นายทหารพระธรรมนูญนำตัวพลทหาร-สิบเอกหญิง เข้ามอบตัว ตร.ปากคลองรังสิต หลังพัวพันข้าวหาย 9 หมื่นกระสอบ “ปู” หน้าแหกซ้ำ ป.ป.ช.ลงมติคว่ำคำร้องขอสอบพยานเพิ่ม ชี้ไม่เกี่ยวโดยตรง ดักคออย่าหวังถ่วงเวลา แย้มไต่สวนอีกไม่นาน ไม่เกิน ก.ย.ลงดาบได้ โต้ “ทนายปู” ให้ความเป็นธรรมเต็มที่ ด้าน พณ.รับลูก คสช.หาทางดันราคาข้าวเปลือกนาปี 57/58 ไม่ต่ำกว่าตันละ 8,500 บาท งัดมาตรการดูแลทั้งจัดตลาดนัด-ให้โรงสีซื้อเก็บ เชื่อชาวนาอยู่ได้ ขณะที่หอการค้าไทยสบโอกาส “ประยุทธ์” ร่วมวง กรอ.ชง 5 ยุทธศาสตร์พัฒนาข้าวไทย
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (15 ก.ค.57) นายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัวพลทหาร และสิบเอกหญิง เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี เรื่องโกดังข้าวของบริษัท ฟินิกซ์ อกริเทค(ประเทศไทย) จำกัด 9/1 หมู่ 1 ต.บางกระดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี โกงดังข้าวหายจำนวน 9 หมื่นกระสอบ หลังผู้ตรวจกระทรวงเข้าตรวจสอบตามนโยบายสำคัญที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้าวในโกดังก่อนหน้านี้ได้พบว่าข้าวหายกว่า 9 หมื่นกระสอบ จึงมีการกล่าวโทษ และสั่งการให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ลงไปตรวจสอบเพื่อหาความชัดเจนของจำนวนข้าวที่หายไป
จากการสืบสวนทราบว่า มีการทำเป็นขบวนการ ได้เข้ามาขนข้าวออกไปจากโกดัง และจากการตรวจสอบพบว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจำนวน 2 ราย จึงพามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
***ป.ป.ช.ตัดทิ้งพยาน8ปากคดีจำนำข้าวปู
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณากรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ทบทวนการสอบเพิ่มพยาน 8 ปากในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหนังสือดังกล่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว โดยยืนยันในมติเดิมที่เคยพิจารณาไปแล้วคือ ไม่อนุญาตให้ไต่สวนเพิ่มเติมพยาน 8 ปากตามที่ร้องขอมา เนื่องจากเห็นว่า พยานดังกล่าวเป็นการร้องขอมาเกี่ยวกับการตรวจสอบสต็อกข้าว การคำนวณราคาข้าว ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นการไต่สวนของ ป.ป.ช. จึงมีมติไม่ให้ไต่สวนเพิ่มเติม และ ป.ป.ช.จะทำหนังสือแจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบต่อไป
“หากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหายังคงร้องขอให้ ป.ป.ช.สอบพยานเพิ่มเติมในรายเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็คงมีมติไม่อนุญาตเหมือนเดิม แต่หากเป็นพยานใหม่คงต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง” นายสรรเสริญ ระบุ
** รู้ทัน “ปู” ยื่นคำร้องถ่วงเวลา
ส่วนข้อกังวลที่ว่า ฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้วิธีขอไต่สวนพยานเพิ่มเติมเพื่อประวิงเวลาในการพิจารณาคดีของ ป.ป.ช.นั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ป.ป.ช.มีระเบียบการไต่สวนอยู่แล้วว่า หากผู้ถูกกล่าวหามีเจตนายื้อเวลาการพิจารณาคดีให้ล่าช้า ก็สามารถมีมติให้งดการไต่สวน และวินิจฉัยคดีได้ทันที เท่าที่ดูพยานหลักฐานขณะนี้เชื่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.คงใช้เวลาไต่สวนอีกไม่นาน คาดว่าประมาณเดือน ก.ย.จะสามารถลงมติวินิจฉัยคดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ สำหรับความเห็นของทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ระบุว่า ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรมในการไต่สวนนั้น ยืนยันว่า ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมเต็มที่ แต่ต้องดูว่า สิ่งที่ร้องขอมาเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวน ป.ป.ช.คงไม่อนุญาตให้ไต่สวนเพิ่มเติมได้
** การันตีข้าวเปลือก 8.5 พัน/ตัน
อีกด้าน นางจินตนา ชัยยวรรณาการ รักษาการอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมมาตรการดูแลรักษาระดับราคาข้าวเปลือกนาปี 2557/58 ซึ่งเป็นข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.แล้ว โดยจะรักษาระดับราคาให้อยู่ที่ประมาณตันละ 8,500 บาท ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าในตลาดอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อให้เกษตรกรขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่คุ้มกับต้นทุนการผลิตและมีรายได้พอเลี้ยงชีพ
