ASTVผู้จัดการรายวัน-กทพ.เตรียมปัดฝุ่นทางด่วนขั้นที่ 3 (N1,2,3) เสนอ คสช.ทบทวนก่อสร้าง ชี้เป็นโครงการที่จำเป็นช่วยแก้ปัญหาจราจรกทม.จากตะวันตก- ตะวันออก มีประโยชน์ต่อส่วนรวม ยืนยันปรับแบบให้มีผลกระทบน้อยที่สุดได้ "อัยยณัฐ"เผยแผนรับAEC สร้างโครงข่ายทางด่วนเพิ่มอีก 300 กม. ทั้งต่อขยายไปยังภูมิภาคและด่วนข้ามแดน พร้อมลงทุนทุกรูปแบบ
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กทพ.จะมีการทบทวนการดำเนินโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือช่วง N1,2,3 เพื่อนำกลับขึ้นมาดำเนินการใหม่ ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่มีนายชัชชาติิ สิทธิพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายให้ชะลอโครงการเนื่องจากเห็นว่า ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการแก้ปัญหาในหลายด้านซึ่งปัญหาจราจรเป็นเรื่องที่สำคัญจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะนำเสนอโครงการอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาการจราจรด้านเหนือที่ยังไม่มีโครงข่ายทางด่วนเชื่อมจากแนวตะวันตก-ตะวันออก ทำให้ปัจจุบันถนนงามวงศ์วาน ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนเกษตรนวมินทร์ ติดขัดอย่างมาก
"ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือถือว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างมากและมีการศึกษามาเกือบ 20 ปีแล้วโดย กทพ.ลงทุนก่อสร้างตอม่อไปแล้วและปรับไปทำเป็นรถไฟฟ้าไม่ได้เพราะผิดวัตุประสงต์ในการเวนคืน อาจจะถูกฟ้องร้องได้ แต่ในภาวะปกติการดำเนินโครงการมีข้อติดขัด แต่ขณะนี้เป็นภาวะพิเศษก็เห็นโอกาส โดยหลักการรูปแบบจะเป็นไปตามการศึกษาเดิม แต่จะมีการปรับแก้ในบางจุดเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้มีน้อยที่สุด โดยจะแบ่งดำเนินการเป็น2 ส่วน คือช่วง N1 อาจจะต้องปรับปรุงจุดที่มีผลกระทบ ทั้งกับชุมชนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยจะลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบ โดยจะรวบรวมข้อมูล เสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทันทีที่มีการแต่งตั้งประธาน เพื่อขอความเห็นชอบก่อนนำเสนอกระทรวงคนนาคมเพื่อเสนอ คสช.พิจารณาต่อไป"นายอัยยณัฐกล่าว
สำหรับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ (N1,2,3) ระยะทาง 42.9 กม.รองรับปริมาณจราจร East-West Corridoor ของกรุงเทพฯ ช่วง N1 (ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตก บริเวณแยกบางใหญา-แยกเกษตรศาสตร์) ระยะทาง 19.2 กม.ถูกมหาวิทยาลัยเกษตรฯ คัดค้าน ช่วง N2 (แยกเกษตร-ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนนวมินทร์ ) ระยะทาง 9.2 กม.และช่วง N3 ( นวมินทร์-ถนนเสรีไท- ถนนรามคำแหง สิ้นสุดที่ถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ บริเวณถนนศรีนครินทร์ ) ระยะทาง 11.5 กม.
นายอัยยณัฐกล่าวว่า กทพ.มีแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษเพื่อรองรับการเปิด AEC 2 ส่วนคือ 1.การพัฒนาต่อขยายโครงข่ายที่มี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าวการศึกษาความเหมาะสม เช่น โครงการทางพิเศษพระราม3- ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ระยะทาง 16.923 กม.ศึกษาเสร็จแล้ว จะเสนอคสช.พิจารณาเป็นโครงการเร่งด่วน 2. โครงการทางพิเศษสายยกระทู้-ป่าตอง(อุโมงค์ภูเก็ต) ระยะทาง 3.9 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 8.37 พันบ้านบาท คาดว่าจะเสนอกระทรวงคมนาคมได้ในต้นปี 58
3. ทางพิเศษอุดรรัถยา-พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 35 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท ศึกษาเสร็จต้นปี 58 ช่วยสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า ระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง-นิคมอุตสาหกรรมที่อยุธยาให้สะดวกมากขึ้น ช่วยลดเวลาและต้นทุน 4. ทางพิเศษสายบูรพาวิถี-พัทยา ระยะทางประมาณ 61 กม. ผลการศึกษาเสร็จกลางปี 58 และ 5. ทางพิเศษฉลองรัฐ ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก -สระบุรีระยะทาง 63 กม.รองรับการเดินทางจากภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษา
ทางพิเศษเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน 4 จุด ที่ ด่านแม่สอด แม่สาย มุกดาหารและสะเดา ระยะทางจุดละ 4-5 กม.มีบริการครบวงจร (one stop service) ทั้งภาษี การข้ามแดน ค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยใช้ระบบ Easy Pass ในการเก็บค่าผ่านทาง ช่วยอำนวยความสะดวกให้รถขนส่งสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผ่านแดนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันกทพ. มีทางด่วนระยะทาง 200 กม. หากโครงการใหม่ระยะทางรวมกว่า 300 กม.ดำเนินการแล้วเสร็จ โครงข่ายจะสมบูรณ์แก้ปัญหาจราจรได้อย่างยั่งยืน โดยกทพ.สามารถลงทุนเองโดยกู้มาดำเนินการหรือให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP โดยคาดว่าตั้งแต่ปี 59 กทพ.ไม่จำเป็นต้องของบประมาณรัฐบาล เพราะสามารถใช้รายได้มาดำเนินงานได่เพียงพอ
