ASTV ผู้จัดการรายวัน - Derivative Warrants เครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “แมคควอรี”คาดอีก5ปี วอลุ่มเทรด 6-8%ของ ตลาดรวม ปลื้ม Set 50 DW พุ่งกระฉูด
“ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า การลงทุนในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants) หรือเรียกสั้นๆ ว่า DW ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปริมาณการซื้อขายที่เติบโตขึ้นอย่างมาก”
สำหรับ DW เป็นตราสารที่ผู้ออกให้สิทธิกับผู้ถือในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคา และเวลาที่กำหนด โดยเมื่อเปรียบเทียบกับใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) ข้อดีของ DW คือ ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการซื้อขาย DW สูงกว่าการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน ถ้าเป็นผลขาดทุน การซื้อขาย DW จะมีอัตราการขาดทุนที่สูงกว่าการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรงเช่นกัน ซึ่งผลขาดทุนสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ลงทุนมีจำนวนจำกัดเท่ากับจำนวนเงินที่ผู้ลงทุนจ่ายไปเพื่อซื้อ DW
“ASTV ผู้จัดการรายวัน” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “นพดล ดวงเนตรทิพย์ กรรมการบริษัท และผู้จัดการอาวุโส (หัวหน้าแผนกธุรกิจตราสารอนุพันธ์) บล.แมคควอรี (ประเทศไทย)” ในเรื่องดังกล่าว โดย บล.แมคควอรี่ เชื่อว่ากล่าวว่า การลงทุนใน DW ในปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง แม้จะไม่รวดเร็วเหมือนปีที่ผ่านมาซึ่ง เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี2555 กว่า 3 เท่าตัวก็ตาม
“ต้องบอกว่า DW ก็เป็นไปตามภาวะตลาด ตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา เรามีปัจจัยลบจากสถานการณ์การเมืองในประเทศเข้ามากดดัน แต่ตอนนี้คลี่คลายลงแล้ว ให้เชื่อว่าปริมาณการลงทุนในDW จะใกล้เคียงกับปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 2.5% จากวอลุ่มตลาดทั้งหมด”
ในภาพรวมของตลาดDW ในไทย ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์ให้บริการสินค้าดังกล่าวแก่นักลงทุนประมาณ 13 ราย จากทั้งหมด 30 กว่าราย ซึ่งหัวหน้าแผนกธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.แมคควอรี ให้ความเห็นถึงสาเหตุการเติบโตของสินค้า DW ว่า ปัจจัยสำคัญ เกิดจากการเร่งประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้ถึงเครื่องมือลงทุนประเภทนี้ของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งรวมถึง บล.แมคคอวรี ด้วย และส่วนตัวมองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ จนทำให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนในตลาดนี้เพิ่มขึ้น
นพดล กล่าวถึงการก้าวเข้ามาทำตลาด DW ในไทยของ บล.แมคควอรี่ ว่า บริษัทเริ่มให้บริการสินค้าดังกล่าวแก่นักลงทุนตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 โดยในปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่บล.แมคควอรีให้บริการDW เต็มทั้งปีครั้งแรกพบว่า มีวอลุ่มการซื้อขายDW ประมาณอันดับ 2
“จุดหนึ่งที่DW ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นั้นมาจากการให้ความรู้ความเข้าใจต่อการลงทุนประเภทนี้แก่นักลงทุน โดยบริษัทมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เช่นการจัดการแข่งขัน โครงการ "Macquarie DWStar 2013" มูลค่ารางวัล 7 แสนบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนและผู้ที่สนใจ”
