อทาง"เริ่มแคบ"มันก็ต้องเบียดเสียดกันบ้าง
00 อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าสื่อหรือนักสังเกตการณ์อาจหลงลืม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าทีมกุนซือ คสช.ไปชั่วขณะอาจเป็นเพราะเจ้าตัวซุ่มแบบโลว์ไปรไฟล์ผิดปกติ แต่เชื่อเถอะเมื่อแบโผออกมาย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน คร่าวๆ หากไม่นั่งเก้าอี้ใหญ่ในสภานิติบัญญัติ ก็ต้องได้ลุ้นตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯ ส่วนเก้าอี้รมต.นาทีนี้ ระดับชื่อชั้นอาจไปไกลกว่านั้นแล้ว อย่ามองข้าม "พี่ใหญ่" คนนี้เป็นอันขาด !!