ศูนย์ข่าวภูมิภาค - นายทหารพระธรรมนูญนำตัวพลทหาร-สิบเอกหญิง เข้ามอบตัว ตร.ปากคลองรังสิต หลังพัวพันข้าวหาย 9 หมื่นกระสอบ ขณะที่การตรวจสอบโกดังข้าวหลายจังหวัดยังมีต่อเนื่อง ที่อุบลฯคืบหน้าแล้ว 80% พบข้าวขึ้นราและหายส่วนหนึ่ง ขณะเดัยวกันเกิดเรื่องฉาวอีก ! มันเส้นโครงการแทรกแซงราคาของรัฐบาลล่องหนจาก 2 โกดังในบัวใหญ่ โคราช รวมมูลค่ากว่า 135 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ อคส.โร่เข้าแจ้งความดำเนินคดี ตร.ออกหมายเรียกเจ้าของบริษัทมารับทราบข้อกล่าวหาแต่ยังเฉย เผยเรียก 2 ครั้งไม่มาออกหมายจับทันที
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (15 ก.ค.57) นายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัวพลทหาร และสิบเอกหญิง เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี เรื่องโกดังข้าวของบริษัท ฟินิกซ์ อกริเทค(ประเทศไทย) จำกัด 9/1 หมู่ 1 ต.บางกระดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี โกงดังข้าวหายจำนวน 9 หมื่นกระสอบ หลังผู้ตรวจกระทรวงเข้าตรวจสอบตามนโยบายสำคัญที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้าวในโกดังก่อนหน้านี้ได้พบว่าข้าวหายกว่า 9 หมื่นกระสอบ จึงมีการกล่าวโทษ และสั่งการให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ลงไปตรวจสอบเพื่อหาความชัดเจนของจำนวนข้าวที่หายไป
จากการสืบสวนทราบว่า มีการทำเป็นขบวนการ ได้เข้ามาขนข้าวออกไปจากโกดัง และจากการตรวจสอบพบว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจำนวน 2 ราย จึงพามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
**ตรวจข้าวอุบลฯพบข้าวขึ้นรา-หายส่วนหนึ่ง
ที่โกดังกลางบริษัทจำกัด โรงสีข้าวแหลมทองอุบล หมู่ 1 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นายวิษณุ ปาณวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานคณะทำงานชุดที่ 43 ได้เข้าตรวจนับปริมาณและคุณภาพข้าวในโกดังวันนี้อีกกว่า 320,000 กระสอบ
สำหรับการตรวจนับและเก็บตัวอย่างข้าวไปหาสิ่งปลอมปนตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.ถึงปัจจุบัน ของคณะทำงานชุดที่ 43 และชุด 44 ที่จังหวัดอุบลราชธานี คณะทำงานได้ตรวจนับปริมาณข้าวสารที่เก็บไว้ในโกดังกลางจำนวน 41 หลัง กว่า 3.5 ล้านกระสอบ ในพื้นที่ 8 อำเภอไปได้แล้วกว่า 80% พบสิ่งผิดปกติคือ มีข้าวในความดูแลขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) หายไปรวม 1,030 กระสอบ มีข้าวผิดประเภทปะปนกันอยู่จำนวน 14 กระสอบ และมีข้าวเป็นรา เพราะถูกน้ำฝนประมาณ 100 กระสอบ
สำหรับข้าวสารที่เก็บรักษาในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นข้าวประจำฤดูกาลผลิตข้าวนาปีและข้าวนาปรังปี 2554-2557 และคณะทำงานคาดว่าจะสามารถสรุปผลการตรวจสอบทั้งหมดในสิ้นสัปดาห์นี้
**จนท.เปิดโกดังข้าวลำปางตรวจสอบวันแรก
ที่ จ.ลำปาง พล.ต.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต ผบ.มทบ.32 และนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยคณะทำงานตรวจสอบคุณภาพ และปริมาณข้าวในพื้นที่ จ.ลำปาง คณะที่ 63 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพและปริมาณข้าวในจุดแรกที่คลังสินค้ากลางโรงสีโชคพนะการ หลังที่ 1 ซึ่งเก็บข้าวเหนียวขาว 10% มีจำนวนข้าวคงเหลือ 21,114 กระสอบ
จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบเพียงการจัดเก็บที่ไม่เป็นระเบียบ เนื่องจากมีโกดังแห่งนี้เก็บรักษาข้าวในฤดูกาล 2555/2556 และมีการจำหน่ายข้าวออกไปก่อนหน้านี้บางส่วน แต่ไม่ได้มีการจัดระเบียบข้าวที่เหลือ ทำให้มีข้าวร่วงออกจากกระสอบ-จัดวางไม่เป็นระเบียบ
สำหรับในวันนี้ทางคณะตรวจสอบข้าวฯมีกำหนดตรวจโกดังข้าวรวม 2 แห่ง ซึ่งเป็นข้าวในฤดูกาลผลิต 2555/56 คือ ช่วงเช้าที่คลังสินค้ากลางโรงสีโชคพนะการ เลขที่ 277 ม.1 ต.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง และช่วงบ่ายที่คลังสินค้ากลาง บริษัท อิมพิเรียลพอทเทอรี่ จำกัด เลขที่ 339 ม.2 ต.วังพร้าว อ.เกาะคา จ.ลำปาง ที่เก็บข้าวขาวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 รวม 32,838 กระสอบ
ทั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 17-22 ก.ค. รวม 6 วัน คณะทำงานฯจะเข้าตรวจสอบที่คลังสินค้ากลาง บริษัท พี.เอ.เอส.(2556) จำกัด เลขที่ 999 ม.1 ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง รวม 5 โกดัง ซึ่งเก็บข้าวในฤดูกาล 2556/57 ทั้งสองชนิด รวม 773,470 กระสอบ
