xs
xsm
sm
md
lg

ปรองดองแบบสร้างดาวคนละดวง

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ตามแผนปฏิบัติการหรือโรดแมปขั้นที่หนึ่ง คือการสร้างความปรองดองภายในชาติ ซึ่งจะใช้เวลาราว 3 เดือน จากนั้นจะเป็นขั้นปฏิรูปประเทศไทย ใช้เวลาราว 1 ปี ต่อไปก็จะเป็นขั้นสุดท้ายคือการเลือกตั้งทั่วไป รวมความก็คือใช้เวลาราว 15 เดือน

ขณะนี้เวลาผ่านมาแล้วราวครึ่งเดือน จึงเหลือเวลาอีก 14 เดือนครึ่ง และเป็นช่วงเวลาของการสร้างความปรองดองภายในชาติ คนทั้งหลายจึงเฝ้าจับตาดูกันว่าการปรองดองจะสำเร็จดังปรารถนาหรือไม่ เพราะกรณีปัญหาในบ้านเมืองที่เป็นอยู่นั้นมันเป็นเรื่องปรองดองได้หรือไม่ได้ ยังมิได้มีการวินิจฉัย

จึงเป็นที่ห่วงใยกันเป็นนักหนาว่าถ้าการปรองดองเป็นแบบเอาข้าวผสมขี้คลุกเข้ากันแล้วแบ่งกันกินคนละครึ่ง เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้หรือไม่ อีกไม่นานเกินรอคงจะได้เห็นกัน

ในขณะที่การปฏิบัติการขั้นที่หนึ่งกำลังดำเนินไป ก็เกิดวาทกรรมขึ้นสามวาทกรรม ซึ่งทั้งสามวาทกรรมนี้ล้วนต้องการคำตอบเพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน และนี่ก็คือสถานการณ์ที่เป็นจริงของประเทศไทยในยามนี้และที่จะบ่งชี้อนาคตในอีก 14 เดือนครึ่งข้างหน้า

วาทกรรมแรกคือ การแถลงของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ว่าการยึดอำนาจครั้งนี้จะไม่เสียของเหมือนกับการยึดอำนาจปี 2549 ซึ่งสูญเปล่าและทำให้ระบอบทักษิณกลับคืนมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง จนบ้านเมืองจมอยู่ในวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุด หวุดหวิดจะสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน สิ้นกษัตริย์ เดชะบุญที่ทหารได้เข้ามายึดอำนาจได้ทันท่วงที

วาทกรรมที่สองคือ การบอกกล่าวเล่าขานกันของผู้คนในระบอบทักษิณว่า ในระยะนี้อย่าขัด อย่าขืน อย่าฝืนสถานการณ์ อีก 14 เดือนเศษก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

วาทกรรมที่สาม เป็นเสียงจากมวลมหาประชาชนที่เต็มไปด้วยความหวาดวิตกว่า อีก 14 เดือนครึ่งข้างหน้า บ้านเมืองจะเรืองรองร่มเย็นเป็นสุขดังที่ปรารถนา หรือว่าจะต้องออกมาขับไล่รัฐบาลหุ่นของระบอบทักษิณกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะยังมีกำลังวังชาออกมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันในวันนั้นอีกหรือไม่ เพียงไหน

สภาพดังกล่าวนั้นเป็นความจริงที่ใครมีหูก็ย่อมได้ยิน มีตาก็ย่อมได้เห็น มีประสาทสัมผัสก็สามารถสัมผัสได้ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกก็ตาม แต่ก็ต้องเชื่อมั่นด้วยว่า คสช. และกองทัพไทยก็ย่อมได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส เช่นเดียวกันนี้

เพราะการขับเคลื่อนต่างๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของผู้คนในระบอบทักษิณนั้นยังคึกคักและปกปิดซ่อนเร้น เฉพาะเท่าที่จับได้ไล่ทันก็มีการเรียกมารายงานตัวเป็นครั้งที่สองกันบ้างแล้ว และยังต้องปฏิบัติการป้องกันการสร้างสถานการณ์อันจะนำไปสู่ “ซีเรีย โมเดล” กันอย่างเข้มข้นด้วย

นอกจากนั้น ก็มีการตรวจพบถึงการเคลื่อนไหวอันเป็นเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนแล้วหลายประการ คือ

1. ใช้กลยุทธ์อ้อลู่ลม อย่าขัดอย่าขืน ลู่ตามลมไปเรื่อยๆ แสวงหาประโยชน์จาก คสช.ให้ได้มากที่สุด

2. ยื้อ ยึด ยุด รักษาเครือข่ายบุคลากรและผลประโยชน์ในทุกหน่วยงานและในทุกรัฐวิสาหกิจให้ได้มากที่สุดและนานที่สุด

3. เตรียมขยายการจัดตั้งเพื่อรับมือการเลือกตั้งในอีก 14 เดือนเศษข้างหน้า เช่น การตั้งมูลนิธิในจังหวัด อำเภอต่างๆ เพื่อช่วยเหลือการศึกษาเด็กและเยาวชน

4. ให้คนใน กกต.พยายามรักษาระบบการเลือกตั้ง และ กกต.จังหวัด กกต.เขตให้เหนียวแน่นที่สุด

