ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เห็นภาพ “ลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)ใส่อุปกรณ์ระโยงรยางค์หลังผ่าตัดหัวไหล่แล้ว ก็รู้สึกเห็นใจในความเสียสละที่อาสามาเป็นผู้นำมวลมหาประชาชนยิ่งนัก
แต่วันนี้ ดูเหมือนว่า ลุงกำนันของมวลมหาประชาชนจะดูสบายอกสบายใจขึ้นเป็นกอง เนื่องจากภาระในการ “ปฏิรูป” ที่ชูธงในการชุมนุมได้ถูกปลดเปลื้องพันธนาการออกไปจนหมดสิ้น
16 มิถุนายน วันหวยออก นายสุเทพได้แสดงความคิดเห็นถึงจุดยืนและทิศทางการเคลื่อนไหวของตนเองเอาไว้อย่างชัดเจนว่า...
“หลังจากที่มี คสช. กลุ่ม กปปส.ก็ได้หยุดความเคลื่อนไหวเพื่อให้ คสช.ดำเนินการต่างๆ ได้โดยสะดวก ช่วงนี้ผมไม่ได้พูดเรื่องการเมืองเลย หลังจากนี้อีกไม่นาน คงมีธรรมนูญการปกครองชั่วคราวที่ คสช.จะร่างขึ้นมาทูลเกล้าฯ ก็จะได้รู้ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร โดยผมเข้าใจว่าธรรมนูญการปกครองชั่วคราวจะพูดถึงที่มาและองค์ประกอบของรัฐบาล สภาการปฏิรูปประเทศและสภานิติบัญญัติจะมีหน้าที่อย่างไร”
เมื่อถามว่า หาก คสช.ประสานให้เข้าปฏิรูปประเทศด้วย จะตัดสินใจอย่างไร นายสุเทพตอบว่า...
“เราในฐานะประชาชนได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ ดังนั้น ถ้า คสช.ขอให้ช่วยเหลือ หรือขอความร่วมมือ เราก็พร้อม และคิดว่าประชาชนทุกฝ่ายทุกภาคส่วนก็ควรให้ความร่วมมือ เพราะถือเป็นโอกาสของประเทศ”
“หลังจากนี้ผมจะสู้คดีที่ค้างอยู่จำนวนมาก และจะทำงานภาคประชาชน เพื่อช่วยประชาชนโดยไม่กลับไปเล่นการเมืองอีก”
สรุปก็คือ นายสุเทพประกาศชัดเจนแล้วว่า กปปส.ได้ยุติบทบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ทำรัฐประหารและก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมทั้งส่งมอบภารกิจทั้งหลายทั้งปวงที่ได้ประกาศเอาไว้ในช่วงที่มีการชุมนุมให้กับ คสช.ไปสานต่อทั้งหมด
ดังนั้น มวลมหาประชาชนจึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่นายสุเทพไม่เคยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ ออกมาให้เห็นในทุกๆ เรื่อง แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นธงในการเคลื่อนไหวของ กปปส.ก็ตาม ทั้งเรื่องทิศทางในการปฏิรูปประเทศ หรือการถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ
นายสุเทพประกาศให้มวลมหาประชาชนรับทราบชัดเจนว่า เขามิได้เป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวอีกต่อไป หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ กปปส.ได้สลายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนับจากนี้ไปจะไม่มีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในนามของ กปปส.อีก
กปปส.มีสภาพไม่ต่างจากองค์กรภาคประชาชนชั่วคราว เป็นองค์กรเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาและสลายไปเมื่อตัวนายสุเทพคิดว่า ภารกิจของเขาจบสิ้นลง
แน่นอน เมื่อรับทราบแนวคิดและจุดยืนของ เลขาธิการ กปปส.ที่ชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมเมื่อไม่นานมานี้แกนนำกปปส.ถึงได้พร้อมใจกันแต่งชุดทหารมาร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 48 ปีของ “เดอะตั้น-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” สามีของ “ทยา ทีปสุวรรณ” จนผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านทั้งเมืองถึงความเหมาะสม
ยิ่งเมื่อเห็น “น้องตั้น-จิตภัสร์ กฤดากร” หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของ กปปส.ใส่เสื้อลายพรางทหารที่สกรีนข้างหลังตัวเป้งว่า “บูรพาพยัคฆ์” รวมทั้ง “ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ใส่เสื้อสีเขียวขี้ม้าพร้อมข้อความ “ชัยชนะ” บนหน้าอกด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึงหนักขึ้นไปอีก