สำหรับในปี 2557 บล.แมคคอวรี ตั้งเป้าจะทยอยออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ต่อเนื่อง โดยปี 2557 ตั้งเป้าออกและเสนอขาย DW เพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 2556 ที่ออก DW ทั้งสิ้น 300 ตัว เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่ออกและเสนอขาย DW ที่ 700 ตัว
“เรามีความพร้อมในรอบด้าน อีกทั้งบริษัทจะเน้นให้คำแนะนำกับกลุ่มลูกค้าร่วมถึงมีบทบาทในการร่วมพัฒนาตลาด DW ต่อไป เนื่องจากเล็งเห็นว่าในประเทศไทยตลาด DW ยังเติบโตได้อีกมาก ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2557 ถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีวอลุ่มเทรด DW ประมาณ 2.5-3% ของวอลุ่มทั้งตลาด จากทั้งปี 2556 ที่ 3.5% ของวอลุ่มทั้งตลาด เมื่อเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกงที่อยู่ 25-30% ของวอลุ่มทั้งตลาดแล้ว เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตยังมีอยู่ในระดับสูงโดยภายใน 5 ปีข้างหน้า ตลาด DW ในประเทศไทยจะมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 6-8% ของวอลุ่มทั้งตลาด”
ทั้งนี้ แมคควอรีมีความชำนาญและประสบการณ์ในการออกและเสนอขาย DW ที่อ้างอิงดัชนีหลักทรัพย์มาแล้วในตลาดทุนชั้นนำในภูมิภาค 4 แห่งในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา และเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทเปิดให้บริการเทรด SET50 DW จำนวน 4 รุ่น เพิ่มเติมจากDW หุ้นรายตัวที่ให้บริการอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
“เราเชื่อว่า DW ที่อ้างอิงดัชนี Set 50 จะได้รับความนิยมกว่าหุ้นรายตัว หรือสินค้าDW ก่อนหน้าที่มีอยู่ในตลาด และจากที่เราเปิดให้บริการสินค้าใหม่นี้มา 1 เดือน พบว่า Set 50 DW ทั้ง 4 ตัว มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยเกิน 50 ล้านหน่วย/วัน เหลือเกินกว่า50%ของ Set 50 DW ทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนที่ระดับ 1,400 จุด มีการปรับตัวขึ้นและลดลงในบริเวณนี้หลายรอบ ทำให้นักลงทุนที่จับจังหวะเป็นเข้ามาลงทุนผ่านDW ดังกล่าว เพราะ Set 50 DW คาดการณ์การขึ้นลงได้ง่ายนกว่าหุ้นรายตัว เนื่องจากเป็นDW ที่อ้างอิงกับภาพรวมตลาดเหมือนดัชนีตลาดหุ้น”
จุดเด่นที่สำคัญของ บล.แมคควอรี ในตลาดDW ที่ประสบความสำเร็จอีกประการ คือการเป็นมาร์เกตเมคเกอร์ ที่เปิดรับการซื้อขายจากลูกค้าหรือนักลงทุนจากทุกโบรกเกอร์ อีกทั้งด้วยประสบการของบริษัทในตลาดประเทศอื่นๆ ทำให้โควต้าหรือปริมาณเสนอซื้อ/ขายของบริษัท มีจำนวนที่สูงกว่ารายอื่น ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนเข้า/ออกในDW ของบริษัทได้สะดวก
“DW เป็นอีกสินค้าที่สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ผ่านคำสั่ง Call และ Put จึงกลายเป็นอีกเครื่องมือในการวางกลยุทธ์ลงทุนของนักลงทุนที่ต้องการมากกว่าการเข้าลงทุนหุ้นทั่วไป ที่นิยมแค่ซื้อในราคาที่ต่ำเพื่อไปขายในราคาที่สูง ในเร็วๆนี้เราจะมีสินค้า DW ใหม่ออกมาเพิ่มเติมให้กับนักลงทุนอีก”
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มข้อมูลในการตัดสินใจให้กับนักลงทุย บล.แมคควอรี ได้มีการพัฒนาเวปไซต์ของบริษัท ในส่วนของDW เพื่อให้ใกล้เคียงกับที่ให้บริการในต่างประเทศ ด้วยการเพิ่มประเมินราคาล่วงหน้า 5 วันของDW ไว้บริการนักลงทุนประกอบการตัดสินใจด้วย ซึ่งเชื่อว่าบริการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และทำให้ปริมาณการซื้อขาย DW ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต ไม่ควรที่จะละเลย หรือมองข้ามการใช้ DW เข้ามาเป็นอีกกลยุทธ์ในการสร้างผลตอบแทนการลงทุน ส่วนจะมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาและทำความเข้าใจในสินค้าประเภทนี้ให้ละเอียดเสียก่อนด้วย”
“ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า การลงทุนในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants) หรือเรียกสั้นๆ ว่า DW ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปริมาณการซื้อขายที่เติบโตขึ้นอย่างมาก”
สำหรับ DW เป็นตราสารที่ผู้ออกให้สิทธิกับผู้ถือในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคา และเวลาที่กำหนด โดยเมื่อเปรียบเทียบกับใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) ข้อดีของ DW คือ ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการซื้อขาย DW สูงกว่าการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน ถ้าเป็นผลขาดทุน การซื้อขาย DW จะมีอัตราการขาดทุนที่สูงกว่าการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรงเช่นกัน ซึ่งผลขาดทุนสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ลงทุนมีจำนวนจำกัดเท่ากับจำนวนเงินที่ผู้ลงทุนจ่ายไปเพื่อซื้อ DW
“ASTV ผู้จัดการรายวัน” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “นพดล ดวงเนตรทิพย์ กรรมการบริษัท และผู้จัดการอาวุโส (หัวหน้าแผนกธุรกิจตราสารอนุพันธ์) บล.แมคควอรี (ประเทศไทย)” ในเรื่องดังกล่าว โดย บล.แมคควอรี่ เชื่อว่ากล่าวว่า การลงทุนใน DW ในปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง แม้จะไม่รวดเร็วเหมือนปีที่ผ่านมาซึ่ง เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี2555 กว่า 3 เท่าตัวก็ตาม
“ต้องบอกว่า DW ก็เป็นไปตามภาวะตลาด ตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา เรามีปัจจัยลบจากสถานการณ์การเมืองในประเทศเข้ามากดดัน แต่ตอนนี้คลี่คลายลงแล้ว ให้เชื่อว่าปริมาณการลงทุนในDW จะใกล้เคียงกับปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 2.5% จากวอลุ่มตลาดทั้งหมด”
ในภาพรวมของตลาดDW ในไทย ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์ให้บริการสินค้าดังกล่าวแก่นักลงทุนประมาณ 13 ราย จากทั้งหมด 30 กว่าราย ซึ่งหัวหน้าแผนกธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.แมคควอรี ให้ความเห็นถึงสาเหตุการเติบโตของสินค้า DW ว่า ปัจจัยสำคัญ เกิดจากการเร่งประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้ถึงเครื่องมือลงทุนประเภทนี้ของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งรวมถึง บล.แมคคอวรี ด้วย และส่วนตัวมองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ จนทำให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนในตลาดนี้เพิ่มขึ้น
นพดล กล่าวถึงการก้าวเข้ามาทำตลาด DW ในไทยของ บล.แมคควอรี่ ว่า บริษัทเริ่มให้บริการสินค้าดังกล่าวแก่นักลงทุนตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 โดยในปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่บล.แมคควอรีให้บริการDW เต็มทั้งปีครั้งแรกพบว่า มีวอลุ่มการซื้อขายDW ประมาณอันดับ 2
“จุดหนึ่งที่DW ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นั้นมาจากการให้ความรู้ความเข้าใจต่อการลงทุนประเภทนี้แก่นักลงทุน โดยบริษัทมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เช่นการจัดการแข่งขัน โครงการ "Macquarie DWStar 2013" มูลค่ารางวัล 7 แสนบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนและผู้ที่สนใจ”
