xs
xsm
sm
md
lg

คสช.โชว์1เดือนผลงานเพียบ ล่า"จารุพงศ์-เจ๊เพ็ญ" "บิ๊กจิน"เผยยังไม่ชัด"แม้ว"สั่งการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-คสช.แจง 1 เดือน มีผลงานเพียบ ปลดหนี้ชาวนา จับอาวุธสงคราม ตรวจสอบโครงการใหญ่ จับตัดไม้ ยาเสพติด การพนัน จัดระเบียบแท็กซี่ รถตู้ วินมอเตอร์ไซต์ คาดเซ็นงบประมาณปี 58 วันที่ 29 ก.ค.นี้ วงเงิน 2.575 ล้านล้าน พร้อมขอสหรัฐฯ ทบทวนย้ายฝึกคอบร้าโกลด์ ชี้กระทบเยอะ ผิดหวังอียูชะลอร่วมมือเศรษฐกิจโดยไม่ฟังข้อเท็จจริง ฝากนานาชาติช่วยจัดการ "จารุพงศ์-เจ๊เพ็ญ" อย่าปล่อยให้ป่วนไทย "ประจิน"เผยยังไม่ชัดเสรีไทย "แม้ว" มีเอี่ยวหรือไม่

ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศที่ประจำประเทศไทย จำนวน 22 ประเทศ เข้ารับฟังการชี้แจงการเข้ามาควบคุมสถานการณ์และแนวทางบริหารประเทศของ คสช. เป็นครั้งที่ 2 โดยมีผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศที่ประจำประเทศไทย เดินทางมาร่วม 15 ประเทศ ส่วนประเทศที่ไม่ได้เดินทางมาร่วม มี 7 ประเทศ ประกอบด้วย แคนนาดา สวีเดน จีน อินเดีย เกาหลี ปากีสถาน รัสเซีย

พ.อ.วีรชนกล่าวว่า สิ่งที่ได้ชี้แจง คือ ผลงาน 1 เดือนของ คสช. ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีการจับกุมอาวุธและบุคคลที่ร่วมขบวนการขอนแกนโมเดลได้ โดยกลุ่มคนดังกล่าวมีแผนที่จะก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน และยังได้ชี้แจงถึงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่ได้จ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวไปแล้วกว่า 92,000 ล้านบาท รวมถึงการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถตู้ แท็กซี่ และวินมอเตอร์รับจ้าง

"ดูจากภาพรวม เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจ โดยทางผู้ช่วยทูตแต่ละประเทศได้ระบุว่าให้ใช้ช่องทางทหารในการสื่อสารชี้แจงข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจ โดยทางผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ จะนำข้อมูลที่ได้รับทราบไปชี้แจงให้กับรัฐบาล และกองทัพของแต่ละประเทศได้รับทราบเช่นกัน ซึ่งเราได้สัมผัสถึงความตั้งใจ และความจริงใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบรรยายกาศทางทหารแตกต่างจากฝ่ายการเมือง"

ทั้งนี้ คสช. ยังได้ฝากบอกไปยังผู้ช่วยทูตทหารในแต่ละประเทศว่าหากมีอะไรสงสัยก็ให้สอบถามได้ โดยผ่านช่องทางนี้ ซึ่งอยากแสดงให้เขาเห็นถึงความจริงใจ เปิดเผยในทุกเรื่อง และพร้อมตอบคำถามในเรื่องที่สงสัย

***ฝากผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯ ช่วยไปชี้แจง

พ.อ.วีรชน กล่าวอีกว่า หลังจากการชี้แจง ผู้ช่วยทูตทหารก็เชื่อในสิ่งที่เราได้อธิบายไป โดยเฉพาะปัจจัยที่ทำให้คนไทยเกิดความสุข ซึ่งได้ขอโอกาสให้ คสช. ได้ทำงาน สิ่งที่ผู้ช่วยทูตทหารยังไม่เข้าใจและกังวลใจ คือ ความชัดเจนในอนาคตข้างหน้าว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปชี้แจงให้กับรัฐบาล และกองทัพของเขาได้รับทราบ เพราะที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า รัฐบาลในต่างประเทศมีปัญหากับประเทศไทยในเรื่องของแผนงานของ คสช. ที่เขายังไม่เข้าใจ

