00 การเรียกประชุมคณะ คสช.ชุดใหญ่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อสรุปแผนงานต่างๆ หลังมีการประชุมกลุ่มย่อยทุกภาคส่วนเมื่อสัปดาห์ก่อน ถือว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะหลังจากนี้ก็จะเป็นช่วงของการขับเคลื่อนที่แท้จริง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ "เรื่องปากท้อง" ค่าครองชีพ ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นตัวบ่งชี้อนาคตของ คสช. รวมทั้ง "กัปตัน"อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย ต้องยอมรับกันว่า รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สร้างปัญหาเรื่องค่าครองชีพสูงพรวด รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจากการเพิ่มค่าแรงวันละ 300 บาท แม้ดูเผินๆ จะทำให้รายได้ของผู้ใช้แรงงานเพิ่มขึ้นทันที แตกลับกลายเป็นว่า ต้นทุนพุ่งหลายเท่า ธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจในครอบครัวอยู่ลำบาก ที่สำคัญมันทำให้ราคาสินค้าทุกชนิด แพงหูฉี่ หนี้สินครัวเรือนมีแต่สูงปรี๊ด
00 ขณะเดียวกัน เมื่อหันมามองราคาสินค้าเกษตร ทั้งสินค้าหลัก หรือไม่หลัก ทุกรายการราคาตกต่ำหมด เกษตรกรไม่มีเงินจับจ่าย ดังนั้นกว่าสองปีที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย ภายใต้การอุปถัมภ์ของ ทักษิณ ชินวัตร มันถึงทำให้คนไทยตาสว่างเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมเมื่อตอนที่ คสช. ยึดอำนาจ จึงมีแรงต้านน้อยผิดปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ คมช. ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจ เมื่อ ปี 49 แต่คราวนี้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจจะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัด ที่จะทำให้ คสช. อยู่หรือไป ซึ่งน่าจะเห็นแนวโน้มภายใน "หนึ่งเดือน" เท่านั้น
00 แน่นอนว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนมันสั้นเกินไป ยังทำอะไรให้เกิดผลไม่ได้ แต่ความหมายก็คือ แค่หนึ่งเดือน แม้ว่าจะไม่อาจเห็นความสำเร็จหรือที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้คำว่า "ผลสำฤทธิ์" แต่เวลาเพียงแค่นี้มันต้อง"เห็นแนวโน้ม" แล้วว่า "เข้าท่า" หรือเปล่า มีทิศทางในทางบวกหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาเราได้เห็นการเริ่มต้นที่ดีมาแล้ว จากการเร่งจ่ายเงินจำนำข้าว การรีบกลับลำตรึงราคาก๊าชภาคครัวเรือนในราคาเดิมเอาไว้ก่อน ถือว่า ยังไม่พลาด ส่วนในภาพรวมเร่งกระตุ้นจ่ายเงินงบประมาณปี 57 ที่ค้างท่ออยู่ การเร่งทำงบประมาณปี 58 ให้ทันเวลาในเดือนตุลาคม ก็ต้องยอมรับว่า เรื่องแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำการบ้านมาดีใช้ได้
00 ต้องย้ำกันทุกวันว่า "การปฏิรูปพลังงาน" เป็นหัวใจสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะชี้ให้เห็นว่า "ของจริง" หรือเปล่า ต้องถกเถียงให้ได้ผลสรุปที่ชัดเจน และโปร่งใส ให้ได้ว่าใครจริง ใครโกหก และใครขูดรีดคนไทย หาประโยชน์จากความเดือดร้อนเจ็บปวดมานาน เพราะเรื่องพลังงาน คือต้นทุนหลัก หากปลดล็อกลงได้ เชื่อว่าจะฉลุย แม้จะรู้ว่าเรื่องใหญ่ แต่ถ้าคสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำ หรือทำไม่ได้แล้ว ชาตินี้คงไม่มีใครทำได้อีกแล้ว เพราะถือว่าตอนนี้มีโอกาสพร้อมทุกด้านแล้ว ไหนๆ ก็ถูกพวกมหาอำนาจตะวันตกมันรวมหัวกันบีบ "บอยคอต" แล้วก็ลอง"บีบหัวใจ" ของพวกมันกลับไปบ้าง ลองดูสิว่าไอ้ฝรั่งพวกนี้มันจะกระอักเลือดตายหรือเปล่า !!
