สอดแนมการเมือง
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
“ไม่กล้า ก็ไม่มีวันเดินหน้า” Nothing Ventured, Nothing Gained. (วิลเลียม เช็คสเปียร์)
ผมเป็นหนึ่งในคนที่เชื่อว่า ถ้าทหารไม่ออกมาแก้ปัญหาบ้านเมือง ศึกเหลี่ยมกับเทือกที่บานปลายมากว่า 6 เดือน จะต้องยืดเยื้อต่อไปอีกนาน
เพราะรัฐบาลขี้โกงหุ่นเชิดเหลี่ยมนั้น-ด้านสุดๆ แม้อยู่ในสภาพจะล้มมิล้มแหล่แล้ว แต่วิธีการต่อสู้ของท่านผู้นำ”เทือก” ไม่มีวันจะพิชิตรัฐบาลของหลี่ยมได้แบบเด็ดขาด ซึ่งจะทำให้ผู้คนที่เดินตามท่านผู้นำเทือก จะต้องถูกขี้ข้าเหลี่ยมฆ่าตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
รัฐบาล”ปู”เครือข่ายเหลี่ยม ด้อยทั้งปัญญาและความสามารถ จึงบริหารชาติล้มเหลวแทบทุกมิติ อีกทั้งยังผลาญและโกงเงินชาติ ในโครงการประชานิยมต่างๆอย่างมหาศาล แถมขี้ข้าเหลี่ยมก็ยังปฏิบัติการ”ล้มเจ้า”ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะให้ร้ายป้ายสี”ในหลวง-พระราชินี” ผ่านสื่อทั้งในและนอกประเทศอีกด้วย
ทำให้ประชาชนต้องออกมาขับไล่ รัฐบาลชั่วมืดฟ้ามัวดินเกือบ 10 ล้านคน ถือเป็นการชุมนุมทางการเมืองอย่างสันติ ของผู้คนมากที่สุดในโลกเลยหล่ะ
เมื่อท่านผู้นำเทือกไม่สามารถ”สอยมะม่วงสุก” ซึ่งห้อยต่องแต่งจวนหล่นมิหล่นแหล่ได้ ”ตู่เขียว”จึงยกกองทัพออกมา”สอยมะม่วงสุก”ลูกนั้นแทน เรื่องของ”มะม่วงสุกจวนเน่าคาต้น” เลยจบลงด้วยการรัฐประหารโดยทหาร-ประชาชนตาม แทนที่จะเป็นการปฏิวัติ โดยมวลมหาประชาชนเกือบ 10 ล้านคน-ทหารตาม
อย่างไรก็ตาม..รัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้ตัดตอนอำนาจรัฐบาลของเหลี่ยมลงได้ซึ่งเป็นการลงทุนของชาติและประชาชน ที่แพงลิบลิ่วอีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน
ชาติกับประชาชนคนไทย เลยจำต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ การรัฐประหารครั้งนี้ไปโดยปริยาย งานนี้..กองทัพกับประชาชนจึงต้องช่วยกัน ทำให้การรัฐประหารหนนี้คุ้มค่าให้มากที่สุด
เพราะบทเรียนจาก”บิ๊กบัง”ทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้น ไม่คุ้มค่าเท่าที่ควรหรือได้ไม่คุ้มเสียนั่นเอง
การยึดอำนาจรัฐคืนจากรัฐบาลของเหลี่ยมครั้งล่าสุด มีนายทหารใหญ่บางคนที่เคยร่วม ทำรัฐประหารล้มรัฐบาลเหลี่ยมในปี 2549 อยู่ด้วย
รวมทั้ง”หล่อมาร์ค”ได้ขึ้นเป็นนายกฯ แทนนายกฯ”ชายกระโปรง”น้องเขยเหลี่ยม ก็ลือกันว่า..เป็นฝีมือ”พลิกขั้ว”ของนายทหารใหญ่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวพันกับการรัฐประหารครั้งนี้เช่นกัน
บทเรียนผิดพลาดในอดีต เป็น“ครูชั้นเยี่ยม”ของมนุษย์ในอนาคต เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนเคยทำความผิดพลาด ไม่มากก็น้อยมาแล้วทั้งสิ้น!
