xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

โละทิ้ง กสทช. เรื่องมีมูล-หมาถึงขี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี  ประธาน กสทช.
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่แน่นอนเสียแล้ว สำหรับความอยู่รอดของคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หลังมีกระแสข่าวลือหนาหูทั่วคุ้งทั่วแควในช่วงที่ผ่านมาว่า อาจถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดสินใจยุบไปทำปุ๋ยในบั้นปลาย

งานนี้ ไม่มีมูล หมาไม่อุจจาระแน่ เพราะหากวัดตามกระแสสังคมต่อเรื่องดังกล่าว หลายฝ่ายยกมือท่วมหัวเชียร์ ยุบๆ มันไปเหอะ “ถ้าอยู่แล้วช่วยอะไรสังคมไม่ได้”

เพราะตั้งแต่ กสทช. จุติลงมาเป็นกิจจะลักษณะ ไม่เคยมีผลงานประจักษ์แก่สายตา เป็นที่ชื่นอกชื่นใจของประชาชน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประมูลคลื่นความถี่ 3 จี ช่วงนั้นก็แปลกประหลาด จัดการแข่งขันแบบขัดสายตาประชาชน มีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ แถมยื่นราคาแบบไม่คิดจะแข่งขันกัน จนแทบไม่ต้องสงสัยว่า ตกลงมันฮั้วกันหรือเปล่า ?

นอกจากกรณีดังกล่าว เอาที่คนโจษจันจำกันได้ ตั้งแต่มี กสทช.มา ไม่เคยสู้อะไรเพื่อประชาชนในชาติแล้วชนะ หาแนวร่วมได้ มีแต่แพ้ราบคาบเรียบวุธกลับมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นต่อสู้คดีเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร เมื่อปี 2012 ในชั้นศาลปกครอง ซึ่งโดนแกรมมี่ ไล่ต้อนซะเสียศูนย์
 
เรื่อยมาจนประเด็นล่าสุด ที่ก็ปราชัยในศาลเดิมให้กับ อาร์เอส เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014

แถมยังมีข่าวคาวฉาวโฉ่ออกมาได้ตลอดไม่เว้นระยะ เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์เงินๆ ทองๆ ตั้งแต่การเพิ่มเงินเดือนให้กับตัวเอง และสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกับรัฐบาล โดยเฉพาะ“ประธาน กสทช.”ที่เทียบรุ่นกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกันเลย จนโดนอดีตคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตอกกลับมาหน้าหงาย ตีเรื่องกลับ ไม่ให้ผ่านความเห็นชอบ

หรือจะเสียงซุบซิบนินทาถึงกรรมการ กสทช. บางคน กับบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่นายทุนต่างๆ ว่า มีลับลมคมในกัน หนักไปทางเกื้อกูลเรื่องผลประโยชน์ เหล่านี้นานาสารพันเหม็นเน่าออกมาให้ได้กลิ่นกันแทบจะทุกระยะ 
 
ดังนั้น เมื่อเงินเดือน ค่าตอบแทนสูงลิ่วลิบลับ แต่ทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ พอมีข่าวออกมาว่า จะถูกยุบ คนก็เลยรีบอนุโมทนาสาธุกันทั่ว

ขณะเดียวกัน กระแสให้ยุบ กสทช. ยิ่งชักจะไปกันใหญ่ ไม่ใช่เรื่องลอยๆ ผ่านๆ เสียแล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดย “น.ส.ประพีร์ อังกินันท์”รองผู้ว่าฯสตง. ได้ทำรายงานถึง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และการกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553

และยังขอให้แจ้งสำนักงาน กสทช. นำเงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล จำนวน 50,862 ล้านบาท ที่ กสทช. มีอยู่ในมือไปส่งเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินเสีย เพราะเป็นรายได้ของแผ่นดิน เนื่องจากที่ผ่าน กสทช. ไม่เคยนำส่งเลย

ทั้งนี้ เงินก้อนดังกล่าวก็คือ ก้อนที่ กสทช. เจียดเอาไปชดเชยอาร์เอส ประมาณ 400 กว่าล้านบาท หลังคสช. ประสานให้มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทุกคู่นั่นเอง

โดย สตง. แจกแจงข้อบกพร่อง และรูโหว่การบริหารการใช้จ่ายเงินรายได้ของ กสทช.ว่า เป็นการจัดเก็บที่มีความเป็นอิสระแตกต่างจากองค์กรของรัฐทุกประเภท โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งอาจขัดแย้งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ จนอาจทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินไม่มีประสิทธิภาพได้

หรือง่ายๆ คืองบประมาณที่ กสทช. บริหารอยู่ มีจำนวนมากหมายมหาศาล และยากต่อการจะตรวจสอบว่า ใครจะซอกแซกเอาไปทำอะไรบ้าง

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตกระบวนการได้มาของเลขาธิการ กสทช.ว่า ไม่มีความเหมาะสม เนื่องจากไม่มีการคานอำนาจกันระหว่าง กสทช. และเลขาธิการ กสทช. เพราะ กสทช. มีอำนาจแต่งตั้งและถอนถอนเลขาธิการ กสทช.
 
