การสร้างความปรองดองเพื่อความสมานฉันท์อย่างยั่งยืนกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น แกนนำคนเสื้อแดงและคนเสื้อเหลืองในหลายจังหวัดออกมาจับไม้จับมือทำกิจกรรมร่วมกัน แต่แผนการละลายสีเสื้อ ลืมเรื่องในอดีต และนำความสุขคืนสู่สังคมจะสำเร็จลุล่วงได้หรือไม่ ยังต้องรอติดตามชมกันต่อไป
ต้องขอชื่นชมแกนนำคนเสื้อเหลืองหรือแกนนำ กปปส.ในหลายจังหวัด ขอยกย่องน้ำใจอันประเสริฐ ในการให้ความร่วมมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยยอมจับไม้จับมือปรองดองกับแกนนำเสื้อแดง
เพราะก่อนหน้าที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจ คนเสื้อเหลือง กลุ่ม กปปส.ถูกกระทำ ถูกคุกคามข่มขู่ ถูกรุมทำร้ายหรือลอบปองร้ายบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ความแตกแยกระหว่างประชาชนคนละสีเสื้อ ถ้าเกิดจากความคิดที่ขัดแย้งทางการเมืองเพียงประการเดียว และเป็นความคิดขัดแย้งที่พูดกันด้วยเหตุด้วยผล โดยต่างฝ่ายต่างเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ไม่มีการใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นอีกฝ่าย
การสร้างความปรองดองน่าจะบรรลุเป้าหมายโดยง่าย
แต่ทุกคนก็รู้ว่า ความแตกแยกในสังคมไม่ได้เกิดจากความคิดทางการเมืองที่แตกต่าง แต่เกิดจากการยั่วยุปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังกัน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ
ความพยายามของ คสช.ในการสลายความขัดแย้งในหมู่ประชาชน เป็นเจตนารมณ์ที่ดีมาก และไม่มีใครอยากชักใบให้เรือเสีย
แต่สิ่งที่กังวลกันคือ การนำแกนนำคนเสื้อแดงและคนเสื้อเหลืองมาละลายพฤติกรรมทางการเมือง ทิ้งความทรงจำที่เลวร้ายในอดีต จะนำไปสู่ความสมานฉันท์อย่างยั่งยืนได้แน่หรือ
แกนนำคนเสื้อแดงจะไม่กลับไปก่อพฤติกรรมเดิมๆ ไม่ทำตัวเป็นอันธพาลคุกคามประชาชนกลุ่มอื่นอีกหรือ
เมื่ออำนาจของ คสช.หมดไป และกลับสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่
มีหลักประกันอะไรหรือไม่ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล เมื่อระบอบทักษิณกลับมาใหม่ คนเสื้อแดงในพื้นที่ทั่วประเทศ จะไม่กลับไปก่อความวุ่นวายอีก
การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ประชาชนมีความคาดหวังว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นำโดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะนำสังคมกลับสู่ความสงบสุข แต่ทุกคนต้องผิดหวัง
เพราะไม่มีปัญหาใดเลยที่ได้รับการแก้ไข
รัฐประการ 19 กันยายน 2549 จึง “เสียของ” และทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แค่พักยกบทบาททางการเมืองชั่วคราวเท่านั้น
รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะไม่กล้าใช้ความเด็ดขาดในการแก้ปัญหา ทั้งที่มีอำนาจอยู่เต็มมือ
การก่อจลาจลในเหตุการณ์สงกรานต์เลือด เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2552 ของคนเสื้อแดง มีปฏิบัติการไล่ฆ่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลางเมือง แต่ไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเอาผิดกับแกนนำคนเสื้อแดงที่ยุยงปลุกระดมการสร้างความรุนแรงอย่างจริงจังจนเกิดความเหิมเกริม
และนำไปสู่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
ฐานะคนไทยด้วยกันสามารถให้อภัยกันได้ โดยเฉพาะคนที่สำนึกผิด และคนที่หลงผิด แต่สำหรับคนที่รู้ผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ยังกระทำความผิด และทำผิดซ้ำซากเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ควรหรือที่จะได้รับการอภัยอีก
และการให้อภัยจะทำให้คนที่ยอมเป็นขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความสำนึกหรือ
แม้จะมีเสียงเชียร์ คสช.อยู่ไม่น้อย แต่ก็มีความห่วงใยอยู่ด้วยเหมือนกัน กลัวว่าจะแก้ปัญหาแบบครึ่งๆ กลางๆ กลัวจะเดินไปไม่สุดซอย
การคืนความสุขให้สังคมอย่างยั่งยืนได้ จะต้องทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์การเป็นนิติรัฐอย่างแท้จริง
