ชาวตำบลทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง แตกตื่นปรากฎการณ์เมฆคล้ายมวลน้ำขนาดใหญ่กำลังจะตก จนบางคนคิดไปถึงลางร้าย เบื้องต้นคาดเป็นเมฆอาร์คัส ที่เคยเกิดที่จ.อุดรธานี และจ.เชียงใหม่ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน
วานนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ตรัง ว่ามีการเผยแพร่ภาพถ่ายทางโซเซียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ facebook ในนาม"เจริญพร โมบาย" เกี่ยวกับปรากฎการณ์บนท้องฟ้า เหนือตลาดสดเทศบาลตำบลทุ่งยาว อ.ปะเหลียน มีลักษณะคล้ายฝน หรือมวลน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังจะตกลงมา โดยมีฉากหลังเป็นแนวเทือกเขาบรรทัด รอยต่อจ.ตรัง กับจ.พัทลุง สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่พบเห็น โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าและผู้ที่มาจับจ่ายสินค้า
ทั้งนี้ ทั้งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รวมทั้งผู้ที่ได้ชมภาพถ่าย ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องแปลกของธรรมชาติ ไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อนเลย แต่บางคนกลับเห็นว่าเป็นเหมือนลางร้ายที่บ่งบอกอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่นับวันจะวิกฤติ และรุนแรงมากขึ้นหลายพื้นที่ เพราะภาพถ่ายนี้คล้ายกับสีนามิ ที่เคยพัดถล่มภาคใต้ฝั่งอันดามันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิต สูญหาย และบาดเจ็บหลายพันคน
ทั้งนี้ เมฆดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเมฆอาร์คัส(arcus) หรือเมฆกันชน ที่ปรากฏขึ้นที่จ.อุดรธานี และจ.เชียงใหม่ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน สร้างความแตกตื่นกับประชาชนเป็นอย่างมาก
โดยดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือสวทช.และชมรมคนรักมวลเมฆ กล่าวว่า เมฆอาร์คัสเป็นปฎิกิริยาของเมฆฝน ลักษณะกลุ่มก้อนเมฆโค้งลงมาใกล้พื้นดิน หากเกิดเหตุการณ์นี้เหนือน่านฟ้าเมื่อใดประชาชน ควรระมัดระวังฟ้าผ่าและลมกระโชกแรง ทั้งนี้เมฆอาร์คัสเกิดจากแนวอากาศร้อนทีมีความชื้น พัดผ่านเข้ามาปะทะกับอากาศเย็น
วานนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ตรัง ว่ามีการเผยแพร่ภาพถ่ายทางโซเซียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ facebook ในนาม"เจริญพร โมบาย" เกี่ยวกับปรากฎการณ์บนท้องฟ้า เหนือตลาดสดเทศบาลตำบลทุ่งยาว อ.ปะเหลียน มีลักษณะคล้ายฝน หรือมวลน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังจะตกลงมา โดยมีฉากหลังเป็นแนวเทือกเขาบรรทัด รอยต่อจ.ตรัง กับจ.พัทลุง สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่พบเห็น โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าและผู้ที่มาจับจ่ายสินค้า
ทั้งนี้ ทั้งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รวมทั้งผู้ที่ได้ชมภาพถ่าย ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องแปลกของธรรมชาติ ไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อนเลย แต่บางคนกลับเห็นว่าเป็นเหมือนลางร้ายที่บ่งบอกอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่นับวันจะวิกฤติ และรุนแรงมากขึ้นหลายพื้นที่ เพราะภาพถ่ายนี้คล้ายกับสีนามิ ที่เคยพัดถล่มภาคใต้ฝั่งอันดามันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิต สูญหาย และบาดเจ็บหลายพันคน
ทั้งนี้ เมฆดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเมฆอาร์คัส(arcus) หรือเมฆกันชน ที่ปรากฏขึ้นที่จ.อุดรธานี และจ.เชียงใหม่ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน สร้างความแตกตื่นกับประชาชนเป็นอย่างมาก
โดยดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือสวทช.และชมรมคนรักมวลเมฆ กล่าวว่า เมฆอาร์คัสเป็นปฎิกิริยาของเมฆฝน ลักษณะกลุ่มก้อนเมฆโค้งลงมาใกล้พื้นดิน หากเกิดเหตุการณ์นี้เหนือน่านฟ้าเมื่อใดประชาชน ควรระมัดระวังฟ้าผ่าและลมกระโชกแรง ทั้งนี้เมฆอาร์คัสเกิดจากแนวอากาศร้อนทีมีความชื้น พัดผ่านเข้ามาปะทะกับอากาศเย็น