ส่วนกรณีการถูกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปรับลดอันดับการค้ามนุษย์ของประเทศไทยประจำปี 2557 จากระดับ 2 ลงมาต่ำสุดที่อันดับ 3 ได้บอกไปทางผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯ ว่า ไทยไมได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ เพียงแต่รายงานของสหรัฐฯ เป็นการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนเม.ย.2556 ถึงเม.ย.2557 ซึ่งเราพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และได้ขอให้ทางสหรัฐฯ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ คสช.ได้มีนโยบายต่างๆ ออกไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาต่อไป

"อยากให้เปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และปัจจุบัน เพื่อที่จะให้ทางสหรัฐฯ ไปพิจารณาปรับลดหรือเพิ่มอันดับใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้จะบีบคั้นเอาคำตอบจากผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯ เพราะเขาคงไม่สามารถให้คำตอบกับเราได้ เพียงแต่อยากจะให้นำความรู้สึก ความห่วงใยไปชี้แจงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับทราบและออกแถลงการณ์ใหม่อีกครั้ง"

***ยันผิดหวังท่าทีอียูที่ไม่ดูข้อเท็จจริง

พ.อ.วีรชน กล่าวว่า สำหรับกรณีกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู ) ออกแถลงการณ์ประณามการรัฐประหาร และเรียกร้องให้กองทัพ ไทยคืนอำนาจการปกครอง โดยการจัดการเลือกตั้งให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมถึงการเดินหน้าสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของ คสช. ซึ่งเรารู้สึกผิดหวังกับท่าทีของอียู ซึ่งในวันนี้ ก็มีผู้ช่วยทูตในกลุ่มประเทศอียู มาร่วมรับฟังการชี้แจง เราก็บอกให้เขาช่วยส่งผ่าน และทำความเข้าใจถึงบรรยากาศภายในประเทศไทยให้กลุ่มประเทศสมาชิกกลุ่มประเทศอียูให้ได้รับทราบ เพราะเรามองว่า การแสดงท่าทีดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความไม่เข้าใจในสถานการณ์ภายในประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลว่ามีทหารออกมาดำเนินการยึดอำนาจเท่านั้น ก่อนที่จะประกาศลดความสัมพันธ์ โดยไม่ได้ศึกษาถึงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีพัฒนาการเป็นอย่างไร

**ห่วงมะกันย้ายที่ฝึกคอบร้าโกลด์

พ.อ.วีรชนกล่าวว่า กรณีที่สหรัฐฯ ชะลองบช่วยเหลือด้านการทหาร 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะย้ายการฝึกคอบร้าโกลด์ ไปประเทศอื่นนั้น ถือเป็นประเด็นและข้อห่วงใยที่เราได้รับทราบข้อมูลมา จึงอยากจะให้ทางสหรัฐฯ ได้พิจารณากรณีดังกล่าวใหม่ เพราะเรายังยืนยันถึงข้อตกลงกับต่างประเทศที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ว่ายังคงเป็นไปตามนั้น ซึ่งเราชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์การเมืองเป็นเรื่องชั่วคราว และเป็นปัญหาส่วนหนึ่งที่อยู่ภายใน แต่เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องถาวรและยั่งยืนที่จะต้องแก้ไข และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฉพาะประเทศไทยเพียงประเทศเดียว แต่มันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งอยากให้ทางสหรัฐฯ แยกแยะ เรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ส่วนเรื่องความมั่นคง ก็จะต้องว่ากันไปตามรายละเอียด เรื่องดังกล่าวมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ไม่ใช่ผลประโยชน์กับไทยเท่านั้น แต่ยังมีผลประโยชน์กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง

"ได้ประเมินผลการชี้แจงในวันนี้ รู้สึกพอใจ 85-90% ส่วนอีก 10% เป็นเรื่องของการรู้หน้าและไม่รู้ใจ เพราะเราประเมินไม่ได้ว่าเขาคิดเห็นกันอย่างไร แต่จากการสังเกตสีหน้าและคำพูดของผู้ช่วยทูตทหารของประเทศต่างๆ เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีการให้คำแนะนำ รวมถึงการมีส่วนร่วม และแสดงความเป็นห่วง ทั้งนี้ ทางผู้ช่วยทูตทหารก็พอใจ และบอกให้ทาง คสช. ให้ชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทยสัปดาห์ละครั้ง เพราะถือเป็นช่องทางที่มีประโยชน์สำหรับประเทศไทย และประเทศต่างๆ"

