xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ห่วงการคลังไม่สมดุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บอร์ดกนง.-กนส.หารือร่วมกันนัดแรกของปี 57 มองระยะหลังเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไม่มีปัญหา หนี้เสียยังไม่น่าห่วง สั่งติดตามนโยบายภาครัฐในระยะต่อไป แต่ห่วงภาคการคลังที่มีความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายที่มีแนวโน้มมากขึ้น รวมทั้งกิจกรรมนอกงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การปรับโครงสร้างภาคการคลังมีความจำเป็นมากขึ้น

เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) หารือร่วมกันครั้งแรกในรอบปี 57 ถือเป็นวาระปกติ ซึ่งปีหนึ่งจะประชุมร่วมกันอย่างน้อย 2 ครั้ง การประชุมครั้งนี้ เลื่อนประชุมมาช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะกรรมการหลายท่านทั้งสองบอร์ดติดภาระกิจ จึงจัดเวลาให้กรรมการส่วนใหญ่สามารถประชุมร่วมกันได้ ซึ่งการประชุมและรับประทานอาหารร่วมกันในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ บอร์ด กนส. เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกันว่า ในที่ประชุมร่วมทั้งสองบอร์ดมีการทบทวนเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน รวมถึงธนาคารพาณิชย์ในระบบว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร ในที่ประชุมเห็นว่า ระยะหลังเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไม่มีปัญหา ขณะที่ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่น่าเป็นห่วง
รายงานข่าวจากธปท. แจ้งว่า ธปท.ได้สรุปผลการร่วมกันว่า แม้ปัจจุบันสถานการณ์การเมืองชัดเจนขึ้น ทำให้เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินกลับมามีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามความชัดเจนและความรวดเร็วของนโยบายภาครัฐในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นว่าความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินระยะยาวที่สำคัญประการหนึ่งมาจากภาคคลังที่มีความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายที่มีแนวโน้มมากขึ้น รวมทั้งกิจกรรมนอกงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การปรับโครงสร้าง เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคการคลังมีความจำเป็นมากขึ้น
ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นว่าเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินได้รับผลกระทบบ้างจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยรายได้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจปรับลดลง และเริ่มเห็นคุณภาพสินเชื่ออุปโภคบริโภคด้อยลงบ้าง อย่างไรก็ตามผลกระทบยังไม่กระจายเป็นวงกว้างจนเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ อีกทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีผลการดำเนินงานที่ดี มีฐานะการเงินที่มั่นคงและรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจได้ ขณะที่เงินกองทุนและเงินสำรองอยู่ในระดับสูง แม้สินเชื่อชะลอตัวลงบ้างตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังขยายตัวสนับสนุนภาคเศรษฐกิจจริงอยู่
หลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในระยะต่อไปจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสำคัญ แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองยังคงมีผลกระทบภาคท่องเที่ยวอยู่ เพราะโครงสร้างนักท่องเที่ยวของไทยมีสัดส่วนชาวเอเชียเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ทางการเมืองค่อนข้างมาก.
กำลังโหลดความคิดเห็น