**ตรวจอีก 2 โกดังกรุงเก่าพบกองข้าวมีไม่เต็มกอง
ด้านคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวของรัฐชุดที่ 1 ที่มีนางประภาศรี บุญวิเศษ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานฯ รับผิดชอบโกดังข้าว 14 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงเดินหน้าตรวจสอบโกดังข้าวต่อเนื่อง โดยวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังข้าว 2 จุดในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลพระยาบันลือ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของ บจก.นานาพรรณพัฒนา โดยมีข้าวจำนวน 23,411 กระสอบ เป็นข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ พบว่ามีกองข้าวซึ่งรับไว้ไม่เต็มกอง จึงทำให้กองข้าวไม่เสมอกัน ไม่สามารถตรวจนับได้ คณะทำงานฯ จึงสั่งให้จัดกองใหม่ โดยมีอำเภอกำกับดูแล
จากนั้น คณะทำงานฯได้เข้าตรวจสอบโกดังข้าวอีกแห่งในพื้นที่ตำบลหลักชัย อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีข้าวจำนวน 54,239 กระสอบ เป็นข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะทำงานฯ ได้ตรวจสอบโกดังไปแล้วรวมทั้งสิ้น 10 โกดังยังคงเหลืออีก 4 โกดังจากทั้งหมด 14 โกดัง
**ตรวจโกดังข้าวที่ราชบุรีอีก 1 แห่งยังไม่พบผิดปกติ
ที่ จ.ราชบุรี นางวนิดา สักการโกศล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบปริมาณคุณภาพข้าวชุดที่ 3 พร้อมด้วย พ.อ.สุรพล เอี้ยวสุวรรณ เสนาธิการจังหวัดทหารบกราชบุรี นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด พ.ต.ท.ชาติชาย ดอนชัย รองผู้กำกับการปราบปราม สภ.จอมบึง นางโสมหิรัญ คงกำเนิด การค้าภายในจังหวัด เข้าตรวจสอบคลังสินค้ากลาง กลิ่นสุคนธ์ จอมบึงฟาร์ม หลัง 2 โครงการับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 เลขที่ 99 หมู่ 11 ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง ซึ่งมีข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์อยู่จำนวน 121,000 กระสอบ น้ำหนัก 12,103,226.700 กิโลกรัม เริ่มนำข้าวสารเข้าเก็บรักษาตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.56 ถึงวันที่ 24 ม.ค.57
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานจะขึ้นไปตรวจสอบบนกองข้าวที่อยู่ด้านบน แต่พบปัญหาไม่มีรถโฟ้คลิฟนำพาคณะขึ้นไปได้ จึงนำบันไดเหล็กพาดบริเวณแถวกระสอบข้าว เพื่อปีนขึ้นไปตรวจนับ ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ยังได้ให้คนงานของโกดังรื้อกระสอบข้าวลงไปประมาณ 15 กระสอบ เพื่อเจาะเก็บตัวอย่างข้าว เบื้องต้นพบว่าข้าวยังอยู่ในคุณภาพดีไม่พบมอด หรือแมลงใดๆ มากัดกิน และจำนวนอยู่ครบตามที่แจ้งไว้ ซึ่งจะได้นำตัวอย่างข้าวส่งให้กรรมการอีกชุดนำไปตรวจวิเคราะห์คุณภาพลำดับขั้นตอนต่อไป
**ฉาวอีก! มันเส้นล่องหนจาก 2 โกดังโคราช 135 ล้าน
ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของโกดังจัดเก็บมันสำปะหลัง 2 แห่ง คือ บริษัท แบะหลี จำกัด และบริษัท กำพล จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากมันเส้นของ อคส. ที่เก็บไว้ในโกดัง ทั้ง 2 แห่ง หายไปคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 135 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นมันเส้นใน โกดัง บริษัท แบะหลี จำนวน 90 ล้านบาท และ มันเส้นในโกดัง บริษัท กำพล อีกจำนวน 45 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นมันเส้นในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังของรัฐบาล ฤดูกาลผลิตปี 2552 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นัดหมายกับทางเจ้าหน้าที่ อคส. เพื่อเข้าตรวจสอบโกดังที่มันเส้นหายไป ในวันที่ 24-25 ก.ค.นี้
พล.ต.ต.พงษ์เดช กล่าวต่อว่า ภายหลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง แต่อย่างใด ซึ่งหากออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วยังไม่พาพบพนักงานสอบสวนก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป
“ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีและให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายโดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เข้าไปดูแลคดีนี้โดยตรง” พล.ต.ต.พงษ์เดช กล่าว