คนที่ทำผิดกฎหมายจะต้องถูกลงโทษ ผิดต้องว่าไปตามผิด ไม่ใช่ผิดว่าไปตามถูก หรือถูกว่าไปตามผิดเหมือนช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ข้าราชการที่ยอมเป็นขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจที่แสดงตัวเป็นทาสรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเลือกปฏิบัติ จนบ้านเมืองเหมือนไร้ขื่อแปร นักการเมืองและแกนนำคนเสื้อแดงที่ยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน คนเหล่านี้ร่วมสมคบคิดทำลายชาติทั้งสิ้น
คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว และทำให้สังคมเกิดความวุ่นวายไปแทบจะทุกหย่อมหญ้า ควรได้รับการอภัยหรือ และการละเลยต่อความผิด จะทำให้คนเหล่านี้สำนึกผิดหรือไม่
ตัวละครที่แสดงบทเป็นผู้ร้ายรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นตัวละครเดิม ก่อความผิดซ้ำซาก พฤติกรรมไม่เคยเปลี่ยน เพราะเมื่อทำผิดแล้วไม่ถูกลงโทษ
ช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจ ตัวละครร้ายเหล่านี้กร่างเต็มที่ สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายอย่างไรไม่ต้องกลัวกฎหมาย เพราะได้รับการคุ้มครองจากอำนาจรัฐ
แกนนำคนเสื้อแดงที่ออกมาสร้างภาพจับไม้จับมือสลายสีเสื้อ แกนนำ นปช.บางคนที่ประกาศจะยุติบทบาทความเคลื่อนไหวทางการเมือง ข้าราชการที่เป็นขี้ข้ารับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งกลายเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัว เชื่อได้อย่างไรว่า ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณกลับมามีอำนาจอีก จะไม่กลับไปก่อพฤติกรรมเลวๆ อีก
เป้าหมายการสร้างความปรองดองเพื่อความสมานฉันท์อย่างยั่งยืน ไม่มีข้อที่จะตำหนิ แต่สิ่งที่ต้องติงๆ บ้างคือ อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวล
อย่าละเว้นโทษตำรวจ ข้าราชการ นักการเมือง และแกนนำคนเสื้อแดงที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับประชาชน อย่าปล่อยเชื้อชั่วร้ายของระบอบทักษิณ โดยไม่ทำลายให้สิ้นซาก
ถ้าไม่ขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ ความสุขที่คืนสู่สังคมจะเป็นเพียงความสุขชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น คำสรรเสริญยกย่อง คสช.ในวันนี้ จะกลายเป็นเสียงประณามในวันหลัง เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณคืนชีพอีกครั้ง
ต้องขอชื่นชมแกนนำคนเสื้อเหลืองหรือแกนนำ กปปส.ในหลายจังหวัด ขอยกย่องน้ำใจอันประเสริฐ ในการให้ความร่วมมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยยอมจับไม้จับมือปรองดองกับแกนนำเสื้อแดง
เพราะก่อนหน้าที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจ คนเสื้อเหลือง กลุ่ม กปปส.ถูกกระทำ ถูกคุกคามข่มขู่ ถูกรุมทำร้ายหรือลอบปองร้ายบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ความแตกแยกระหว่างประชาชนคนละสีเสื้อ ถ้าเกิดจากความคิดที่ขัดแย้งทางการเมืองเพียงประการเดียว และเป็นความคิดขัดแย้งที่พูดกันด้วยเหตุด้วยผล โดยต่างฝ่ายต่างเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ไม่มีการใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นอีกฝ่าย
การสร้างความปรองดองน่าจะบรรลุเป้าหมายโดยง่าย
แต่ทุกคนก็รู้ว่า ความแตกแยกในสังคมไม่ได้เกิดจากความคิดทางการเมืองที่แตกต่าง แต่เกิดจากการยั่วยุปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังกัน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ
ความพยายามของ คสช.ในการสลายความขัดแย้งในหมู่ประชาชน เป็นเจตนารมณ์ที่ดีมาก และไม่มีใครอยากชักใบให้เรือเสีย
แต่สิ่งที่กังวลกันคือ การนำแกนนำคนเสื้อแดงและคนเสื้อเหลืองมาละลายพฤติกรรมทางการเมือง ทิ้งความทรงจำที่เลวร้ายในอดีต จะนำไปสู่ความสมานฉันท์อย่างยั่งยืนได้แน่หรือ
แกนนำคนเสื้อแดงจะไม่กลับไปก่อพฤติกรรมเดิมๆ ไม่ทำตัวเป็นอันธพาลคุกคามประชาชนกลุ่มอื่นอีกหรือ
เมื่ออำนาจของ คสช.หมดไป และกลับสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่
มีหลักประกันอะไรหรือไม่ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล เมื่อระบอบทักษิณกลับมาใหม่ คนเสื้อแดงในพื้นที่ทั่วประเทศ จะไม่กลับไปก่อความวุ่นวายอีก
การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ประชาชนมีความคาดหวังว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นำโดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะนำสังคมกลับสู่ความสงบสุข แต่ทุกคนต้องผิดหวัง
เพราะไม่มีปัญหาใดเลยที่ได้รับการแก้ไข
รัฐประการ 19 กันยายน 2549 จึง “เสียของ” และทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แค่พักยกบทบาททางการเมืองชั่วคราวเท่านั้น
รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะไม่กล้าใช้ความเด็ดขาดในการแก้ปัญหา ทั้งที่มีอำนาจอยู่เต็มมือ
การก่อจลาจลในเหตุการณ์สงกรานต์เลือด เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2552 ของคนเสื้อแดง มีปฏิบัติการไล่ฆ่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลางเมือง แต่ไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเอาผิดกับแกนนำคนเสื้อแดงที่ยุยงปลุกระดมการสร้างความรุนแรงอย่างจริงจังจนเกิดความเหิมเกริม
และนำไปสู่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
ฐานะคนไทยด้วยกันสามารถให้อภัยกันได้ โดยเฉพาะคนที่สำนึกผิด และคนที่หลงผิด แต่สำหรับคนที่รู้ผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ยังกระทำความผิด และทำผิดซ้ำซากเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ควรหรือที่จะได้รับการอภัยอีก
และการให้อภัยจะทำให้คนที่ยอมเป็นขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความสำนึกหรือ
แม้จะมีเสียงเชียร์ คสช.อยู่ไม่น้อย แต่ก็มีความห่วงใยอยู่ด้วยเหมือนกัน กลัวว่าจะแก้ปัญหาแบบครึ่งๆ กลางๆ กลัวจะเดินไปไม่สุดซอย
การคืนความสุขให้สังคมอย่างยั่งยืนได้ จะต้องทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์การเป็นนิติรัฐอย่างแท้จริง
คนที่ทำผิดกฎหมายจะต้องถูกลงโทษ ผิดต้องว่าไปตามผิด ไม่ใช่ผิดว่าไปตามถูก หรือถูกว่าไปตามผิดเหมือนช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ข้าราชการที่ยอมเป็นขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจที่แสดงตัวเป็นทาสรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเลือกปฏิบัติ จนบ้านเมืองเหมือนไร้ขื่อแปร นักการเมืองและแกนนำคนเสื้อแดงที่ยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน คนเหล่านี้ร่วมสมคบคิดทำลายชาติทั้งสิ้น
คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว และทำให้สังคมเกิดความวุ่นวายไปแทบจะทุกหย่อมหญ้า ควรได้รับการอภัยหรือ และการละเลยต่อความผิด จะทำให้คนเหล่านี้สำนึกผิดหรือไม่
ตัวละครที่แสดงบทเป็นผู้ร้ายรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นตัวละครเดิม ก่อความผิดซ้ำซาก พฤติกรรมไม่เคยเปลี่ยน เพราะเมื่อทำผิดแล้วไม่ถูกลงโทษ
ช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจ ตัวละครร้ายเหล่านี้กร่างเต็มที่ สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายอย่างไรไม่ต้องกลัวกฎหมาย เพราะได้รับการคุ้มครองจากอำนาจรัฐ
แกนนำคนเสื้อแดงที่ออกมาสร้างภาพจับไม้จับมือสลายสีเสื้อ แกนนำ นปช.บางคนที่ประกาศจะยุติบทบาทความเคลื่อนไหวทางการเมือง ข้าราชการที่เป็นขี้ข้ารับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งกลายเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัว เชื่อได้อย่างไรว่า ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณกลับมามีอำนาจอีก จะไม่กลับไปก่อพฤติกรรมเลวๆ อีก
เป้าหมายการสร้างความปรองดองเพื่อความสมานฉันท์อย่างยั่งยืน ไม่มีข้อที่จะตำหนิ แต่สิ่งที่ต้องติงๆ บ้างคือ อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวล
อย่าละเว้นโทษตำรวจ ข้าราชการ นักการเมือง และแกนนำคนเสื้อแดงที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับประชาชน อย่าปล่อยเชื้อชั่วร้ายของระบอบทักษิณ โดยไม่ทำลายให้สิ้นซาก
ถ้าไม่ขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ ความสุขที่คืนสู่สังคมจะเป็นเพียงความสุขชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น คำสรรเสริญยกย่อง คสช.ในวันนี้ จะกลายเป็นเสียงประณามในวันหลัง เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณคืนชีพอีกครั้ง