อย่างไรก็ตาม ทางหัวหน้า คสช. ได้เน้นย้ำว่า ให้ชี้แจงและสร้างความมั่นใจต่อการทำงานของคสช. รวมทั้งให้รอผลงานที่ออกมาเป็นรูปธรรมชัดเจนว่า คสช.ได้พัฒนาประเทศไปในทางบวก ซึ่งทางผู้ช่วยทูตทหารเขาก็อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว เขาก็ต้องทราบและเห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทย

** ขอช่วยจัดการ"จารุพงศ์-จักรภพ"

พ.อ.วีรชนกล่าวอีกว่า ได้มีโอกาสพบกับผู้ช่วยทูตทหารของกัมพูชา ซึ่งได้ชี้แจงนโยบายเรื่องแรงงานต่างด้าว ซึ่งถือเป็นความห่วงใยของหัวหน้า คสช. โดยที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน ซึ่งทางผู้ช่วยทูตกัมพูชาก็เข้าใจ และให้ความร่วมมือที่จะนำแรงงานเหล่านั้นกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนกรณีการเคลื่อนไหวของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ได้ใช้ต่างประเทศเป็นฐานโจมตีการทำงานของ คสช. นั้น ไม่ได้ขอร้องโดยตรง เพียงแต่ชี้แจงให้เห็นว่า สถานภาพของทั้ง 2 คนนั้น มีการทำผิดกฎหมายไทย และมีหมายจับ ขอให้ดูว่า ใครควรให้ความช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ไม่ต้องคิดถึง คสช. หรือทหาร แต่ขอให้นึกถึงคนไทยทั้งประเทศว่าระหว่างคุณค่าของ 2 คนนี้กับคนไทยทั้งประเทศ อยากให้พิจารณาว่าจะให้ความสำคัญกับคนกลุ่มไหนมากกว่ากัน ใครที่สำคัญที่สุด ซึ่งทราบมาว่าในส่วนของนายจักรภพจะเดินทางไปปราศรัยที่ฮ่องกง แต่เบื้องต้นได้เปลี่ยนแปลงให้นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมไปขึ้นเวทีแทน ส่วนของนายจารุพงศ์ ไม่แน่ชัดว่าอยู่ประเทศไหน

"หัวหน้า คสช. ได้มีนโยบายในการดำเนินการกับบุคคลดังกล่าวนี้ โดยการขอความร่วมมือจากต่างประเทศ โดยใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการต่างประเทศ ในการประสานงานเพื่อขอความร่วมมือ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ช่วยฑูตทหารสหรัฐฯ ยังได้สอบถามสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนโยบายการแก้ไขปัญหา โดยมีผู้ช่วยฑูตทหารสิงคโปร์ สอบถามข่าวเรื่องสหรัฐฯ จะย้ายการฝึกไปที่ ออสเตรเลีย ซึ่งสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบแต่อย่างใด

*** ยันไทยมีพันธมิตรร่วมฝึกรบอยู่แล้ว

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.ในฐานะรองหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณี สหรัฐฯ ชะลอการช่วยเหลือ และย้ายสถานที่ฝึกคอบร้าโกลด์จากประเทศไทยไปประเทศอื่นว่า ทางฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้า คสช. รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคงและต่างประเทศ เป็นผู้ดูแลอยู่ คงจะมีผลในเร็ววันนี้ ซึ่งตนไม่ได้ติดตามในเรื่องดังกล่าว แต่ต้องดูว่าการฝึกคอบร้าโกลด์เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าภาพที่อยู่ในท้องที่ หรือฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าผลประโยชน์ร่วมกันน่าจะได้คำนึงถึงเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการที่จะโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น และจะไม่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน เพราะเรามีผลประโยชน์ร่วมกันมายาวนาน ซึ่งน่าจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย

เมื่อถามว่า หากมีการย้ายไปฝึกคอบร้าโกลด์ จะส่งผลกระทบต่อกองทัพไทยหรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพอากาศ มีการฝึกกับมิตรประเทศอยู่แล้ว ทั้งประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

