ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ผ่านมากว่า 1 เดือนเต็ม กับการบ้านการเมือง ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เข้ามาปัดกวาดเช็ดถูปัญหาภายในประเทศที่เรื้อรัง สะสมมานาน
เรียกว่า โจทย์เฉพาะหน้าที่ต้องเร่งเข้ามาสะสางสอบผ่านฉลุย แฟนคลับปรบมือกันเกรียวกราว แต่โจทย์ระยะยาวที่ฝังรากลึกอยู่ใต้ดิน ยังเป็นอะไรที่ต้องพิสูจน์กันด้วยเวลา
แต่ที่แน่ๆ คสช.ไม่มีเวลามาหลงใหลได้ปลื้มกับความสำเร็จชั่วครั้งชั่วคราวที่ได้มา เพราะต่างๆ นานาเหล่านั้น ล้วนเป็นมายาลวงตา มาแล้วก็ไป ไม่มีอะไรจีรัง โดยเฉพาะระยะเวลาหลังจากนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสิ้นโปรโมชั่น หมดเวลาฮันนีมูน มีแต่ของจริงล้วนๆ มาคอยวัดกึ๋นคสช. แล้วยิ่งเวลาผ่านไปนานเรื่อยๆ ปัญหายากๆ หินๆ จะแวะเวียนมาท้าพิสูจน์ระดับความสามารถ คสช. เสมือนคลื่นลูกใหญ่ที่พัดมาเป็นระลอก แล้วไม่ใช่แค่ปัญหาภายในประเทศเท่านั้นที่จะเข้ามาเกาะแกะกวนใจ แต่จะมีปัญหาใหญ่ๆ จากภายนอกประเทศพุ่งทะยานใส่ทำให้ผู้มีอำนาจปวดสมองได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่โดนปัจจัยภายนอกรุกเข้าขย่มใส่ จากพี่เบิ้มใหญ่ของโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา ที่เข้ามาตอดเล็กตอดน้อย จนทำเอาสถานการณ์บ้านเราต้องชักดิ้นชักงอ ตามแก้กันอุตลุด ไม่ว่าจะเป็นดาบแรกที่มะกัน เล่นสงครามจิตวิทยา สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศของตัวเองปล่อยของ ลดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทย จากเทียร์ 2 หล่นมาอยู่ เทียร์ 3 ซึ่งเป็นอันดับที่บัดซบที่สุด อันส่งผลให้ภาคส่งออกของไทยเต้นเป็นเจ้าเข้า
ขณะที่ คสช. เอง ก็ได้แต่พยายายใช้ยุทธวิธีทางการทูตชี้แจงนานาประเทศ พลางตอบโต้จากหนัก สลับเบา เพราะรู้อยู่แล้วว่า รายงานดังกล่าวไม่ธรรมดา
นอกจากการเร่งรัดออกมาแบบผิดหูผิดตา มันยังมีเรื่องการเมืองเข้ามาปะปนผสมโรงด้วย ซึ่งก็เป็นปฏิกิริยาที่คาดเดาได้อยู่แล้วจากพี่เบิ้ม ที่ต้องต่อต้านรัฐบาลทหาร เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามธรรมเนียมตะวันตกที่นิยมชมชอบแต่เปลือกนอก อย่างไรก็ต้องขยันหาเรื่องเล่นงาน คสช. แต่ก็ทำเอาคสช.หอบกินกันถ้วนหน้า ต้องเร่งสางปัญหาเพื่อกระชากอันดับไทยให้ดีขึ้นมา ทว่าความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็วิ่งเข้ามาแทรก
บรรดาพี่เบิ้มแห่งชาติตะวันตก ยังคงหาช่องเล่นงาน คสช. แบบไม่หยุดยั้ง ล่าสุดที่ประชุมสหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์ประณามให้รีบคืนอำนาจการปกครองนำไปสู่การเลือกตั้ง แถมยังระงับการเยือนอย่างเป็นทางการ พ่วงด้วยเลื่อนการลงนามข้อตกลงเพื่อความเป็นหุ้นส่วน และความร่วมมือกับประเทศไทย
ดอกนี้ของพี่เบิ้มถือเป็นการจงใจจัดดอกใหญ่เข้าใส่คสช.แบบเต็มเหนี่ยว ซึ่งจากท่าทีดังกล่าวทำให้ไทยได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เพราะส่งแรงสะเทือนในหลายด้าน ไม่ต่างจากการคว่ำบาตรดีๆ นี่เอง จัดเป็นงานยักษ์งานหินที่ คสช.ต้องสลัดให้ออกให้ได้
ต่อให้รู้อยู่เต็มอกก็เหอะ ว่า พลันที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง บรรดาพี่เบิ้มเหล่านี้จะต้องลมหวนกลับมาเออออห่อหมกกับเราเหมือนเดิม เหมือนที่เคยทำกันมาก่อนหน้านี้ แต่ก็เป็นอะไรที่ปล่อยเลยตามเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะอาจกลายเป็น “แผลติดเชื้อ” ลุกลามบานปลายในช่วงที่ไทยยังตั้งตัว ตั้งหลักไม่ได้