00 ข้อสังเกตอีกเรื่องหนึ่งที่เชื่อว่าหากดำเนินการอย่างจริงจังแล้วละก็ จะได้รับเสียงปรบมือจากชาวบ้านอย่างล้นหลาม และจะอยู่ในใจทุกคนให้จดจำก็คือเรื่อง "ปราบปรามยาเสพติด" ถ้าลุยล้างให้เหี้ยนไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร กระชากหน้ากากพวกนักการเมือง ข้าราชการที่หนุนหลังค้ายา หากินกับส่วย กำหราบอิทธิพล ลุยให้ราบ รับรองเห็นผลแน่ ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ก็สร้างผลงานแบบนี้แหละ แต่ของมัน "สร้างกระแส" ปราบแต่พวกฝ่ายตรงข้าม หรือนายทุนคู่แข่ง แถมยังถือโอกาสทำลายกลุ่มการเมืองอีกขั้ว หรือบีบให้สยบยอม แต่ผลที่กลับมาได้หลายเด้ง ที่สำคัญชาวบ้านที่มองปัญหาแบบฉาบฉวย ก็ยังชื่นชม เพราะถือว่ายาเสพติดนี่มันทำลายลูกหลานเขา ดังนั้น คมช. ต้องใช้เรื่องนี้ทำแบบรวดเร็วหนักหน่วง รับรองเรตติ้ง กระฉูดแน่ !!
00 จะด้วยเป็นเพราะภาระหน้าที่ต้องทำหรือเปล่ายังไม่อาจคาดเดาได้ในเวลานี้ แต่สำหรับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ถือว่าโดดเด่น น่าจับตา เป็นรองเพียงแค่พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น เพราะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน ที่ทำมาหลายเรื่องถือว่า โอเค ที่เห็นชัดก็คือการเบรกขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือน แม้จะกลับลำก็ตาม แต่นั่นก็หมายความว่า ได้ชั่งใจหลังจากประเมินผลเสียมากกว่า เพราะไหนๆ ยังไม่มีผลการปรับโครงสร้างพลังงานออกมาอย่างถาวร ก็ไม่สมควรสร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านมากไปกว่านี้ เจ๋งว่ะ !!
00 ขณะเดียวกัน เมื่อหันมามองราคาสินค้าเกษตร ทั้งสินค้าหลัก หรือไม่หลัก ทุกรายการราคาตกต่ำหมด เกษตรกรไม่มีเงินจับจ่าย ดังนั้นกว่าสองปีที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย ภายใต้การอุปถัมภ์ของ ทักษิณ ชินวัตร มันถึงทำให้คนไทยตาสว่างเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมเมื่อตอนที่ คสช. ยึดอำนาจ จึงมีแรงต้านน้อยผิดปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ คมช. ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจ เมื่อ ปี 49 แต่คราวนี้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจจะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัด ที่จะทำให้ คสช. อยู่หรือไป ซึ่งน่าจะเห็นแนวโน้มภายใน "หนึ่งเดือน" เท่านั้น