***เดินหน้าสร้างความเข้าใจต่างชาติ

เมื่อถามว่า แรงกดดันจากต่างประเทศมีผลต่อการบริหารงานของ คสช. หรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เราพยายามทำความเข้าใจว่า คสช. กำลังทำอะไรอยู่ หลังจากที่เราเห็นปัญหาและมาแก้ไขเพื่อให้ประชาชนอยู่ในบรรยากาศที่มีความสุข สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการการออกธรรมนูญการปกครอง มี ครม. ตามลำดับ จนสุดท้ายมีการปฏิรูป เพื่อหาหนทางที่ดีที่สุดให้กับประเทศ เมื่อมีการกำหนดกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญออกมาใหม่ ก็จะเป็นการเลือกตั้งที่สมบูรณ์ ฉะนั้นเชื่อว่าในส่วนของต่างประเทศจะเริ่มเข้าใจมากขึ้น และจะมีทิศทางเป็นบวก

เมื่อถามว่า การรัฐประหารปี 2549 มีปัญหากับทางประเทศสหรัฐฯ หรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในช่วงนั้นทางประเทศสหรัฐฯ ก็มีการกดดันเช่นเดียวกัน แต่หลังจากนั้น เมื่อมีการทำความเข้าใจกันจนมีทิศทางที่ดีขึ้นในปี 2550 จากนั้นสถานการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งเราก็เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น และไม่กังวลว่าจะมีแรงกดดันการทำงานจากต่างประเทศ เพราะจะพยายามทำให้ดีที่สุด

***"แม้ว"เอี่ยวหรือไม่ยังไม่ชัดเจน

เมื่อถามว่า แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน มีการตั้งองค์กรขึ้นมาต่อต้านการทำงานของ คสช. จากต่างประเทศ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เราจะพยายามทำความเข้าใจและให้การสนับสนุนการทำงานของคสช. ซึ่งเราหวังที่จะทำงานและอยากให้ประชาคมโลกเข้าใจ ส่วนจะพัฒนาไปถึงการตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ และไม่เข้าใจถึงกติกาว่าจะตั้งได้อย่างไร ขอไปศึกษาในประเด็นนี้ก่อน

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของนายจารุพงศ์ หรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้แสดงบทบาทอะไรที่ชัดเจนออกมา มีแต่คนรอบข้าง เพราะฉะนั้นตรงนี้จะต้องดูถึงผลกระทบที่จะตามมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงนี้ และทำอย่างไรถึงจะหันหน้าเข้ามาร่วมมือกัน เพื่อที่จะเดินหน้าไปทำโรดแมป ที่ทาง คสช.ได้วางไว้

***พบจีน-เกาหลีหารือร่วมมือเศรษฐกิจ

ส่วนมาตรการในการดำเนินการการแก้ปัญหากรณีที่ต่างชาติลดการให้ความช่วยเหลือประเทศไทยนั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงกำลังดำเนินการอยู่ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งคิดว่าจะมีผลออกมาในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ตนจะพบกับเอกอัครราชทูตจีน และหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในวันนี้ (26 มิ.ย.) และทางเอกอัครราชทูตเกาหลี ก็จะมาพบเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจเช่นกัน เชื่อว่านี่คือข่าวดี

***คสช.สรุป1เดือนมีผลงานเพียบ

วันเดียวกันนี้ เวลา 18.00 น. คสช. ได้จัดรายการพิเศษ สรุปผลการปฏิบัติงานประจำเดือนของ คสช. ผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง โดยมีสาระสำคัญ คือ การเข้าควบคุมการปกครองประเทศของ คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้มีการตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ครบทุกจังหวัด ผู้นำทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามลงนามบันทึกข้อตกลงสร้างความปรองดองรวม 150 ฉบับ ส่วนการขับเคลื่อนประเทศไทยมีอยู่ 3 ขั้นตอน ได้แก่ ระยะที่ 1 เร่งดำเนินการเรื่องปรองดองสมานฉันท์ให้เร็วที่สุดในกรอบเวลา 3 เดือน ระยะที่ 2 การใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ทั้งการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สรรหานายกรัฐมนตรี การยกร่างรัฐธรรมนูญ และการจัดตั้งสภาปฏิรูปในกรอบเวลา 1 ปี และระยะที่ 3 การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

โดยผลการเฝ้าระวังสถานการณ์และการจับกุมอาวุธสงคราม สามารถตรวจยึดและจับกุมอาวุธสงคราม รวมถึงผู้นำอาวุธสงครามมาทิ้งไว้ ได้สูงถึง 51 ครั้ง คิดเป็นจำนวนรวมของอาวุธ 1,996 กระบอก เครื่องกระสุน 31,840 นัด และวัตถุระเบิด 265 ลูก