ทั้งนี้ มาตรการในการดูแลราคาข้าวเปลือก หากแนวโน้มราคาข้าวเปลือกอ่อนตัวลงมา จะมีการจัดตลาดนัดรับซื้อข้าวเปลือกโดยให้โรงสีมาซื้อข้าวเปลือกกับเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าว และการให้โรงสีรับซื้อข้าวเปลือกในราคานำตลาดประมาณตันละ 100-200 บาท ในช่วงเดือน พ.ย.2557-ม.ค.2558 และเก็บรักษาสต๊อกไว้ 3-6 เดือน หรือตั้งแต่ พ.ย.2557-ก.ค.2558 ซึ่งโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อ รัฐจะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการชดเชยดอกเบี้ยผ่านธนาคารพาณิชย์ที่โรงสีเป็นลูกค้าตามมูลค่าข้าวเปลือกที่รับซื้อมาในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่กู้
** เตรียมชง 5 ยุทธศาสตร์ถือมือ “ประยุทธ์”
ขณะที่ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นประธาน ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ หอการค้าไทยจะเสนอให้มีการพิจารณายุทธศาสตร์อนาคตข้าวและชาวนาไทย 5 แนวทาง ได้แก่ การพัฒนาข้าวและชาวนาไทยโดยยึดแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, การเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน, การส่งเสริมเขตการเกษตรเศรษฐกิจทางเลือก, การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว และการตลาดไทยที่ต้องส่งเสริมกลไกการตลาดเสรี เพื่อปฏิรูประบบการทำนาของประเทศไทย รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความยั่งยืนให้กับชาวนาไทย
ทางด้าน นายปราโมทย์ วานิชานนท์ ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์ข้าว หอการค้าไทย และที่ปรึกษาสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า หาก คสช. เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์อนาคตข้าวไทย เชื่อว่าจะใช้งบประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท เน้นเรื่องของการพัฒนาพันธุ์และการวิจัยข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้แก่ชาวนาไทยได้อย่างยั่งยืน และไม่ต้องใช้เงินมากเหมือนในอดีต ที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2553-54 นโยบายประกันรายได้ใช้เงิน 53,000 ล้านบาทต่อปี และช่วงปี 2555-57 ใช้เงินจำนำสูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท
**ตรวจอีก 2 โกดังพบข้าวไม่เต็มกอง
ด้านคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวของรัฐชุดที่ 1 ที่มีนางประภาศรี บุญวิเศษ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานฯ รับผิดชอบโกดังข้าว 14 แห่ง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเดินหน้าตรวจสอบโกดังข้าวต่อเนื่อง โดยวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังข้าว 2 จุดในพื้นที่หมู่ 1 ต.พระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ของ บจก.นานาพรรณพัฒนา โดยมีข้าวจำนวน 23,411 กระสอบ เป็นข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ พบว่ามีกองข้าวซึ่งรับไว้ไม่เต็มกอง จึงทำให้กองข้าวไม่เสมอกัน ไม่สามารถตรวจนับได้ คณะทำงานฯ จึงสั่งให้จัดกองใหม่ โดยมีอำเภอกำกับดูแล
จากนั้น คณะทำงานฯได้เข้าตรวจสอบโกดังข้าวอีกแห่งในพื้นที่ ต.หลักชัย อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีข้าวจำนวน 54,239 กระสอบ เป็นข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
**ฉาวอีก! มันเส้นล่องหนจาก2โกดังโคราช135ล้าน
ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของโกดังจัดเก็บมันสำปะหลัง 2 แห่ง คือ บริษัท แบะหลี จำกัด และบริษัท กำพล จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากมันเส้นของ อคส. ที่เก็บไว้ในโกดัง ทั้ง 2 แห่ง หายไปคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 135 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นมันเส้นใน โกดัง บริษัท แบะหลี จำนวน 90 ล้านบาท และ มันเส้นในโกดัง บริษัท กำพล อีกจำนวน 45 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นมันเส้นในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังของรัฐบาล ฤดูกาลผลิตปี 2552 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นัดหมายกับทางเจ้าหน้าที่ อคส. เพื่อเข้าตรวจสอบโกดังที่มันเส้นหายไป ในวันที่ 24-25 ก.ค.นี้
พล.ต.ต.พงษ์เดช กล่าวต่อว่า ภายหลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง แต่อย่างใด ซึ่งหากออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วยังไม่พาพบพนักงานสอบสวนก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป
“ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีและให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายโดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เข้าไปดูแลคดีนี้โดยตรง” พล.ต.ต.พงษ์เดช กล่าว
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (15 ก.ค.57) นายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัวพลทหาร และสิบเอกหญิง เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี เรื่องโกดังข้าวของบริษัท ฟินิกซ์ อกริเทค(ประเทศไทย) จำกัด 9/1 หมู่ 1 ต.บางกระดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี โกงดังข้าวหายจำนวน 9 หมื่นกระสอบ หลังผู้ตรวจกระทรวงเข้าตรวจสอบตามนโยบายสำคัญที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้าวในโกดังก่อนหน้านี้ได้พบว่าข้าวหายกว่า 9 หมื่นกระสอบ จึงมีการกล่าวโทษ และสั่งการให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ลงไปตรวจสอบเพื่อหาความชัดเจนของจำนวนข้าวที่หายไป
จากการสืบสวนทราบว่า มีการทำเป็นขบวนการ ได้เข้ามาขนข้าวออกไปจากโกดัง และจากการตรวจสอบพบว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจำนวน 2 ราย จึงพามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
***ป.ป.ช.ตัดทิ้งพยาน8ปากคดีจำนำข้าวปู
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณากรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ทบทวนการสอบเพิ่มพยาน 8 ปากในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหนังสือดังกล่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว โดยยืนยันในมติเดิมที่เคยพิจารณาไปแล้วคือ ไม่อนุญาตให้ไต่สวนเพิ่มเติมพยาน 8 ปากตามที่ร้องขอมา เนื่องจากเห็นว่า พยานดังกล่าวเป็นการร้องขอมาเกี่ยวกับการตรวจสอบสต็อกข้าว การคำนวณราคาข้าว ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นการไต่สวนของ ป.ป.ช. จึงมีมติไม่ให้ไต่สวนเพิ่มเติม และ ป.ป.ช.จะทำหนังสือแจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบต่อไป
“หากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหายังคงร้องขอให้ ป.ป.ช.สอบพยานเพิ่มเติมในรายเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็คงมีมติไม่อนุญาตเหมือนเดิม แต่หากเป็นพยานใหม่คงต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง” นายสรรเสริญ ระบุ
** รู้ทัน “ปู” ยื่นคำร้องถ่วงเวลา
ส่วนข้อกังวลที่ว่า ฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้วิธีขอไต่สวนพยานเพิ่มเติมเพื่อประวิงเวลาในการพิจารณาคดีของ ป.ป.ช.นั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ป.ป.ช.มีระเบียบการไต่สวนอยู่แล้วว่า หากผู้ถูกกล่าวหามีเจตนายื้อเวลาการพิจารณาคดีให้ล่าช้า ก็สามารถมีมติให้งดการไต่สวน และวินิจฉัยคดีได้ทันที เท่าที่ดูพยานหลักฐานขณะนี้เชื่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.คงใช้เวลาไต่สวนอีกไม่นาน คาดว่าประมาณเดือน ก.ย.จะสามารถลงมติวินิจฉัยคดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ สำหรับความเห็นของทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ระบุว่า ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรมในการไต่สวนนั้น ยืนยันว่า ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมเต็มที่ แต่ต้องดูว่า สิ่งที่ร้องขอมาเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวน ป.ป.ช.คงไม่อนุญาตให้ไต่สวนเพิ่มเติมได้
** การันตีข้าวเปลือก 8.5 พัน/ตัน
อีกด้าน นางจินตนา ชัยยวรรณาการ รักษาการอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมมาตรการดูแลรักษาระดับราคาข้าวเปลือกนาปี 2557/58 ซึ่งเป็นข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.แล้ว โดยจะรักษาระดับราคาให้อยู่ที่ประมาณตันละ 8,500 บาท ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าในตลาดอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อให้เกษตรกรขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่คุ้มกับต้นทุนการผลิตและมีรายได้พอเลี้ยงชีพ