รัฐประหารในปี 2549 ที่นำโดย”บิ๊กบัง”นั้น ผลลัพภ์ปรากฏอย่างชัดแจ้งแล้วว่า ไม่ก่อประโยชน์ให้ชาติกับประชาชนมากเท่าที่ควร โดยทำได้เพียงแค่ตัดตอนอำนาจ รัฐบาลของเหลี่ยมชั่วคราวเท่านั้น
เนื่องจากไม่ได้ปราบการคอร์รัปชั่น และทำลายขบวนการล้มเจ้าอย่างจริงจัง เพราะ”คณะรัฐประหารรุ่นคมช.”กับรัฐบาลยุคนั้น “หลงทาง”ไปเล่นบท”สมานฉันท์”กับเหลี่ยม แทนที่จะถอนรากถอนโคนระบอบ เผด็จการทุนสามานย์เหลี่ยม ที่เป็นต้นเหตุทำร้ายชาติบ้านเมือง
ครปห.รุ่นคมช.กับรัฐบาลยุคนั้น จึงไม่ได้ทำให้คนชั่วอย่างเหลี่ยมและขี้ข้า รับรู้-รับผิด-รับโทษกับการกระทำความผิดที่ผ่านมา ทั้งการซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามายึดอำนาจรัฐ การใช้อำนาจรัฐโกงชาติบ้านเมืองการสนับสนุนขบวนการล้มเจ้า ฯลฯ อันเป็นการทำลายความมั่นคง ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนแม้แต่น้อย
ที่สำคัญที่สุดคือ..ครปห.รุ่นคมช.กับรัฐบาลยุคนั้น ไม่ได้ทำการปฏิรูปชาติไทยในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะไม่ได้ขจัดการใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเหลี่ยมใช้เป็นช่องทางเดียว ในการเข้ามายึดอำนาจรัฐไทย
การที่ครปห.รุ่นคมช.และรัฐบาลยุคนั้น จะให้คนชั่วหรือมหาโจรการเมือง ที่ยังไม่ตัวกลับใจจากการทำชั่ว ให้มาสมานฉันท์กับคนดีส่วนใหญ่ในชาติ จึงเป็นการ”ฝันกลางแดด”ของครปห.รุ่นคมช.และรัฐบาลยุคนั้น ที่ไม่มีวันจะเป็นจริงได้อย่างเด็ดขาดในชาตินี้
แถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้เหลี่ยมกับพวก ซ่องสุมกำลังทรัพย์กับกำลังพล เตรียมแผนชั่วร้ายในการกลับมายึดอำนาจรัฐ ผ่านการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้อย่างสบายใจเฉิบอีกด้วย
การทำรัฐประหารครั้งนั้นของ”บิ๊กบัง” จึง”ไร้ยุทธศาสตร์สร้างชาติ”และ”ไร้ยุทธวิธีกำจัดต้นเหตุปัญหา”อันแท้จริง ที่ทำลายชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน นั่นคือ ไม่มีปฏิบัติการถอนรากถอนโคน เครือข่ายของเผด็จการทุนสามานย์เหลี่ยมนั่นเอง
ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขจัดการใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง แต่ครปห.รุ่นคมช.กับรัฐบาลยุคนั้น กลับเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ อันเป็นการเตะลูกเข้า”ทางตีน”คนชั่วอย่างจัง ทำให้นักธุรกิจการเมืองเหลี่ยม ที่มีเงินสกปรกมากมายมหาศาล และเชี่ยวชาญในการใช้เงินซื้อเสียง ชนะอย่างท่วมท้นในสนามเลือกตั้ง
ความเลวร้ายทางการเมืองจึงยิ่งบานปลาย โดยรัฐบาลของเหลี่ยมยังคงโกงชาติอย่างโจ๋งครึ่ม จนถูกพันธมิตรฯชุมนุมขับไล่อย่างต่อเนื่องอีกครา สุดท้าย..ก็ถูกนายทหารกับนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง ฉวยโอกาส“พลิกขั้ว”ทางการเมือง ให้”หล่อมาร์ค”เป็นนายกฯ แทนนายกฯ”ชายกระโปรง”ของเหลี่ยม
