ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเร่งเสนอคสช.ตั้งบอร์ดสลากใหม่ภายในสัปดาห์นี้หลังประธานไขก๊อก หวังเดินหน้าขายสลากราคา 80 บาทตามนโยบายได้ทันงวดวันที่ 16 ก.ค. ขู่ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ไม่สนองโดนฉีกสัญญา ส่วนคลังจังหวัดเข้มงวดรายย่อยขายสลากเองหน้าศาลากลางจังหวัดหวังคุมไม่ให้ขายเกินราคา
นายรังสรรค์ ศรีวาศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการการกระทรวงการคลัง ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าขอลาออกจากประธานกรรมการสาลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ววันที่ 30 มิ.ย.นี้หลังจากที่มีการโยกย้ายจากอธิบดีกรมศุลกากรมาเป็นผู้ตรวจราชการ โดยหนังสือลาออกคงจะตามมาในภายหลัง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะตำแหน่งประธานบอร์ดสลากฯ จะเป็นตำแหน่งของปลัดคลังโดยตำแหน่ง แต่เนื่องจากตนเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ 3 แห่งตามระเบียบกระทรวงคลังแล้ว จึงจะมอบหมายให้บุคคลอื่นดำรงตำแหน่งแทน คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งประธานบอร์ดและบอร์ดชุดใหม่ได้ โดยจะมีทั้งคนใหม่และคนเดิม ส่วนประธานบอร์ดนั้นจะเป็นคนในหรือคนนอกกระทรวงก็ได้ และที่มีกระแสข่าวว่าจะมีทหารเข้ามานั่งในบอร์ดด้วยนั้นยังต้องรอดูรายชื่ออีกครั้งหนึ่ง ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ คงต้องตั้งกรรมการสรรหาตามกฎหมายรัฐวิสหกิจต่อไป
นายรังสรรค์ กล่าวถึงแนวทางการจำหน่ายสลากราคา 80 บาทตามนโยบาย คสช.ว่า คงต้องมอบนโยบายให้ประธานบอร์ดและฝ่ายบริหารให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้ขายสลากฯตามกฎหมายที่ระบุไว้ในสลาก ด้วยการขอความร่วมมือกับผู้ค้ารายใหญ่ที่ทำสัญญารายปีในการรับซื้อสลากฯไปจำหน่ายในราคา 72-74 บาท ซึ่งยังมีกำไรถึง 6-8 บาท โดยจะเริ่มทำการทดลองขายในงวดออกรางวัล 16 ก.ค.นี้ และเริ่มคุมเข้มในเขตกรุงเพทฯและปริมณฑลก่อน หากไม่ทำตามทางสำนักงานสลากฯก็สามารถไม่ต่อสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้ได้ ส่วนของผู้ค้ารายย่อยที่ได้รับโควตาไปนั้นหากนำไปขายให้ยี่ปั๊วหรือรายใหญ่ที่รับซื้อเพื่อนำมาร่วมชุด ก็จะถูกยกเลิกต่อสัญญาในปีต่อไปในทันที
“เมื่อขอความร่วมมือแล้วก็คาดว่าจะได้รับความร่วมมือคงต้องรอดูผลการจำหน่ายสลากในงวดวันที่ 16 ก.ค.นี้ หากได้ผลสำเร็จอย่างไรก็จะขยายแนวทางไปยังต่างจังหวัดด้วย แต่หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะมีการบังคับใช้ตามกฎหมายและสัญญาการเป็นคู้ค้าสลากอย่างจริงจัง คนที่ขายเกินราคาก็ต้องรับผิดชอบโดยงวดหน้าน่าจะได้เห็ฯราคาปรับลดลงชัดเจน” นายรังสรรค์กล่าว
ด้านนายมนัส แจ่มเวลา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯได้ทำหนังสือแจ้งไปยังคลังจังหวัดทั่วประเทศให้มีความเข้มงวดในการดูแลผู้ค้ารายย่อยที่มารับโควตาจากคลังจังหวัดไปจำหน่ายต่อเพื่อให้ขายในราคาฉบับละ 80 บาทตามนโยบายของคสช. โดยให้เริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 16 ก.ค.นี้ ซึ่งผู้ค้ารายย่อยจะมีการเข้ามารับสลากตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.นี้จึงน่าจะดำเนินการได้ทันและจะเน้นไปที่อำเภอเมืองก่อนโดยจะขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้ใช้สถานที่คือศาลากลางจังหวัดเป้ฯที่จำหน่ายสลากเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและควบคุมราคาต่อไป