5. สร้างความเชื่อมั่นแก่เครือข่ายและต่างประเทศว่าเมื่อมีการเลือกตั้งก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลเช่นเดิม สานต่องานเดิมเต็มที่

มาดูย้อนหลังไปก็น่าตกใจ เพราะขณะนี้การดำเนินกลยุทธ์ทั้ง 5 ประการ ได้ขับเคลื่อนไปอย่างน่าตื่นตระหนก แม้กระทั่งกลยุทธ์ในประการที่ 4 ก็ปรากฏรายงานข่าวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557 ว่า กกต.ได้เสนอให้ คสช.ออกประกาศไปเรียบร้อยแล้ว ให้ระบบการเลือกตั้งแบบเส็งเคร็งทั้งหมดดำรงอยู่และใช้ต่อไป รวมทั้งให้กลไกการเลือกตั้งทั้งหลายที่เคยดำเนินการให้ระบอบทักษิณเข้ามาครองแผ่นดินดำเนินงานต่อไปด้วย

และยังแถมให้อำนาจ กกต.มีอำนาจอนุมัติค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ใช้จ่ายเงินไปโดยผิดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมายได้ย้อนหลังอีกด้วย

แม้กระทั่งในชนบทก็เริ่มมีการจัดตั้งมูลนิธิช่วยเด็กนักเรียนและเยาวชนกันมากมายในหลายพื้นที่แล้ว

และเมื่อทอดสายตาไปในต่างประเทศ ก็จะพบจะเห็นผู้คนของระบอบทักษิณกำลังสร้างความพะว้าพะวังให้กับ คสช. ด้วยการจัดตั้งขบวนการต่อต้านการรัฐประหาร และการก่อกวนหรือการสร้างภาพลบทำร้ายประเทศไทยอย่างต่อเนื่องอยู่เหมือนเดิม

ส่วน คสช.นั้นในปัจจุบันก็เน้นเรื่องการปรองดองและพยายามที่จะไม่ทำอะไรให้เป็นที่ถูกกล่าวหาได้ว่ารังแกฝ่ายหนึ่ง ช่วยเหลืออีกฝ่ายหนึ่ง จึงกลับกลายเป็นว่าทั้งคนดีและคนชั่วได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอกัน

ระหว่างโจรกับพระได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน ระหว่างอริราชศัตรูที่ทรยศกบฏชาติดำเนินการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง และทำร้ายสังหารประชาชนอย่างต่อเนื่องยาวนาน กับประชาชนที่ปกปักรักษาแผ่นดิน และที่ถูกทำร้าย ถูกฆ่า ได้รับการปฏิบัติเสมอหน้ากัน

เป็นเหตุการณ์ที่กำลังจะซ้ำรอยรัฐบาลผสม ที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์หลังเหตุการณ์ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน ในครั้งนั้นก็ทำเหมือนกับครั้งนี้ และอาจจะมากกว่านี้ เช่น ดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฐานก่อการร้าย ใช้เงินหลวงไปประกันตัวพวกเผาบ้านเผาเมืองที่ฆ่าทหารและประชาชนออกมาอยู่ข้างนอก หลอกนายวีระ สมความคิด ไปให้เขมรจับไปเข้าคุก แล้วทำเป็นไม่รู้ว่าแผ่นดินไทยอยู่ที่ไหน เปิดทำเนียบยืนยันว่าดินแดนไทยเป็นของเขมร

จึงเป็นที่มาของความไม่สบายอกไม่สบายใจของประชาชนตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลนั้นบริหารราชการแผ่นดิน และในที่สุดเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยก็กลับมาเป็นรัฐบาล และใช้เวลาไม่นานก็ฟื้นอำนาจบาตรใหญ่ถึงขนาดประกาศชนิดไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” โดยที่องค์กรอิสระทั้งหลายทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็นและไม่เข้าใจ จนบ้านเมืองพินาศวายวอด

ดังที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้เปิดใจถึงความอัดอั้นอยู่ในอกว่า 9 ปีกว่ามานี้ผมและคนไทยไม่มีความสุข

จึงเป็นที่ห่วงใยว่าความพยายามในการสร้างความปรองดองในชาติจะสำเร็จได้แค่ไหน เพียงใด เพราะใครเล่าจะล่วงรู้น้ำใจโจรว่าจะกลับใจหรือไม่

นอกจากนั้น วิถีดำเนินตั้งแต่ช่วงการปรองดอง การจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งชั่วคราวและถาวร การปฏิรูปประเทศไทยและการเลือกตั้ง ย่อมเป็นเรื่องต่อเนื่องเป็นน้ำเนื้อเดียวกัน

ผลบั้นปลายจะเป็นอย่างไร ก็ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยและการปฏิบัติทั้งหลายอันจะนำไปสู่ผลบั้นปลายที่ว่านั้น จะเสียของหรือไม่เสียของ หรืออีก 14 เดือนครึ่ง ระบอบทักษิณจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกหรือไม่ ก็คงเห็นได้จากการปฏิบัติในห้วงเวลา 14 เดือนเศษนี้

แต่ทว่าประชาชนของพระราชาและทหารของประชาชนย่อมเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้เสมอ และจะไม่ยอมให้อธรรมครองแผ่นดินไทยนี้อีกต่อไปอย่างแน่นอน!
กำลังโหลดความคิดเห็น