xs
xsm
sm
md
lg

เข้าสู่โหมดซีเรียส ผวากระเพื่อม-ประยุทธ์แจง รธน.เอง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าประเด็นร้อน

จะเรียกเส้นทางข้างหน้าสำหรับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ายึดอำนาจบริหารประเทศมาอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมเป็นต้นมา กำลังก้าวมาถึงจุดสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคืออย่างน้อยก็เริ่มถอยห่างออกมาจากรูปแบบการปกครองแบบผู้นำบุคคล และคณะบุคคล ก้าวสู่รูปแบบที่เป็นสากลมากขึ้น คือการมีรัฐธรรมนูญเป็นกรอบกติกาในการบริหารบ้านเมือง แม้ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็ตาม แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญยิ่งยวดเหมือนกัน

แทนที่จะเป็นการบริหารแบบคำสั่ง และประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ลงนามโดยบุคคลเพียงคนเดียว จะเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายบริหาร มีสภานิติบัญญัติออกกฎหมายตรวจสอบ มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อนำความเห็นไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรในอนาคต ตามแผนโรดแมปที่ได้กำหนดเอาไว้

แน่นอนว่าขั้นตอนการมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีความสำคัญเพราะกำลังก้าวเข้าสู่โรดแมปขั้นที่ 2 ถือว่าน่าติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ในขั้นตอนนี้จะเป็นการชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มต่อไปในอนาคตโดยเฉพาะเรื่องการเข้าสู่ขั้นที่สามในโหมดเลือกตั้ง มีการปฏิรูปทุกภาคส่วนโดยสมบูรณ์แท้จริงได้หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้นั่นแหละ

วกมาที่ขั้นตอนของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ตอนนี้รับรู้กันแล้วว่าอยู่ในช่วงของการเตรียมการทูลเกล้าฯ ถวาย เชื่อว่าคงไม่เกินสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าก็คงไม่น่าเกินสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าพิจารณาก็คือ อำนาจและบทบาทของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับรัฐบาลจะอยู่ในลักษณะไหนกันแน่ บทบาทของสภานิติบัญญัติ รวมทั้งตัวประธานสภาฯ สภาปฏิรูปแห่งชาติ รวมไปถึงสมาชิกและคุณสมบัติของสมาชิกสภาดังกล่าว หรือแม้แต่คุณสมบัติของรัฐมนตรีจะเป็นแบบไหนกันแน่ หลังจากมีการสั่งให้คณะยกร่างรัฐธรรมนูญฯที่นำโดยที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ “วิษณุ เครืองาม” ไปดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว มีการแก้ไขส่งถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียบร้อยแล้ว

หากโฟกัสไปที่จุดสำคัญที่สุดก่อน ก็เชื่อว่าสังคมอยากรู้ว่าจะมีการเขียนกำหนดสถานะของ คสช.และรัฐบาลออกมาแบบไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ออกมาแย้มให้ฟังแล้วว่า คสช.ยังคบมีอยู่และทำงานควบคู่ไปกับรัฐบาล รวมทั้ง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช.หัวหน้าทีมฝ่ายเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นมือขวาก็เปิดเผยออกมาในแนวทางเดียวกัน อย่างไรก็ดีทั้งคู่ยังไม่ให้รายละเอียดมาก บอกเพียงหลักการคร่าวๆดังกล่าวเท่านั้น

แต่หากวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ต้องให้ คสช.มีสถานะออกมาในลักษณะที่ว่าให้ควบคู่ไปกับรัฐบาล ความหมายก็คือยังต้องกำกับดูแลให้รัฐบาลบริหารไปตามเป้าหมายตามโรดแมปให้ครบถ้วน อีกทั้งไม่ต้องการให้ “ขาลอย” หลังจากมีรัฐบาลใหม่ มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แม้ว่านาทีนี้ยังไม่แน่ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมานั่งควบเก้าอี้ตัวนี้หรือไม่ ก็ตาม แต่เพื่อความชัวร์มันก็ต้องกำหนดหน้าที่และบทบาทให้ชัด นั่นคือต้อง “ควบคุมได้”

อย่างน้อยก็ต้องสรุปบทเรียนจากความล้มเหลวของ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เมื่อปี 2549 ที่พอมีรัฐบาล “ขิงแก่” ตัวเองก็ขาลอย ไปไม่ถึงเป้าหมายโดนด่าย่อยยับมาจนถึงบัดนี้ หรือหากย้อนกลับไปในอดีตในยุคของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ตอนนั้นเมื่อมีรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน ก็มีรายการขบเหลี่ยม กันหลายเรื่องแต่ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆ ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นจากบทเรียนดังกล่าวเชื่อว่าจะต้องมีการสรุปและแก้ไขไม่ให้ซ้ำรอยเดิมเป็นแน่ จึงต้องให้มีการแก้ไขเรื่องอำนาจและบทบาทให้ชัดเจน

ขณะเดียวกัน ในช่วงคาบลูกคาบดอกแบบนี้ การกำหนดคุณสมบัติของรัฐมนตรี ซึ่งก็ต้องรวมถึงนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าต้องเปิดกว้างให้ข้าราชการประจำมาดำรงตำแหน่งได้ รวมถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปด้วย หากไม่พูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วก็ต้องมีระดับบิ๊ก คสช.จำนวนหนึ่ง และบรรดานายทหารในกองทัพเข้ามานั่งเก้าอี้หลายราย เท่าที่เห็นอย่างน้อยก็ต้องมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รวมทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นต้น

อย่างไรก็ดี เมื่อมาพิจารณาถึงคำถามว่าทำไมถึงต้องกำชับกันเข้มงวดว่าห้ามพูดล่วงหน้า ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้เรื่องก็ห้ามแพร่งพรายขยายความไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นคนยกร่างฯ อย่าง วิษณุ เครืองาม ตอนนี้ก็เก็บตัวเงียบ และกำหนดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหน้าที่แถลงชี้แจงด้วยตัวเอง หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวออกไปแล้ว โดยเฉพาะประเด็นที่มีข้อซักถาม เนื่องจากเห็นว่าหากมีการพูดไปก่อน หรือให้คนอื่นแถลง อาจบานปลายคลาดเคลื่อน ทำให้เกิดการกระเพื่อมก่อนเวลา อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่อ่อนไหว แม้แต่คำถามสำคัญที่ว่าจะควบเก้าอี้นายกฯด้วยหรือไม่ มันก็อ่อนไหว ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่าภารกิจสำคัญนี่เขาประกาศตั้งแต่ต้นแล้วว่า “ขอรับผิดชอบเอง” เขาจึงต้องเคลียร์เอง เพราะนับจากนี้ไปเริ่มเข้าสู่หมวดซีเรียสแล้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น