นายมนัสกล่าวอีกว่ากรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับจัดสรรโควตาสลากมาจากสำนักงานสลากประมาณงวดละ 3 หมื่นเล่ม และจะมีการจัดสรรไปให้คลังจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 150-300 เล่มขึ้นอยู่กับขนาดของจังหวัด และจะมีผู้ค้ารายย่อยที่เป็นยี่ปั๋วมารับสสากจากคลังจังหวัดจะได้ไปประมาณคนละ 5-10 เล่มจังหวัดหนึ่งจะมีผู้ค้าที่เป็นยี่ปั๊วมารับสลากโดยตรงประมาณ 20-30 รายเท่านั้นจึงมีไม่มากในการที่จะดูแลและขอความร่วมมือให้ขายตามราคา 80 บาท เพราะคลังจังหวัดขายให้ในราคาส่งฉบับละ 74 บาทจากที่รับมาจากสำนักงานสลาก 72 บาท หากไม่นำไปขายต่อหลายทอดก็น่าจะขายตามราคาได้
“กรมฯบัญชีกลางในฐานะที่เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับจัดสรรโควตาสลากทุกงวดก็พยายามเร่งแก้ไขปัญหาสลากขายเกินราคาอยู่เช่นเดียวกัน แต่ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือผู้ค้ารายย่อยที่รับสลากไปไม่ได้เดินขายเองแต่จะมีนายทุนมารับซื้อเหมาไปทั้งหมด ซึ่งผู้ค้าส่วนใหญ่ก็ไม่อยากจะเดินขายเองอยู่แล้วแถมยังได้กำไรแม้ว่าจะขายแค่ 80 บาท และสลากดังกล่าวก็จะถูกนำกลับมารวมเล่มหรือเวียนกลับมายังกรุงเทพฯที่เป็นตลาดใหญ่และขายในราคาแพงเป็นเลขรวมชุด ดังนั้นต่อไปนี้ผู้ค้ารายย่อยที่รับสลากไปต้องขายเองและขายในราคา 80 บาท หากไม่ทำตามก็จะยึดโควตาที่จัดสรรให้ไปคืน”นายมนัส กล่าว.
นายรังสรรค์ ศรีวาศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการการกระทรวงการคลัง ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าขอลาออกจากประธานกรรมการสาลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ววันที่ 30 มิ.ย.นี้หลังจากที่มีการโยกย้ายจากอธิบดีกรมศุลกากรมาเป็นผู้ตรวจราชการ โดยหนังสือลาออกคงจะตามมาในภายหลัง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะตำแหน่งประธานบอร์ดสลากฯ จะเป็นตำแหน่งของปลัดคลังโดยตำแหน่ง แต่เนื่องจากตนเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ 3 แห่งตามระเบียบกระทรวงคลังแล้ว จึงจะมอบหมายให้บุคคลอื่นดำรงตำแหน่งแทน คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งประธานบอร์ดและบอร์ดชุดใหม่ได้ โดยจะมีทั้งคนใหม่และคนเดิม ส่วนประธานบอร์ดนั้นจะเป็นคนในหรือคนนอกกระทรวงก็ได้ และที่มีกระแสข่าวว่าจะมีทหารเข้ามานั่งในบอร์ดด้วยนั้นยังต้องรอดูรายชื่ออีกครั้งหนึ่ง ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ คงต้องตั้งกรรมการสรรหาตามกฎหมายรัฐวิสหกิจต่อไป