สำหรับในปี 2557 บล.แมคคอวรี ตั้งเป้าจะทยอยออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ต่อเนื่อง โดยปี 2557 ตั้งเป้าออกและเสนอขาย DW เพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 2556 ที่ออก DW ทั้งสิ้น 300 ตัว เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่ออกและเสนอขาย DW ที่ 700 ตัว
“เรามีความพร้อมในรอบด้าน อีกทั้งบริษัทจะเน้นให้คำแนะนำกับกลุ่มลูกค้าร่วมถึงมีบทบาทในการร่วมพัฒนาตลาด DW ต่อไป เนื่องจากเล็งเห็นว่าในประเทศไทยตลาด DW ยังเติบโตได้อีกมาก ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2557 ถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีวอลุ่มเทรด DW ประมาณ 2.5-3% ของวอลุ่มทั้งตลาด จากทั้งปี 2556 ที่ 3.5% ของวอลุ่มทั้งตลาด เมื่อเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกงที่อยู่ 25-30% ของวอลุ่มทั้งตลาดแล้ว เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตยังมีอยู่ในระดับสูงโดยภายใน 5 ปีข้างหน้า ตลาด DW ในประเทศไทยจะมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 6-8% ของวอลุ่มทั้งตลาด”
ทั้งนี้ แมคควอรีมีความชำนาญและประสบการณ์ในการออกและเสนอขาย DW ที่อ้างอิงดัชนีหลักทรัพย์มาแล้วในตลาดทุนชั้นนำในภูมิภาค 4 แห่งในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา และเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทเปิดให้บริการเทรด SET50 DW จำนวน 4 รุ่น เพิ่มเติมจากDW หุ้นรายตัวที่ให้บริการอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
“เราเชื่อว่า DW ที่อ้างอิงดัชนี Set 50 จะได้รับความนิยมกว่าหุ้นรายตัว หรือสินค้าDW ก่อนหน้าที่มีอยู่ในตลาด และจากที่เราเปิดให้บริการสินค้าใหม่นี้มา 1 เดือน พบว่า Set 50 DW ทั้ง 4 ตัว มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยเกิน 50 ล้านหน่วย/วัน เหลือเกินกว่า50%ของ Set 50 DW ทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนที่ระดับ 1,400 จุด มีการปรับตัวขึ้นและลดลงในบริเวณนี้หลายรอบ ทำให้นักลงทุนที่จับจังหวะเป็นเข้ามาลงทุนผ่านDW ดังกล่าว เพราะ Set 50 DW คาดการณ์การขึ้นลงได้ง่ายนกว่าหุ้นรายตัว เนื่องจากเป็นDW ที่อ้างอิงกับภาพรวมตลาดเหมือนดัชนีตลาดหุ้น”
จุดเด่นที่สำคัญของ บล.แมคควอรี ในตลาดDW ที่ประสบความสำเร็จอีกประการ คือการเป็นมาร์เกตเมคเกอร์ ที่เปิดรับการซื้อขายจากลูกค้าหรือนักลงทุนจากทุกโบรกเกอร์ อีกทั้งด้วยประสบการของบริษัทในตลาดประเทศอื่นๆ ทำให้โควต้าหรือปริมาณเสนอซื้อ/ขายของบริษัท มีจำนวนที่สูงกว่ารายอื่น ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนเข้า/ออกในDW ของบริษัทได้สะดวก
“DW เป็นอีกสินค้าที่สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ผ่านคำสั่ง Call และ Put จึงกลายเป็นอีกเครื่องมือในการวางกลยุทธ์ลงทุนของนักลงทุนที่ต้องการมากกว่าการเข้าลงทุนหุ้นทั่วไป ที่นิยมแค่ซื้อในราคาที่ต่ำเพื่อไปขายในราคาที่สูง ในเร็วๆนี้เราจะมีสินค้า DW ใหม่ออกมาเพิ่มเติมให้กับนักลงทุนอีก”
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มข้อมูลในการตัดสินใจให้กับนักลงทุย บล.แมคควอรี ได้มีการพัฒนาเวปไซต์ของบริษัท ในส่วนของDW เพื่อให้ใกล้เคียงกับที่ให้บริการในต่างประเทศ ด้วยการเพิ่มประเมินราคาล่วงหน้า 5 วันของDW ไว้บริการนักลงทุนประกอบการตัดสินใจด้วย ซึ่งเชื่อว่าบริการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และทำให้ปริมาณการซื้อขาย DW ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต ไม่ควรที่จะละเลย หรือมองข้ามการใช้ DW เข้ามาเป็นอีกกลยุทธ์ในการสร้างผลตอบแทนการลงทุน ส่วนจะมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาและทำความเข้าใจในสินค้าประเภทนี้ให้ละเอียดเสียก่อนด้วย”