ขณะเดียวกัน ต้องรีบปลดชนักเหล่านี้ให้ได้เร็วที่สุด จะมัวจุกนานไม่ได้ เพราะจับปฏิกิริยาสองหมัดติดๆกันแล้ว ย่อมเห็นว่า หมัดที่สาม หมัดที่สี่ และหมัดที่ห้า จะทยอยมากันเรื่อยๆ ในห้วงระยะเวลาที่ คสช. ยังอยู่ผงาดอยู่บนคานอำนาจ ยิ่งนานยิ่งโดนเยอะ ยิ่งกางดูปฏิทินอายุ คสช. ตามโรดแมปแล้ว
เชื่อขนมกินได้เลย มีอีกเป็นพะเนินเทินทุ่ง เหล่าพี่เบิ้มจะคอยกระทุ้งคอยกระแทก ไม่ให้อยู่แบบสงบนิ่ง
ต่างจากสมัยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่มาเร็ว เคลมเร็ว รัฐประหารเสร็จ ก็รีบคลายอำนาจออกจากปาก รีบตั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ไม่นั่งแช่อยู่นาน เพราะรู้ทันว่าชาติตะวันตกจ้องตาเขม็ง ที่จะสวดชยันโต เลยไม่ค่อยน่วมเท่าไหร่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อเลือกจะลากยาวกันเป็นปี ก็ต้องพร้อมรับวิบากกรรมที่ต้องเจอ ต้องรู้วิธีบริหารจัดการปัญหา ไม่ใช่เจอครั้งเต้นครั้ง ปัญหาใหม่มาแล้ววุ่นเป็นลิงแก้แห เริ่มตั้งแต่ภูมิต้านทานในประเทศ ที่ต้องทำให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ ไม่ให้อ่อนไหวตื่นตูม
โดยจะต้องมีมาตการรองรับไว้แต่เนิ่นๆ อย่างน้อยๆ ช่วงหลังจากนี้ คสช. จะต้องสร้างความชัดเจนให้นานาประเทศได้เห็นถึงวิวัฒนาการตั้งแต่เข้ามาควบคุมอำนาจการบริหารประเทศว่าแตกต่าง หรือมีสิ่งที่ดีขึ้นอย่างไร กว่าตอนที่มีรัฐบาลปกติ
โดยเฉพาะคสช. ต้องลบภาพเผด็จการทหารถือปืน แล้วต้องฉายให้เห็นว่า แม้จะเป็นทหาร แต่ก็ไม่ได้มีการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ปิดหูปิดตาประชาชน อันเป็นจุดอ่อนที่จะให้ภายนอกเข้ามาแทรกซึมประเทศได้ ต้องให้ทุกอย่างดูปกติ
ส่วนการบริหารบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นมิติด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต้องมีพัฒนาการเจริญเติบโต ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ทุกส่วนทุกด้านของประเทศได้รับการทนุบำรุงรักษาแก้ไข หลักใหญ่ใจความต้องเน้นให้เห็นว่า รัฐบาลทหารที่เข้ามา มีผลงาน และฝีมือมากกว่ารัฐบาลปกติที่เข้ามาฉ้อราษฎร์ บังหลวง
คสช.ต้องปล่อยของออกมาโชว์อย่างต่อเนื่อง ลำพังเฉพาะโรดแมป 3 ระยะ ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ แม้จะมีไทม์มิ่งว่า จะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูป รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีกันเดือนไหน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเอามาอวดอ้างให้นานาชาติ โดยเฉพาะพี่เบิ้มจอมแทรกแซงสงบปากสงบคำลงได้เลย
หากแต่ คสช.ต้องมีผลงานเชิงประจักษ์ เพื่อเอาไปฟาดหน้ามหาอำนาจพวกนี้
การบ้านของคสช. ต่อจากนี้ มากมายก่ายกองเหลือเกิน นอกจากต้องจัดระเบียบในประเทศ แล้วยังต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศ ทั้งการทำให้บรรยากาศภายในเมืองปกติที่สุด มีผลงานระดับห้าดาว ที่สังคมไทยไม่เคยได้จากรัฐบาลปกติ รวมทั้งการซื้อใจประชาชนให้หันมาสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ แบบพร้อมเพรียง ถ้าทุกคนในชาติเห็นพ้องต้องกันแบบสมัครใจ ก็ยากนักที่แรงเสียดทานจากภายนอกจะเขย่าประเทศไทยได้เลย
งานนี้แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากแบบเหนือบ่ากว่าแรงสำหรับคสช. ที่มีกลไก เครื่องไม้เครื่องมือ ตลอดจนบุคลากรที่มีความสามารถมากมาย เพื่อหามาตรการรับมือยุทธการโลกล้อมไทย ซึ่งจำเป็นจริงๆ ที่คสช. ต้องหาทางล้อมคอกกันไว้ อย่าคิดแค่เพียงว่า วันหนึ่งเมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามา อภิมหาอำนาจพวกนี้ก็ซมซานมากลับมา
ของแบบนี้ อะไรๆ มันก็ไม่แน่หรอก