ทั้งนี้ มาตรการในการดูแลราคาข้าวเปลือก หากแนวโน้มราคาข้าวเปลือกอ่อนตัวลงมา จะมีการจัดตลาดนัดรับซื้อข้าวเปลือกโดยให้โรงสีมาซื้อข้าวเปลือกกับเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าว และการให้โรงสีรับซื้อข้าวเปลือกในราคานำตลาดประมาณตันละ 100-200 บาท ในช่วงเดือน พ.ย.2557-ม.ค.2558 และเก็บรักษาสต๊อกไว้ 3-6 เดือน หรือตั้งแต่ พ.ย.2557-ก.ค.2558 ซึ่งโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อ รัฐจะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการชดเชยดอกเบี้ยผ่านธนาคารพาณิชย์ที่โรงสีเป็นลูกค้าตามมูลค่าข้าวเปลือกที่รับซื้อมาในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่กู้
** เตรียมชง 5 ยุทธศาสตร์ถือมือ “ประยุทธ์”
ขณะที่ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นประธาน ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ หอการค้าไทยจะเสนอให้มีการพิจารณายุทธศาสตร์อนาคตข้าวและชาวนาไทย 5 แนวทาง ได้แก่ การพัฒนาข้าวและชาวนาไทยโดยยึดแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, การเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน, การส่งเสริมเขตการเกษตรเศรษฐกิจทางเลือก, การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว และการตลาดไทยที่ต้องส่งเสริมกลไกการตลาดเสรี เพื่อปฏิรูประบบการทำนาของประเทศไทย รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความยั่งยืนให้กับชาวนาไทย
ทางด้าน นายปราโมทย์ วานิชานนท์ ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์ข้าว หอการค้าไทย และที่ปรึกษาสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า หาก คสช. เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์อนาคตข้าวไทย เชื่อว่าจะใช้งบประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท เน้นเรื่องของการพัฒนาพันธุ์และการวิจัยข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้แก่ชาวนาไทยได้อย่างยั่งยืน และไม่ต้องใช้เงินมากเหมือนในอดีต ที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2553-54 นโยบายประกันรายได้ใช้เงิน 53,000 ล้านบาทต่อปี และช่วงปี 2555-57 ใช้เงินจำนำสูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท
**ตรวจอีก 2 โกดังพบข้าวไม่เต็มกอง
ด้านคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวของรัฐชุดที่ 1 ที่มีนางประภาศรี บุญวิเศษ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานฯ รับผิดชอบโกดังข้าว 14 แห่ง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเดินหน้าตรวจสอบโกดังข้าวต่อเนื่อง โดยวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังข้าว 2 จุดในพื้นที่หมู่ 1 ต.พระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ของ บจก.นานาพรรณพัฒนา โดยมีข้าวจำนวน 23,411 กระสอบ เป็นข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ พบว่ามีกองข้าวซึ่งรับไว้ไม่เต็มกอง จึงทำให้กองข้าวไม่เสมอกัน ไม่สามารถตรวจนับได้ คณะทำงานฯ จึงสั่งให้จัดกองใหม่ โดยมีอำเภอกำกับดูแล
จากนั้น คณะทำงานฯได้เข้าตรวจสอบโกดังข้าวอีกแห่งในพื้นที่ ต.หลักชัย อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีข้าวจำนวน 54,239 กระสอบ เป็นข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
**ฉาวอีก! มันเส้นล่องหนจาก2โกดังโคราช135ล้าน
ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของโกดังจัดเก็บมันสำปะหลัง 2 แห่ง คือ บริษัท แบะหลี จำกัด และบริษัท กำพล จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากมันเส้นของ อคส. ที่เก็บไว้ในโกดัง ทั้ง 2 แห่ง หายไปคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 135 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นมันเส้นใน โกดัง บริษัท แบะหลี จำนวน 90 ล้านบาท และ มันเส้นในโกดัง บริษัท กำพล อีกจำนวน 45 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นมันเส้นในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังของรัฐบาล ฤดูกาลผลิตปี 2552 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นัดหมายกับทางเจ้าหน้าที่ อคส. เพื่อเข้าตรวจสอบโกดังที่มันเส้นหายไป ในวันที่ 24-25 ก.ค.นี้
พล.ต.ต.พงษ์เดช กล่าวต่อว่า ภายหลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง แต่อย่างใด ซึ่งหากออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วยังไม่พาพบพนักงานสอบสวนก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป
“ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีและให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายโดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เข้าไปดูแลคดีนี้โดยตรง” พล.ต.ต.พงษ์เดช กล่าว