เรียกว่า งานนี้โดน สตง.จ้วงแทงซะไส้ไหลกันเลย !!

นอกจากในส่วนของ สตง. บรรดาทีวีดาวเทียมเองก็ตะโกนเชียร์ พลางสาปส่งเหมือนกัน หลังจาก กสทช. เป็นที่พึ่งหวังอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะกรณีที่ คสช. ระงับการออกอากาศของทีวีดาวเทียมหลายช่อง แต่จนแล้วจนรอด กสทช. ก็นิ่งเฉย ไม่ช่วยเหลืออะไร ไม่เคยมีแม้แต่คำปรึกษา ทั้งที่ควรทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม แต่กลับปล่อยให้สมาชิกวิ่งวุ่นกันเองจนเหนื่อยหน่าย
 
ดังนั้น ก็ควรยุบๆ ทิ้งไปซะเลย

ตามเนื้อผ้า นาทีนี้ กสทช. จึงเหมือนมวยเมาหมัด หันไปทางไหนก็ถูกชกเปรี้ยงจนเซ ยิ่งคิวล่าสุด ยังมาถูกคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่มี “เสธ.โย่ง”พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธาน คตร. สั่งชะลอ โครงการที่เป็นเสมือนหัวใจของ กสทช. ถึง 4 โครงการ ได้แก่

1.โครงการจัดประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์

2.โครงการจัดประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์

3.โครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (ยูโซ)

และ 4.โครงการสนับสนุนช่วยเหลือการเปลี่ยนผ่านทีวีจากระบบอะนาล็อก เป็นดิจิตอล ด้วยการแจกคูปองส่วนลดเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รับสัญญาณแก่ประชาชน

โดนเข้าไปดอกนี้แทบกระอักเลือดเลย ที่สำคัญกว่าคือ สัญญาณเริ่มชักไม่ดีเสียแล้ว

แล้วที่ขนาบข้างกันมาแบบนิ่งๆ มาเนียนๆ มองข้ามกันไม่ได้เลยอีกจุดก็คือ คดีฮั้วประมูลคลื่นความถี่ 3 จี ในมือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีการตั้งข้อกล่าวหากรรมการ กสทช. ในฐานะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จำนวน 4 คนเอาไว้ ประกอบด้วย
 
พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร นายสุทธิพล ทวีชัยการ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ และ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์

โดยบัดนี้อนุกรรมการไต่สวนที่มี นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน ได้สรุปสำนวนส่งให้คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาแล้ว โดยคาดว่า จะสามารถพิจารณาลงมติชี้มูลหรือไม่ได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งตามกระแสข่าวที่เล็ดรอดออกมา ก็ว่ากันว่า โอกาสจะโดนฟันฉับนั้นมีสูงลิ่ว

ยิ่งดูตามปฏิกิริยาของกรรมการ กทค. 4 คน ที่ออกมาเต้นแร้งเต้นกาหาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ป.ป.ช.ไต่สวนไม่ถูกต้องตามระเบียบ ยิ่งเห็นเค้าลางได้ชัดว่า เป็นอาการของคนที่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกเชือดในไม่ช้า ชนิดรับทราบชะตากรรมตัวเอง
 
ซึ่งหากบทสรุปสุดท้ายออกมาในแนวทางดังกล่าวจริงๆ ย่อมมีผลกระทบกับกสทช.ในภาพรวมแน่ เพราะมีกรรมการถึง 4คน ถูกชี้มูลในคดีทุจริต แรงกระเพื่อม คลื่นใต้น้ำย่อมแรงเป็นธรรมดา แม้แต่วงในกสทช. ยังสารภาพออกมาเลยว่า คดีนี้จะทำกสทช.ถูกยุบเอาได้เหมือนกัน

จากนี้ก็เลยต้องจับตาอย่าให้กระพริบว่า คสช. จะบริหารจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ระหว่างแก้ไขกฎหมายกันเสียใหม่เพื่อป้องกันรู้โหว่ต่างๆ และวางระบบกสทช.กันขนานใหญ่
 
หรืออย่างเลวร้ายที่สุดคือ ยุบทิ้งไปซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว.



พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์
กำลังโหลดความคิดเห็น