เกาะกระแส
00 หลังจาก หัวหน้าคสช.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่าภายในเดือนนี้จะมีการประกาศใช้ รธน.ฉบับชั่วคราว จากนั้นภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.จะมี สภานิติบัญญัติ มีรัฐบาล และมีสภาปฏิรูป รวมทั้งมีการร่าง รธน.ฉบับถาวร แล้วไปสู่การเลือกตั้งแบบปฏิรูป-ปรองดองภายในเดือน ต.ค.ปี 58 นั่นเป็นโรดแมปที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า และคงจะเปลี่ยนแปลงผิดไปจากนี้ไม่ได้แล้ว เพราะทุกคนกำลังรอด้วยความหวังว่าบ้านเมืองต้องดีขึ้น หลังจากต้องลงทุนอันแสนแพงไปกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ซึ่งต้องไม่"เสียของ"เด็ดขาด !!
00 อย่างไรก็ดีในความเป็นจริงในบรรยากาศอีกมุมหนึ่งเมื่อเริ่มเดินเครื่องกันเต็มกำลัง มันก็ต้องมีรายการวิ่งเต้น ทั้งพวกที่หากินกับ "สีเขียว"มีคอเนกชั่นกันมานาน ต่างฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยกันคนพวกนี้แหละจะเข้ามามาหาประโยชน์ อย่างน้อยก็วิ่งเต้นเพื่อหวังจะได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ เป็นรมต.เป็นสมาชิกสภาปฏิรูป คราวนี้ก็คอยจับตาให้ดีว่าพวกที่ได้ตำแหน่งจากการรัฐประหารจะตบเท้าเข้ามาเหมือนเช่นเคย และแน่นอนว่าในวงการย่อมรู้กันดีว่ามีใครบ้าง เวลานี้ก็เริ่มโผล่หน้าออกมา "เลีย"กันจนเลี่ยนแล้ว
00 แต่ที่น่าจับตาในสาระสำคัญที่ต้องจับตากันก็คือเมื่ออยู่ในยุคทหารครองเมืองก็คือ ในสภานิติบัญญัติ ในรัฐบาล ในสภาปฏิรูปจะมี "ขุนทหาร"และข้าราชการประจำเข้าไปนั่งอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ตามข่าวที่แพลมออกมาแว่วมาว่าไม่น้อยกว่าครึ่งหรือเกือบครึ่งกันเลยทีเดียว แม้ว่านาทีนี้อาจไม่แปลกและทำได้ตามใจชอบ แต่ถ้าบอกว่ามัน "เกินงาม"ก็อาจจะใช่ แต่ถึงอย่างไรพูดไปมันก็เหมือน"ขัดคอ"กันล่วงหน้า ทำไมไม่รอให้เห็นหน้ากันก่อน มันก็ถูก แต่ถ้าไม่ดักคอเอาไว้ก่อนถึงตอนนั้นมันก็พูดไม่ออกนะซี
00 แน่นอนว่าระดับหัวแถวของ คสช.ทุกคนคงต้องมีตำแหน่งรองรับโดยเฉพาะพวกที่ต้องเกษียณฯในวันที่ 30 ก.ย.ไล่ไปตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รวมทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ซึ่งสองคนหลังนี่ให้จับตาให้ดีว่าจะ"เข้าวิน"ในตำแหน่งไหน เพราะต้องถึงคราวชิงดำในเก้าอี้ ผบ.ทบ.ด้วย
00 แม้ว่าหลายคนยังเชียร์ให้ "ลุงตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งควบเก้าอี้นายกฯให้รู้แล้วรู้รอด เพราะไหนก็ต้องรับผิดชอบคนเดียวอยู่แล้ว ก็เอาให้มันสุดๆไปเลย แต่เมื่อมาพิจารณาจากโครงสร้างจาก รธน.ชั่วคราว ที่ให้คงบทบาทของ คสช.ในลักษณะควบคุมรัฐบาลอีกชั้นหนึ่ง ที่ดูแลด้านความมั่นคงแบบครอบจักรวาลและตามหลักการสากล มันก็ชักไม่แน่แล้วว่าสมควรนั่งเก้าอี้ นายกฯด้วยหรือไม่ เพราะต้องยอมรับความจริง การที่ผู้นำรัฐประหารเข้ามานั่งเก้าอี้ในตำแหน่งแบบนี้มันอาจทำให้การได้รับการยอมรับจากตะวันตกมีปัญหาก็ได้ นอกเสียจากว่า "ไม่แคร์"และมีทางเลือกความสัมพันธ์กับเอเซียและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ ดังนั้นถ้าให้เดาก็อยากให้น้ำหนักไปทางที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้หัวหน้า คสช.คอยควบคุมทิศทางรัฐบาล ส่วนนายกฯน่าจะเชิญคนที่สากลยอมรับมารับงานด้านหัวหน้าฝ่ายบริหาร
00 สำหรับรธน.ฉบับถาวร ดูตามรูปการณ์แล้ว คนที่น่าจะได้รับตำแหน่งกัปตันควบคุมทิศทางแล้วไม่น่าจะหนีไปจากชื่อ วิษณุ เครืองาม ที่เวลานี้ทำหน้าที่"กุนซือ"ด้านกฎหมายแบบรอบด้าน ดังนั้นเชื่อว่า "ประธานคณะกรรมการยกร่างรธน."ก็น่าจะใช่ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจฉบับชั่วคราวไปแล้ว แต่ที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ รองนายกฯฝ่ายกม. ตอนนี้ความเป็นไปได้พอๆกันแต่ถ้าให้น้ำหนักน่าไปเหลื่อมไปทางแรกมากกว่า แต่ทุกอย่างขึ้นกับ "ลุงตู่"คนเดียว เพราะ"ผมรับผิดชอบเอง" !!