วันนี้ คำถามเดิมๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากปาร์ตี้ลายพรางได้กลับมาดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งกับคำให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
คำถามนั้นมีอยู่ว่าแล้วที่นายสุเทพนำ กปปส.ต่อสู้มายาวนานกว่า 7 เดือนนั้น ทำเพื่ออะไร
แล้วข้อเสนอที่นายสุเทพและกปปส.ระดมสมองเพื่อปฏิรูปประเทศไทยซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อย้ายเวทีชุมนุมไปอยู่ที่สวนลุมพินีหายไปไหน ทำไมถึงไม่ส่งมอบให้กับ คสช. หรือส่งมอบแล้วแต่ไม่บอกไม่กล่าวให้มวลมหาประชาชนได้รับทราบ
นอกจากนี้ เมื่อนำบทบาทของนายสุเทพหลังการรัฐประหารไปเปรียบเทียบกับ “ดร.เสรี วงษ์มณฑา” หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของ กปปส.ก็ยิ่งเห็นความแตกต่าง เพราะ ดร.เสรียังคงทำหน้าที่ในการเป็นผู้นำของมวลมหาประชาชนอย่างเสมอต้นเสมอปลายด้วยการแสดงความคิดเห็น ด้วยการเสนอแนะ ด้วยการติดตาม ด้วยการเรียกร้องให้คณะรัฐประหารกระทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 2 เรื่องหลังคือการปฏิรูปพลังงานและการถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ
แต่สิ่งแหล่านี้ไม่เคยปรากฏออกมาจากปากของนายสุเทพ
วันนี้ สิ่งที่สังคมได้เห็นก็คือ ภาพ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นน้องสาวของนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร เดินชอปปิ้งอย่างสบายใจในห้างสรรพสินค้าสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร
วันนี้สิ่งที่สังคมได้เห็นก็คือ ภาพของ “อุ๊งอิ้ง-นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนเล็กของนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร โพสต์ภาพถ่ายคู่กับผู้เป็นพ่อ พร้อมกับเขียนข้อความว่า Singapore,the place I found love ในอินสตราแกรม ingshin 21 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2557โดยที่ คสช.ยังไม่เคยมีคำสั่งเรียกให้อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้มารายงานตัวให้เห็น
นายสุเทพกำลังโอนผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ให้ไปเป็นผู้ชุมนุมของ คสช.เช่นนั้นหรือ
ถ้าใช่ นั่นหมายความว่า นายสุเทพไม่ได้ศรัทธาและไม่ได้ตั้งมั่นในพลังของมวลมหาประชาชนเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว มวลมหาประชาชนของ กปปส.มีความสำคัญมาก ยิ่งเมื่อมีรัฐประหารยิ่งมีความสำคัญ เพราะเสียงและพลังของประชาชนคือแรงกดดันการทำงานของ คสช.ให้ดำเนินไปในครรลองที่ถูกที่ควร
กรณีของการปฏิรูปพลังงานคือตัวอย่างที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า พลังของมวลมหาประชาชนมีความยิ่งใหญ่เพียงใด
นายสุเทพดีใจที่เห็นคนอย่าง “ทอม ดันดี” เข้ามอบตัวแล้วชู 3 นิ้วสัญลักษณ์ไอเลิฟยูด้วยสีหน้าเซ็งๆ แบบไม่เต็มใจเช่นนั้นหรือ
นายสุเทพดีใจที่คนแห่แหนกันไปดูภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 5 ฟรี และดีใจที่ กสทช.ต้องควักเงินกว่า 400 ล้านบาทให้ค่ายอาร์เอสในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่ประเทศบราซิลให้ชมกันทางฟรีทีวีเช่นนั้นหรือ
หรือนายสุเทพพอใจแล้วกับการที่วันนี้ VOICE TV ได้กลับมาออกอากาศอีกครั้ง
นายสุเทพจะตอบคำถามผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม ซึ่งนับตั้งแต่เกิดเหตุหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 จนถึงโศกนาฏกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ปรากฏว่ามีผู้บาดเจ็บ 782 คน เสียชีวิต 25 คน รวมเป็น 807 คน ได้อย่างไร
พวกเขาเหล่านี้ต่อสู้ เอาเลือด เอาเนื้อและเอาชีวิตเพื่อให้ได้มาเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมามิใช่หรือ
แล้วทำไมนายสุเทพถึงได้ประกาศหยุดเคลื่อนไหวเอาเสียดื้อๆอย่างนั้น