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กทพ.จะมีการทบทวนการดำเนินโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือช่วง N1,2,3 เพื่อนำกลับขึ้นมาดำเนินการใหม่ ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่มีนายชัชชาติิ สิทธิพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายให้ชะลอโครงการเนื่องจากเห็นว่า ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการแก้ปัญหาในหลายด้านซึ่งปัญหาจราจรเป็นเรื่องที่สำคัญจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะนำเสนอโครงการอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาการจราจรด้านเหนือที่ยังไม่มีโครงข่ายทางด่วนเชื่อมจากแนวตะวันตก-ตะวันออก ทำให้ปัจจุบันถนนงามวงศ์วาน ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนเกษตรนวมินทร์ ติดขัดอย่างมาก
"ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือถือว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างมากและมีการศึกษามาเกือบ 20 ปีแล้วโดย กทพ.ลงทุนก่อสร้างตอม่อไปแล้วและปรับไปทำเป็นรถไฟฟ้าไม่ได้เพราะผิดวัตุประสงต์ในการเวนคืน อาจจะถูกฟ้องร้องได้ แต่ในภาวะปกติการดำเนินโครงการมีข้อติดขัด แต่ขณะนี้เป็นภาวะพิเศษก็เห็นโอกาส โดยหลักการรูปแบบจะเป็นไปตามการศึกษาเดิม แต่จะมีการปรับแก้ในบางจุดเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้มีน้อยที่สุด โดยจะแบ่งดำเนินการเป็น2 ส่วน คือช่วง N1 อาจจะต้องปรับปรุงจุดที่มีผลกระทบ ทั้งกับชุมชนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยจะลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบ โดยจะรวบรวมข้อมูล เสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทันทีที่มีการแต่งตั้งประธาน เพื่อขอความเห็นชอบก่อนนำเสนอกระทรวงคนนาคมเพื่อเสนอ คสช.พิจารณาต่อไป"นายอัยยณัฐกล่าว
สำหรับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ (N1,2,3) ระยะทาง 42.9 กม.รองรับปริมาณจราจร East-West Corridoor ของกรุงเทพฯ ช่วง N1 (ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตก บริเวณแยกบางใหญา-แยกเกษตรศาสตร์) ระยะทาง 19.2 กม.ถูกมหาวิทยาลัยเกษตรฯ คัดค้าน ช่วง N2 (แยกเกษตร-ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนนวมินทร์ ) ระยะทาง 9.2 กม.และช่วง N3 ( นวมินทร์-ถนนเสรีไท- ถนนรามคำแหง สิ้นสุดที่ถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ บริเวณถนนศรีนครินทร์ ) ระยะทาง 11.5 กม.
นายอัยยณัฐกล่าวว่า กทพ.มีแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษเพื่อรองรับการเปิด AEC 2 ส่วนคือ 1.การพัฒนาต่อขยายโครงข่ายที่มี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าวการศึกษาความเหมาะสม เช่น โครงการทางพิเศษพระราม3- ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ระยะทาง 16.923 กม.ศึกษาเสร็จแล้ว จะเสนอคสช.พิจารณาเป็นโครงการเร่งด่วน 2. โครงการทางพิเศษสายยกระทู้-ป่าตอง(อุโมงค์ภูเก็ต) ระยะทาง 3.9 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 8.37 พันบ้านบาท คาดว่าจะเสนอกระทรวงคมนาคมได้ในต้นปี 58
3. ทางพิเศษอุดรรัถยา-พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 35 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท ศึกษาเสร็จต้นปี 58 ช่วยสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า ระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง-นิคมอุตสาหกรรมที่อยุธยาให้สะดวกมากขึ้น ช่วยลดเวลาและต้นทุน 4. ทางพิเศษสายบูรพาวิถี-พัทยา ระยะทางประมาณ 61 กม. ผลการศึกษาเสร็จกลางปี 58 และ 5. ทางพิเศษฉลองรัฐ ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก -สระบุรีระยะทาง 63 กม.รองรับการเดินทางจากภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษา
ทางพิเศษเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน 4 จุด ที่ ด่านแม่สอด แม่สาย มุกดาหารและสะเดา ระยะทางจุดละ 4-5 กม.มีบริการครบวงจร (one stop service) ทั้งภาษี การข้ามแดน ค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยใช้ระบบ Easy Pass ในการเก็บค่าผ่านทาง ช่วยอำนวยความสะดวกให้รถขนส่งสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผ่านแดนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันกทพ. มีทางด่วนระยะทาง 200 กม. หากโครงการใหม่ระยะทางรวมกว่า 300 กม.ดำเนินการแล้วเสร็จ โครงข่ายจะสมบูรณ์แก้ปัญหาจราจรได้อย่างยั่งยืน โดยกทพ.สามารถลงทุนเองโดยกู้มาดำเนินการหรือให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP โดยคาดว่าตั้งแต่ปี 59 กทพ.ไม่จำเป็นต้องของบประมาณรัฐบาล เพราะสามารถใช้รายได้มาดำเนินงานได่เพียงพอ