สน.พระอาทิตย์
ไม่เกินความคาดหมายแต่ก็เร็วเกินคาดการณ์ คำสั่งเด้งพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พ้นเก้าอี้ “ผู้นำสีกากี” ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 24 พ.ค.2557 ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีและให้พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร. รักษาการแทน ผบ.ตร.
แม้ตั้งแต่เริ่มการประกาศใช้กฎอัยการศึก ตามมาด้วยรัฐประหาร ยึดอำนาจบริหารประเทศ ของกองทัพภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)จนถึงการจัดตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะมีชื่อพล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะผบ.ตร. ผู้นำทัพตำรวจ ร่วมวง ผบ.เหล่าทัพจากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศทุกขั้นทุกตอน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “รองหัวหน้า คสช.”
แต่หากพิจารณาจากท่าทีต่างๆแล้วดูเหมือนว่าการนำพล.ต.อ.อดุลย์เข้าร่วมวงคสช.ครั้งนี้ เป็นภาวะจำใจมากกว่าความตั้งใจของกองทัพ เพราะการเชิญพล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะผู้นำทัพตำรวจ 1 ใน 4หน่วยงานความมั่นคงที่มีกำลังกว่า 2 แสนนาย ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของหน่วยงานความมั่นคงหลักของประเทศ
เพราะถ้าย้อนดูพฤติกรรม ทัพตำรวจตลอดหลายเดือนที่มีการชุมนุมทางการเมืองมีกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในด้านการอำนวยความยุติธรรม โดยเฉพาะต่อกลุ่มตรงข้ามรัฐบาล
เพราะหลายๆคดีที่เกิดขึ้นกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นคดีระเบิด คดียิงแกนนำ คดียิงเอ็ม 79ไม่มีความคืบหน้าหรือจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แม้แต่รายเดียว
ยิ่งช่วงที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงเรียบร้อย(ศอ.รส.)ภายใต้การกุมบังเหียน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหัวเรือใหญ่วางอำนาจบาตรใหญ่ถึงขั้นขู่ศาลรัฐธรรมนูญ ขู่ป.ป.ช.ฝ่ายทหารแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าแถลงข่าวของ ศอ.รส.นั้นไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายทหารเป็นการพิจารณาจากฝ่ายการเมือง แต่ตำรวจกลับนิ่งเฉยและเป็นเครื่องมือร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ให้ ศอ.รส.ดำเนินการกับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ถึงแม้พล.ต.อ.อดุลย์ จะไม่ได้ออกหน้าเองเพราะมอบหมายให้พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. ประสานการทำงานกับ ศอ.รส.แต่ตัวพล.ต.อ.อดุลย์ก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือแสดงความไม่เห็นด้วยต่อท่าทีวางอำนาจข่มขู่ศาลข่มขู่องค์กรอิสระครั้งนี้ ปฏิบัติตัวเหมือนเออออห่อหมกตามน้ำไปกับ ศอ.รส.
ทำให้เชื่อว่า หลังทุกอย่างเข้าร่องเข้ารอยแล้วด้วยท่าทีเอนเอียงฝ่ายการเมืองเช่นนี้ของ พล.ต.อ.อดุลย์ไม่น่ายืนหยัดอยู่บนเก้าอี้ผู้นำสีกากีต่อไปได้
ถ้าจำกันได้สมัยรัฐประหารปี 2549พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าทัพตำรวจโดยพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ครั้งนั้นก็ได้เข้าร่วมไปนั่งหน้าจอประกาศผ่านทีวีเหมือนภาพที่เห็นพล.ต.อ.อดุลย์นั่งร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพในครั้งนี้ซึ่งต่อมาเมื่อมีการตั้งรัฐบาลเชิญพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มีการออกคำสั่งให้พล.ต.อ.โกวิท ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์2550 หลังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร ปี 2549รวมทั้งมีท่าทีชัดเจนเลือกอยู่ข้างพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร โดยตั้งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทน
เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่พล.ต.อ.อดุลย์ก็ไม่ต่างอะไรกับพล.ต.อ.โกวิท เจ้านายเก่า ที่ต้องถูกไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือการเปลี่ยนแปลงในกรมปทุมวัน ภายหลังจากเด้งพล.ต.อ.อดุลย์ และส่งพล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รองผบ.ตร. หรือ “บิ๊กกุ้ย” มารักษาการ “ผบ.ตร.” ซึ่งตามสายสัมพันธ์แล้ว “บิ๊กกุ้ย” เคยเป็นอดีตนายเวรพล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจและเป็นตำรวจใกล้ชิดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. หนึ่งในบูรพาพยัคฆ์ พี่ใหญ่ของพล.อ.ประยุทธ์
รายการล้างบางตำรวจขั้วอำนาจเก่าเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการจัดบ้านเมืองของ คสช. จึงเกิดขึ้นทันที พล.ต.อ.วัชรพล ประเดิมเซ็นคำสั่งในฐานะรักษาการ ผบ.ตร.ให้ตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยขาดจากตำแหน่งเดิมทันที เบื้องต้น 8 ราย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติผบช.ภ.1 พล.ต.ท.กวีสุภานันท์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.อนุชัยเล็กบำรุง ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.สุเทพเดชรักษา ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.หาญพลนิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ภานุเกิดลาภผล ผบช.สตม.และพล.ต.ท.สฤษฎ์ชัยอเนกเวียง ผบช.สันติบาล
จากนั้นพล.ต.อ.วัชรพลเซ็นต์คำสั่งให้ตำรวจไปรักษาการตำแหน่งแทนทันที โดยพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดาผู้ช่วย ผบ.ตร. มารักษาการ ผบช.น. พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.มารักษาการ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.เดชณรงค์สุทธิชาญบัญชา ผบช.สำนักงบประมาณและการเงิน มารักษาการ ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง จเรตำรวจ(สบ.8) มารักษาการ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี จเรตำรวจ(สบ.8) มารักษาการ ผบช.สตม. พล.ต.ต.ศรีวราห์รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก. มารักษาการ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ศานิตย์มหถาวร รองผบช.ก.ตร. มารักษาการ ผบช.ภ.2 และพล.ต.ต.เรวัชกลิ่นเกสร รองจเรตำรวจ(สบ.7) มารักษาการผบช.สันติบาล
โดยเฉพาะตำรวจที่เข้ามารักษาการแทนตำรวจที่มีความสัมพันธ์กับขั้วการเมืองเก่าต่างก็ล้วนเป็นตำรวจที่ใกล้ชิดพล.ต.อ.พัชรวาท น้องชายพี่ป้อมแห่งบูรพาพยัคฆ์
นาทีนี้แวดวงสีกากีภายในกรมปทุมวัน เหล่าตำรวจขั้วอำนาจเก่าที่ทำงานถวายหัวต่างออกอาการหนาวๆร้อนๆเกิดการระส่ำกันเป็นแถว เพราะเชื่อว่าคงไม่เพียงแค่นายพล8 นายเท่านั้นที่ต้องโดนเด้งเข้ากรุระดับ “ผู้การฯ”หลายคน “ผู้กำกับ”จำนวนมากที่เป็นไม้เป็นมือทำงานให้ขั้วเก่า ก็ต้องโดนในเร็วๆนี้
เช่นเดียวกับตำรวจสายพล.ต.อ.วัชรพล และพล.ต.อ.พัชรวาทน่าจะได้กลับมาเฮกันอีกครั้ง.