“ธปท.-ส.แบงก์” ประสานเสียงเอกชนหนุนร่าง พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือ “เอสเอ็มอี” กู้เงินได้ง่ายขึ้น เน้นความโปร่งใส และมาตรฐานทางบัญชี พร้อมการตีราคาหลักประกัน โดยไม่ต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันแก่ผู้รับหลักประกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการนำหลักทรัพย์นั้นไปใช้ประกอบกิจการได้
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานเสวนา “กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจจะช่วยให้ไทยเข้มแข็งทางเศรษฐกิจได้จริงหรือ” โดยระบุว่า ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อสร้างหลักประกันใหม่นอกเหนือจากการจำนองและค้ำประกัน ซึ่งขณะนี้ค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรนั้น จะเกิดประโยชน์อย่างมากกับธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ยังไม่เข้าถึงแหล่งเงินทุนกว่า 2 ล้านราย และจะช่วยทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แต่ผู้ประกอบการจะต้องเปิดเผยข้อมูลของบริษัทอย่างโปร่งใส และมีระบบบัญชีที่ได้มาตรฐาน ทำให้สถาบันการเงินมั่นใจในการปล่อยกู้ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยจะพัฒนาระบบฐานข้อมูลของธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นรายพื้นที่/รายอุตสาหกรรม และกลุ่มที่มีปัญหาหนี้เสียเพื่อใช้ช่วยในการตัดสินใจปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการปรับเกณฑ์การสำรองหนี้จัดชั้นด้อยคุณภาพ ที่บังคับใช้กับธนาคารพาณิชย์ให้สอดคล้องกับกฎหมาย
ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ หลักการสำคัญเพื่อให้สามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาใช้เป็นหลักประกัน โดยไม่ต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันแก่ผู้รับหลักประกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการนำหลักทรัพย์นั้นไปใช้ประกอบกิจการได้
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยที่ผ่านมาสินค้าคงคลัง หรือความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีกฎหมายรองรับให้นับเป็นหลักประกันเงินกู้ได้ แต่กฎหมายฉบับนี้จะทำให้มั่นใจในการปล่อยกู้และทำให้ต้นทุนการปล่อยสินเชื่อลดลง ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวทุกประเทศในเอเชียถูกนำมาใช้นานแล้วทั้งในสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา
นายปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มองว่ากฎหมายฉบันนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องติดตามในทางปฏิบัติว่าเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ธนาคารพาณิชย์จะตีราคาหลักประกันเหมาะสมเพียงใดโดยเฉพาะลูกค้าเอสเอ็มอี
ด้านนางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย กล่าวว่า สนับสนุนการยกร่างกฎหมายดังกล่าว จะทำให้ธุรกิจรายเล็กที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น จากเดิมใช้สินทรัพย์ถาวรเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถใชัสิทธิบัตร นวัตกรรม และสินค้าคงคลัง ที่มีมูลค่าธุรกิจมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้เพิ่ม ซึ่งเอสเอ็มอีหวังว่าธนาคารพาณิชย์จะช่วยสนับสนุนให้เอสเอ็มอีกู้ได้ง่ายขึ้น