นายรังสรรค์ กล่าวถึงแนวทางการจำหน่ายสลากราคา 80 บาทตามนโยบาย คสช.ว่า คงต้องมอบนโยบายให้ประธานบอร์ดและฝ่ายบริหารให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้ขายสลากฯตามกฎหมายที่ระบุไว้ในสลาก ด้วยการขอความร่วมมือกับผู้ค้ารายใหญ่ที่ทำสัญญารายปีในการรับซื้อสลากฯไปจำหน่ายในราคา 72-74 บาท ซึ่งยังมีกำไรถึง 6-8 บาท โดยจะเริ่มทำการทดลองขายในงวดออกรางวัล 16 ก.ค.นี้ และเริ่มคุมเข้มในเขตกรุงเพทฯและปริมณฑลก่อน หากไม่ทำตามทางสำนักงานสลากฯก็สามารถไม่ต่อสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้ได้ ส่วนของผู้ค้ารายย่อยที่ได้รับโควตาไปนั้นหากนำไปขายให้ยี่ปั๊วหรือรายใหญ่ที่รับซื้อเพื่อนำมาร่วมชุด ก็จะถูกยกเลิกต่อสัญญาในปีต่อไปในทันที
“เมื่อขอความร่วมมือแล้วก็คาดว่าจะได้รับความร่วมมือคงต้องรอดูผลการจำหน่ายสลากในงวดวันที่ 16 ก.ค.นี้ หากได้ผลสำเร็จอย่างไรก็จะขยายแนวทางไปยังต่างจังหวัดด้วย แต่หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะมีการบังคับใช้ตามกฎหมายและสัญญาการเป็นคู้ค้าสลากอย่างจริงจัง คนที่ขายเกินราคาก็ต้องรับผิดชอบโดยงวดหน้าน่าจะได้เห็ฯราคาปรับลดลงชัดเจน” นายรังสรรค์กล่าว
ด้านนายมนัส แจ่มเวลา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯได้ทำหนังสือแจ้งไปยังคลังจังหวัดทั่วประเทศให้มีความเข้มงวดในการดูแลผู้ค้ารายย่อยที่มารับโควตาจากคลังจังหวัดไปจำหน่ายต่อเพื่อให้ขายในราคาฉบับละ 80 บาทตามนโยบายของคสช. โดยให้เริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 16 ก.ค.นี้ ซึ่งผู้ค้ารายย่อยจะมีการเข้ามารับสลากตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.นี้จึงน่าจะดำเนินการได้ทันและจะเน้นไปที่อำเภอเมืองก่อนโดยจะขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้ใช้สถานที่คือศาลากลางจังหวัดเป้ฯที่จำหน่ายสลากเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและควบคุมราคาต่อไป
นายมนัสกล่าวอีกว่ากรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับจัดสรรโควตาสลากมาจากสำนักงานสลากประมาณงวดละ 3 หมื่นเล่ม และจะมีการจัดสรรไปให้คลังจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 150-300 เล่มขึ้นอยู่กับขนาดของจังหวัด และจะมีผู้ค้ารายย่อยที่เป็นยี่ปั๋วมารับสสากจากคลังจังหวัดจะได้ไปประมาณคนละ 5-10 เล่มจังหวัดหนึ่งจะมีผู้ค้าที่เป็นยี่ปั๊วมารับสลากโดยตรงประมาณ 20-30 รายเท่านั้นจึงมีไม่มากในการที่จะดูแลและขอความร่วมมือให้ขายตามราคา 80 บาท เพราะคลังจังหวัดขายให้ในราคาส่งฉบับละ 74 บาทจากที่รับมาจากสำนักงานสลาก 72 บาท หากไม่นำไปขายต่อหลายทอดก็น่าจะขายตามราคาได้
“กรมฯบัญชีกลางในฐานะที่เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับจัดสรรโควตาสลากทุกงวดก็พยายามเร่งแก้ไขปัญหาสลากขายเกินราคาอยู่เช่นเดียวกัน แต่ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือผู้ค้ารายย่อยที่รับสลากไปไม่ได้เดินขายเองแต่จะมีนายทุนมารับซื้อเหมาไปทั้งหมด ซึ่งผู้ค้าส่วนใหญ่ก็ไม่อยากจะเดินขายเองอยู่แล้วแถมยังได้กำไรแม้ว่าจะขายแค่ 80 บาท และสลากดังกล่าวก็จะถูกนำกลับมารวมเล่มหรือเวียนกลับมายังกรุงเทพฯที่เป็นตลาดใหญ่และขายในราคาแพงเป็นเลขรวมชุด ดังนั้นต่อไปนี้ผู้ค้ารายย่อยที่รับสลากไปต้องขายเองและขายในราคา 80 บาท หากไม่ทำตามก็จะยึดโควตาที่จัดสรรให้ไปคืน”นายมนัส กล่าว.