แต่รัฐบาล”หล่อมาร์ค”ก็มิได้ขจัดระบอบ เผด็จการทุนสามานย์เหลี่ยมเช่นกัน แถมยังทำตัวเป็น”พระเอก”ที่เอาแต่ได้ โดยให้รองนายกฯเทือกออกมาพูด ส่งเดชตรงข้ามกับความเป็นจริงว่า พันธมิตรฯที่เสี่ยงชีวิตต่อสู้ปกป้อง ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์มาตลอด กับพวกอันธพาลเสื้อแดงของเหลี่ยม เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติเหมือนกัน
หลังจากนั้นพันธมิตรฯนับร้อย ก็โดนยัดข้อหาเกินจริง ให้เป็น”ผู้ก่อการร้ายสากล” แถมแกนนำพันธมิตรฯ”สนธิลิ้ม” ยังโดนชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ใช้อาวุธสงครามนานาชนิด รุมยิงกว่า 200 นัดกลางกรุงอีกด้วย
แม้ตำรวจจะออกหมายจับมือสังหารบางคน แต่รัฐบาล”หล่อมาร์ค”กลับ”เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” ทำให้”จอมบงการ”และมือสังหาร”สนธิลิ้ม” ยังลอยนวลอยู่ในสังคมไทยได้จนบัดนี้
การบริหารชาติที่เหยาะแหยะของ”หล่อมาร์ค” ทำให้เหลี่ยมกับอันธพาลเสื้อแดง เหิมเกริมจนถึงขั้นก่อการจลาจล และก่อการร้ายได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา เช่น
บุกล้มการประชุมอาเซี่ยนบวก 6 ที่พัทยา จนผู้นำชาติต่างๆต้องหนีหัวซุกหัวซุน ตามไล่ล่าเข่นฆ่านายกฯ”มาร์ค”ถึง 2 หน และทุบตีเลขาฯนายกฯจนซี่โครงหัก คารถในกระทรวงมหาดไทย ลงท้าย..ยังเผาบ้านเผาเมือง-ฆ่าทหาร-ฆ่าประชาชนอย่างป่าเถื่อนอีกด้วย ฯลฯ
ยังโชคดีที่ทหารหาญของชาติ ได้นำความสงบกลับคืนสู่ชาติได้ทั้ง 2 ครั้ง 2 ครา คนไทยส่วนใหญ่จึงถือว่า ทหารหาญที่เสียสละเหล่านั้น ล้วนเป็นวีรชนและวีรบุรุษของชาติไทย!
แม้ชาติจะโดนทำร้ายทำลายมากมายขนาดนั้น รัฐบาล”หล่อมาร์ค”ก็ยังใช้วิธีการสมานฉันท์ กับมหาโจรเหลี่ยมและอันธพาลเสื้อแดง ทั้งๆที่ครปห.”บิ๊กบัง”ทำล้มเหลวให้เห็นมาแล้วในอดีต
”หล่อมาร์ค”ไม่มีการปฏิรูปประเทศไทยในทุกมิติ ไม่ได้ขจัดการใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง ฯลฯ แต่กลับเร่งให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ เหลี่ยมจึงกลับมายึดอำนาจรัฐได้อีกหน จนเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงทางการเมืองขึ้นในชาติไทยไงล่ะ
นั่นคือ ผลของการไม่ขจัดต้นเหตุปัญหาของชาติ หรือผลของการไม่ถอนรากถอนโคน ระบอบเผด็จการทุนสามานย์เหลี่ยมอันชั่วร้าย ให้มลายหายไปจากประเทศไทย เพราะครปห.รุ่นคมช.และรัฐบาล”หล่อมาร์ค” ดัน”หลงทาง”ไปแสดงบทพระเอก ในหนังห่วยๆเรื่อง”สมานฉันท์กันเถอะนะเหลี่ยมจ๋า”นั่นเอง
มหาโจรการเมืองเหลี่ยมโลภโดยสันดาน-แก้ไขไม่ได้ เพราะมิใช่องคุลีมานที่ถูกหลอกให้เป็นโจร จึงกลับใจมาบวชจนบรรลุธรรมนะจ๊ะ..จริงไหม?
ไหนๆก็ทำรัฐประหารกันไปแล้ว รัฐประหารรุ่นคสช.จึงต้องทำผลงาน ให้คุ้มค่ากับต้นทุนที่เสียไปให้ได้สถานเดียว
ส่วนจะทำผลงานคุ้มค่าให้ชาติและประชาชนหรือไม่? คำตอบอยู่ที่”ระยะทางพิสูจน์-ม้า กาลเวลา(ผลงาน)พิสูจน์-คน”ครับ!!!