ส่วนผลงานด้านเศรษฐกิจ ได้ปลดล็อกข้อจำกัดในการจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว การเตรียมมาตรการช่วยเหลือการเพาะปลูกข้าวนาปี การชี้แจงและทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ ว่าไทยยังคงดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่เน้นการค้าเสรีต่อไป รวมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่วงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งได้มีการตรวจสอบไปแล้ว 10 โครงการ วงเงินรวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท เช่น โครงการจ้างให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของกระทรวงพลังงาน โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา หรือแท็บเล็ต ของกระทรวงศึกษาธิการ และการบริหารจัดการการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น

สำหรับโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 3.5 แสนล้าน ได้ให้มีการทบทวน และจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำใหม่ทั้งหมด ทั้งเฉพาะหน้า ระยะสั้น กลาง ยาว และให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ขณะที่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท ได้มีการเสนอยุทธศาสตร์ทั้งทางรถไฟ ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งได้มีมติให้ดำเนินการระหว่างปี 2558-2565 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ แต่ให้ตัดโครงการรถไฟความเร็วสูงออกไป ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะไปหารือกับกระทรวงการคลังหาแหล่งเงินทุน ก่อนเสนอให้ที่ประชุมเศรษฐกิจพิจารณาอีกครั้ง เพื่อเสนอให้หัวหน้า คสช. อนุมัติ ทั้งนี้ ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย

นอกจากนี้ คสช. ยังได้สั่งตรวจสอบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การตรวจสอบธุรกรรมการเงินเครือข่ายยาเสพติด การพนัน การจัดระเบียบรถตู้ แท็กซี่ วินรถจักรยานยนต์

ทางด้านการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินในระยะต่อไป คสช.ได้เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 วงเงิน 2.575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท โดยประมาณการรายได้ 2.325 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล 2.5 แสนล้านบาท โดยงบลงทุนภาครัฐในปี 2558 กำหนดวงเงินไว้ที่ 4.5 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.5 ของงบประมาณทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากงบลงทุนปี 2557 ร้อยละ 2.2 โดยคาดว่าในวันที่ 29 ก.ค.2557 หัวหน้า คสช.จะให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2558

***ไม่ต้องง้อมะกันตัดเงินช่วยเหลือ

นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ทางการสหรัฐฯ ตัดความช่วยด้านความมั่นคงต่อกองทัพไทยเป็นจำนวนเงินประมาณ 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะย้ายสถานที่ฝึกคอบร้าโกลด์ไปประเทศอื่นว่า ขอให้กำลังใจ คสช. ที่เข้ามาบริหารและแก้ไขปัญหาหลักของประเทศ เช่น หนี้สินของชาวนาจากโครงการจำนำข้าว การกวาดล้างผู้มีอิทธิพล และปราบปรามอาวุธสงคราม จนทำให้สังคมไทยสงบสุข จึงขอให้ คสช.ทำต่อไป ส่วนการตัดความช่วยเหลือ หากเปรียบเทียบกับความสงบสุขและมองในมุมบวกว่าประเทศไทยที่อยู่ยั้งยืนยง ไม่เป็นขี้ข้าต่างชาตินั้น ก็มาจากพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ ทหารหาญ และประชาชนคนไทย จึงถือเป็นเงินเพียงเล็กน้อย จึงไม่จำเป็นต้องไปง้องอน

ทั้งนี้ ขอให้คสช. เร่งสร้างความเข้าใจในปัญหาที่เราประสบและประชาธิปไตยแบบไทยกับสหรัฐฯ ที่มีบริบทพื้นฐานสังคมแตกต่างกัน ขอให้ทำการชี้แจงควบคู่ไปกับการทำภารกิจที่ต้องเร่งสะสาง เพราะหมักหมมมานาน ตนในฐานะนักการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้งยอมรับและเข้าใจได้ ถ้าจะต้องสูญเสียเงิน 150 ล้านบาทกับการที่ทำให้ประเทศไทยแก้ไขขจัดปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในแต่ละปีงบประมาณที่หล่นเรี่ยราดตามรายทางนับหมื่น นับแสนล้านบาท ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการเว้นวรรค ปัดกวาดบ้านช่องของเราให้สะอาด ไม่ใช่ดีหรือสวยงามแต่ข้างนอก แต่ภายในบ้านสกปรกเลอะเทอะ ตนเชื่อว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศ คงจะเห็นด้วยกับการสะสางปัญหา และพักปัดกวาดบ้านช่องในครั้งนี้