00 แน่นอนว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนมันสั้นเกินไป ยังทำอะไรให้เกิดผลไม่ได้ แต่ความหมายก็คือ แค่หนึ่งเดือน แม้ว่าจะไม่อาจเห็นความสำเร็จหรือที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้คำว่า "ผลสำฤทธิ์" แต่เวลาเพียงแค่นี้มันต้อง"เห็นแนวโน้ม" แล้วว่า "เข้าท่า" หรือเปล่า มีทิศทางในทางบวกหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาเราได้เห็นการเริ่มต้นที่ดีมาแล้ว จากการเร่งจ่ายเงินจำนำข้าว การรีบกลับลำตรึงราคาก๊าชภาคครัวเรือนในราคาเดิมเอาไว้ก่อน ถือว่า ยังไม่พลาด ส่วนในภาพรวมเร่งกระตุ้นจ่ายเงินงบประมาณปี 57 ที่ค้างท่ออยู่ การเร่งทำงบประมาณปี 58 ให้ทันเวลาในเดือนตุลาคม ก็ต้องยอมรับว่า เรื่องแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำการบ้านมาดีใช้ได้
00 ต้องย้ำกันทุกวันว่า "การปฏิรูปพลังงาน" เป็นหัวใจสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะชี้ให้เห็นว่า "ของจริง" หรือเปล่า ต้องถกเถียงให้ได้ผลสรุปที่ชัดเจน และโปร่งใส ให้ได้ว่าใครจริง ใครโกหก และใครขูดรีดคนไทย หาประโยชน์จากความเดือดร้อนเจ็บปวดมานาน เพราะเรื่องพลังงาน คือต้นทุนหลัก หากปลดล็อกลงได้ เชื่อว่าจะฉลุย แม้จะรู้ว่าเรื่องใหญ่ แต่ถ้าคสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำ หรือทำไม่ได้แล้ว ชาตินี้คงไม่มีใครทำได้อีกแล้ว เพราะถือว่าตอนนี้มีโอกาสพร้อมทุกด้านแล้ว ไหนๆ ก็ถูกพวกมหาอำนาจตะวันตกมันรวมหัวกันบีบ "บอยคอต" แล้วก็ลอง"บีบหัวใจ" ของพวกมันกลับไปบ้าง ลองดูสิว่าไอ้ฝรั่งพวกนี้มันจะกระอักเลือดตายหรือเปล่า !!
00 ข้อสังเกตอีกเรื่องหนึ่งที่เชื่อว่าหากดำเนินการอย่างจริงจังแล้วละก็ จะได้รับเสียงปรบมือจากชาวบ้านอย่างล้นหลาม และจะอยู่ในใจทุกคนให้จดจำก็คือเรื่อง "ปราบปรามยาเสพติด" ถ้าลุยล้างให้เหี้ยนไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร กระชากหน้ากากพวกนักการเมือง ข้าราชการที่หนุนหลังค้ายา หากินกับส่วย กำหราบอิทธิพล ลุยให้ราบ รับรองเห็นผลแน่ ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ก็สร้างผลงานแบบนี้แหละ แต่ของมัน "สร้างกระแส" ปราบแต่พวกฝ่ายตรงข้าม หรือนายทุนคู่แข่ง แถมยังถือโอกาสทำลายกลุ่มการเมืองอีกขั้ว หรือบีบให้สยบยอม แต่ผลที่กลับมาได้หลายเด้ง ที่สำคัญชาวบ้านที่มองปัญหาแบบฉาบฉวย ก็ยังชื่นชม เพราะถือว่ายาเสพติดนี่มันทำลายลูกหลานเขา ดังนั้น คมช. ต้องใช้เรื่องนี้ทำแบบรวดเร็วหนักหน่วง รับรองเรตติ้ง กระฉูดแน่ !!
00 จะด้วยเป็นเพราะภาระหน้าที่ต้องทำหรือเปล่ายังไม่อาจคาดเดาได้ในเวลานี้ แต่สำหรับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ถือว่าโดดเด่น น่าจับตา เป็นรองเพียงแค่พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น เพราะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน ที่ทำมาหลายเรื่องถือว่า โอเค ที่เห็นชัดก็คือการเบรกขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือน แม้จะกลับลำก็ตาม แต่นั่นก็หมายความว่า ได้ชั่งใจหลังจากประเมินผลเสียมากกว่า เพราะไหนๆ ยังไม่มีผลการปรับโครงสร้างพลังงานออกมาอย่างถาวร ก็ไม่สมควรสร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านมากไปกว่านี้ เจ๋งว่ะ !!