บลจ.กรุงไทยตั้งเป้า AUM สิ้นปี 650,000 ล้านบาท เดินหน้าออกทุนทั้งในและต่างประเทศ ประเมินดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้แตะ 1,475 จุด พร้อมมองจีดีพีไทยโต 1.1% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงที่ในระดับต่ำ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานนับตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน 2557 บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ประมาณ 575,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 ประมาณ 30,800 ล้านบาท จากกองทุนรวมเพิ่มขึ้น 39,565 ล้านบาท กองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 15,224 ล้านบาท ส่วนกองทุนส่วนบุคคลลดลง 3,393 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพลดลง 20,595 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2557 กำหนดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิไว้ที่ 650,000 ล้านบาท คาดว่าน่าจะถึงเป้าหมายได้ตามที่กำหนดไว้ ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1.18 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 625 ล้านบาท
โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 2 กองทุน และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งกองทุนที่จะเปิดจำหน่ายในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งกองทุนต่างประเทศ, กองทุน Term&Fund, Roll Over และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
เศรษฐกิจฟื้น-หุ้นไทย 1,475 จุด
ด้านนายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า การลงทุนในตลาดประเทศพัฒนาแล้วตั้งแต่ต้นปีไม่ได้ให้ผลตอบแทนมากเท่าตลาดเกิดใหม่ โดยตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยภาคธุรกิจไทยยังมีความแข็งแรง คาดดว่าอัตราดอกเบี้ยไทยยังคงอยุ่ที่ที่ระดับ 2% และเงินลงทุนจากต่างชาติน่าจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดไทย
“การลด QE ไม่ได้ส่งผลต่อการลงทุน แต่เป็นที่น่าจับตามองว่าการเติบโตของสหรัฐฯ จะเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพมั้ย หากลด QE และขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องมองระยะยาว”
ส่วนแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยคาดว่าสิ้นปีนี้ 1,475 จุด และใน 12 เดือนข้างหน้าน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,580 จุด และในช่วงสิ้นปีหน้าที่ระดับ 1,680 จุด และคาดว่าจีดีพีเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเติบโตที่ 1.1% และระดับ 5.2% ในปีหน้า
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยโดยเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จะเร็วและมีเสถียรภาพจึงให้น้ำหนักกับการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง และจะให้น้ำหนักน้อย ในหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี เพราะมองว่าการเติบโตของกำไรจะน้อยกว่าตลาด
นายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในรูป W โดยเศรษฐกิจจะได้แรงกระตุ้นในช่วงแรกจากการเร่งใช้จ่าย จากนั้นจะชะลอลงหลังจากที่ประเทศเริ่มเข้าสู่กระบวนการระดมสมองเพื่อการปฎิรูป ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง เมื่อใกล้เข้าสู่การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเราคาดว่า GDP Growth 1.1% ในปีนี้ และ 5.2% ในปีหน้า โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ เศรษฐกิจจะได้ประโยชน์จาก Pending consumtion pending investment การเสริม Inventories และการใช้จ่ายภาครัฐที่น่าจะดีขึ้น อาจจะกระทบด้วยการนำเข้าที่เพิ่มมากขึ้น แต่การส่งออกน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยปรับลดเหลือ 3.5% จากเดิมที่ 6% ขณะที่ในปีหน้า คาดว่าตัวเลขการเติบโตจะค่อนข้างสูงเป็นผลจากฐานต่ำเป็นหลัก แต่การบริโภคและการส่งออกดีขึ้น ก็น่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นได้ด้วย ขณะที่รัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปมากกว่า ทำให้แรงกระตุ้นภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะไม่สูงนัก และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยที่ 2.00% ไปจนถึงไตรมาส 2 ปี 2015