***จวก“จารุพงศ์-เจ๊เพ็ญ”แค่เสรีเถื่อน

นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรมว.มหาดไทย จัดตั้งกระบวนการเสรีไทยต่อต้านรัฐประหาร ว่า องค์กรของนายจักรภพ เพ็ญแข และนายจารุพงศ์ ไม่ใช่เสรีไทย แต่เป็นเสรีเถื่อน ขอเปรียบเทียบดังนี้ เสรีไทยใช้จิตสำนึกอิสระแห่งความเป็นไทย เสรีเถื่อนใช้จิตสำนึกความเป็นทาส

“ปรีดี ป๋วย แห่งเสรีไทย เป็นรัฐบุรุษ เป็นปูชนียบุคคล ส่วนจักรภพ จารุพงศ์ เป็นโจรพลัดถิ่น ขณะที่เสรีไทยกู้ชาติจากญี่ปุ่น และกลุ่มอักษะ แต่เสรีเถื่อนขายชาติให้นายใหญ่คืนชีพ เสรีไทยมีอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และสัมพันธมิตรรับรอง เสรีเถื่อนมีเจ้ามูลแม้วเท่านั้นที่รับรอง เสรีไทย (ความจริงคณะราษฎร) ประกาศหลัก 6 ประการ เพื่อประเทศชาติประชาชน เสรีเถื่อน ประกาศหลัก 6 ประการ เพื่อลวงโลก เสรีไทยมีจุดมุ่งหมายสูงส่งเพื่อมวลมนุษยชาติ เสรีเถื่อน มีจุดมุ่งหมายต่ำทราม เพื่อมนุษย์อัปรีย์หนีอาญาแผ่นดิน" อดีตแกนนำ40 ส.ว. ระบุ

***รอง ผบ.ตร. เฝ้าดู"จารุพงศ์"

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคสช. ด้วยการตั้งกลุ่มเสรีไทยนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามเฝ้าดู และตรวจสอบแถลงการณ์ที่ออกมาว่าผิดข้อกฎหมายใดหรือไม่

ส่วนกรณีการขยายกรอบเวลาการส่งมอบอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดที่ใช้ในการสงคราม ซึ่งในวันที่ 25 มิ.ย. เป็นวันสุดท้ายว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการขยายกรอบระยะเวลาออกไปอีกหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีการหารือ และถือเป็นนโยบายระดับสูงของ คสช. ที่เป็นผู้ดำเนินการ

***เสนอปลด4กลุ่มสินค้าพ้นบัญชีใช้แรงงาน

นายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับว่า ได้ตั้งคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ โดยมีตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันวางแผนในการทำงาน โดยมียุทธศาสตร์หลักในการกำหนดนโยบายป้องกัน คุ้มครอง การบังคับใช้กฎหมาย และการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และจากนั้นจะเสนอปลดสินค้า 4 กลุ่ม ได้แก่ น้ำตาล กุ้ง ปลา และเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับต่อกระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ ในเดือนส.ค.นี้ ก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศผลในเดือนก.ย.นี้

สำหรับกรอบการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มสินค้า จะมีการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนว่ามีผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มสินค้าจำนวนกี่ราย อยู่ในพื้นที่ใดบ้าง รวมทั้ง รวจจำนวนแรงงานว่ามีอยู่เท่าใด มีปัญหาการใช้แรงงานเด็กหรือไม่ และหากมี เป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบก่อนและหลังดำเนินการตามแผนงานว่าเป็นอย่างไร เช่น การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการน้ำตาล กุ้ง ปลา และเครื่องนุ่งห่ม แยกเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีออกจากไร่อ้อยและสถานประกอบการอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันถูกมองว่าใช้แรงงานเด็ก โดยจะมีการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะว่าเป็นเช่นไร และมีจุดใดต้องแก้ไขบ้าง

"คณะทำงานแต่ละกลุ่มสินค้าจะเริ่มขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนงานภายในเดือนก.ค.นี้ และยังได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจแรงงานแต่ละกลุ่มสินค้าในรูปแบบทีมสหวิชาชีพ เช่น เจ้าหน้าที่กสร. ตำรวจ ทหารเรือ กรมเจ้าท่า ซึ่งจะบูรณาการการทำงานร่วมกัน หากพบว่ามีการใช้แรงงานเด็ก จะแยกเด็กออกมาดูแลและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทันที"นายพานิชกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น