xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้คสช.ช่วยลดโกง จ่ายใต้โต๊ะหายวับแสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี หลัง คสช. เข้ามาบริหารประเทศ แก้ปัญหาทุจริตจริงจัง ทำให้คนไม่กล้าโกง ไม่กล้าเรียกใต้โต๊ะ เผยเปอร์เซ็นต์ที่ต้องจ่ายลดจาก 25-35% เหลือ 15-25% เงินโกงลดทันที 1 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.5-0.7% เสนอ คสช. เดินหน้าปราบปรามทุจริตต่อเนื่อง พร้อมขอให้คดีทุจริตเป็นคดีเร่งด่วน ที่ต้องหาคนผิดมาลงโทษ

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,400 ตัวอย่าง ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยโดยรวมอยู่ที่ 46 คะแนน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ในระดับปานกลาง เพิ่มขึ้นจาก 39 คะแนน ที่เป็นสถานการณ์อยู่ในระดับรุนแรง ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือนธ.ค.2556 ถือเป็นค่าดัชนีสูงสุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2553 ที่เริ่มมีการสำรวจ

“การสำรวจครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศแล้ว ผลจากการที่ทหารจริงจังในแก้ปัญหาทุจริต ทำให้คนที่จ้องจะทุจริตไม่กล้า ส่งผลให้ค่าดัชนีปรับสูงขึ้น ไม่ใช่เพราะมหาวิทยาลัยต้องการเอาใจ คสช. จึงเมคตัวเลขให้สูงขึ้น”นางเสาวณีย์กล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่าหากทหารยังคงบริหารประเทศต่อไป คนที่จ้องจะทุจริต หรือเรียกรับเงินใต้โต๊ะ จะเกิดความเกรงกลัว เพราะทหารเอาจริงในการปราบปราม ทำให้ดัชนีคอร์รัปชั่นไทยในการสำรวจครั้งหน้าที่จะแถลงในเดือนธ.ค.2557 จะดีขึ้น แต่หากทหารบริหารประเทศในระยะเวลาหนึ่ง แล้วทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าการคอร์รัปชั่นจะกลับมา
ก็อาจทำให้ดัชนีคอร์รัปชั่นในเดือนธ.ค.2557 แย่ลงก็ได้

นางเสาวณีย์กล่าวว่า ความเสียหายของการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ประเมินจากงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยราชการ พบว่า ผู้ตอบส่วนใหญ่ 48.4% ระบุว่า ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้แก่ข้าราชการ นักการเมือง ที่ทุจริตระหว่าง 15-25% ของงบประมาณ เพื่อให้ได้งาน ผู้ตอบอีก 25.9% ระบุต้องจ่ายมากกว่า 25% และ 7.4% ระบุจ่ายที่ 11-15% 3.7% ระบุจ่ายที่ 6-10% และอีก 0.1% ระบุจ่ายเพียง 1-5% ซึ่งต่างจากการสำรวจในปี 2553-56 ที่ผู้ตอบส่วนใหญ่ระบุว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสูงถึง 25-35% ของงบประมาณ

“ถ้าประเมินจากเงินงบประมาณรายจ่าย งบลงทุนในปี 2557 ที่ 1 ล้านล้านบาท หากมีการจ่ายใต้โต๊ะ 15-25% ก็จะเป็นเม็ดเงินที่ต้องจ่าย 1.5-2.5 แสนล้านบาท แต่ผลจากการที่การเรียกเงินใต้โต๊ะลดลงจาก 25-35% ลงเหลือ 15-25% ทำให้การคอร์รัปชั่นลดลงถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการรณรงค์ของหน่วยงานรัฐ เอกชน และการเอาจริงของ คสช.”นางเสาวณีย์กล่าว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีครั้งนี้สูงสุดในรอบ 5 ปี เพราะทุกภาคส่วนมีความรู้สึกว่าทหารปราบปรามคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ทำให้คนที่คิดจะคอร์รัปชั่นไม่กล้า และเรียกรับเงินใต้โต๊ะลดลง โดยเงินคอร์รัปชันที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายลดลงเหลือเพียง 15-25% เท่ากับเงินในการคอร์รัปชันลดลงถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ถึง 0.5-0.7% ดังนั้น คสช. น่าจะใช้โอกาสนี้ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นต่อไป

“การสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์ในประเทศไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ที่โครงการลงทุนใหญ่ๆ ของภาครัฐยังไม่เกิด ยังไม่มีการใช้งบประมาณ ประกอบกับ คสช. เอาจริงในการแก้ปัญหา ทำให้การคอร์รัปชั่นลดลง และเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะลดลง แต่ในอนาคต ไม่แน่ว่าจะดีต่อเนื่องแบบนี้หรือไม่ แต่อยากให้ คสช. ใช้โอกาสนี้ แก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้อันดับการคอร์รัปชั่นของไทยดีขึ้น จากปี 2556 ไทยอยู่ที่ 102 ของโลก จาก 177 ประเทศ และอันดับที่ 16 ของอาเซียน จาก 28 ประเทศ”นายธนวรรธน์กล่าว

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ได้เห็นการพัฒนาในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นดีขึ้น ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากขึ้น แต่ถ้าจะทำให้ปัญหานี้หมดไป จะต้องมีผู้นำประเทศที่มีความมุ่งมั่นในการปราบปรามคอร์รัปชั่นเหมือนกับฮ่องกง สิงคโปร์ หรือเกาหลีใต้ ส่วนไทยยังไม่เคยมีผู้นำเช่นนี้เลย จนกระทั่งวันที่ 22 พ.ค.2557 ซึ่งหาก คสช. มุ่งมั่นปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น แม้ทำให้ปัญหาลดลงได้ 50% ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

”การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นของไทยยังไม่จริงจัง ไม่มีการบังคับใช้กฎหมาอย่างเข้มงวด อีกทั้งระยะเวลาในการดำเนินคดีกับคนทุจริตยาวนานเกินไป จึงควรใช้โอกาสนี้ ปรับปรุงวิธีการทำงานปราบปราม โดยเฉพาะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง คดีที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นให้เป็นคดี fast track ที่ต้องเร่งดำเนินการก่อน เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ”นายวิชัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น