ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เช้าตรู่ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศใช้ “กฎอัยการศึก” โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องของกองทัพบกครั้งที่ 2 หลังออกแถลงการณ์ 7 ข้อเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557
ทั้งนี้ เรื่องใหญ่อันเป็นสาระสำคัญการประกาศกฎอัยการศึกก็คือ การใช้กฎหมายเพื่ออนุญาตให้กองทัพสามารถเคลื่อนกำลังพร้อมอาวุธออกจากที่ตั้งได้โดยชอบธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญคือทำให้พวกนักประชาธิปไตยจ๋าไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีได้อย่างเต็มปากเต็มคำเหมือนการรัฐประหาร
กล่าวสำคัญประวัติศาสตร์หรือเส้นทางการประกาศกฎอัยการศึกในประเทศไทยนั้น ต้องถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการประกาศใช้
การประกาศใช้กฎอัยการศึกเกิดขึ้นครั้งแรกในโลกที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1628 หรือตรงกับ พ.ศ. 2151) ส่วนของไทยนั้น ตราขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2450 โดยเรียกว่า กฎอัยการศึก ร.ศ. 126 ถอดแบบกฎอัยการศึกของประเทศฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม พ.ศ. 2457 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เห็นว่ากฎอัยการศึก ร.ศ. 126 ไม่สอดคล้องกับประเทศไทย จึงได้ตรากฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 ขึ้นใช้แทน
เรียกว่า มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปีกันเลยทีเดียว
แน่นอน คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ผลลัพธ์อันเป็นขั้นสุดของการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จะนำไปสู่อะไร และจะมีจุดจบอย่างไร
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก อ่อนอุษา ลำเลียงพล นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (Advertising Association of Thailand: AAT) เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่นิสิตนักศึกษาที่ผ่านการอบรมโครงการ “10 Degree: เจาะลึกสมองรุ่นใหญ่” โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของเอเจนซี่โฆษณาชั้นนำร่วมงานพร้อมให้คำแนะนำอันเป็นประโยชน์ต่อนิสิตนักศึกษาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้จริงในอนาคต นับเป็นก้าวแรกความสำเร็จของโครงการในการสร้างบุคลากรสายเลือดใหม่ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งแก่วงการโฆษณาต่อไป ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ถนนราชดำริ เมื่อเร็วๆนี้
ตามต่อด้วยนายยรรยง พวงราช (ขวา) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้เกียรติมอบโล่ประกาศเกียรติคุณข้าวสารหอมมะลิบรรจุถุงที่มีคุณภาพสม่ำเสมอประจำปี 2557 แก่นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงตราไก่แจ้และตรากระเช้าโดยผลิตภัณฑ์ข้าวตรากระเช้าเขียว ข้าวหอมมะลิชั้น 1 (ดีพิเศษ)ได้รับรางวัลเครื่องหมายรับรองมาตรฐานรูปพนมมือติดไว้ที่ถุงติดต่อเป็นปีที่ 2 ทำให้ผู้บริโภคเชื่อได้ว่าเป็นข้าวสารหอมมะลิที่มีคุณภาพมาตรฐานรับรองจากกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์
ด้านบริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด จัดบริการเด็ด โปรโมชั่นดี เอาใจลูกค้าด้วยบริการตรวจเช็คเดสก์ท็อป และโน้ตบุ๊ค ที่อยู่นอกระยะเวลาประกัน ฟรี! ในงาน Acer Free Check Up Day พร้อมรับของพรีเมียมจากเอเซอร์ ฟรี!! ทันที และส่วนลด 10% สำหรับซื้อสินค้าอุปกรณ์เสริม (Acer Accessories) ต่างๆ ทุกรายการ พิเศษสำหรับกรณีต้องส่งเครื่องซ่อม ลูกค้ารับสิทธิพิเศษในการลุ้นรับส่วนลดค่าบริการและอะไหล่สูงสุดถึง 20% พร้อมรับของรางวัลเพิ่มเติม ได้ตั้งแต่วันนี้- 30 มิถุนายน 2557 ที่ศูนย์บริการเอเซอร์ทั้ง 14 สาขา ทั่วประเทศ (ที่ตั้งศูนย์บริการเอเซอร์) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ 02-685-4311 หรือคลิกที่ www.acer.co.th / www.facebook.com/AcerThailand
และปิดท้ายกับ บาทหลวงโจเซฟ เอช ไมเออร์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมการพัฒนาบุคคลฯ (กลาง) รับมอบเงินจำนวน 12,000 บาท จากกิจกรรมเวิร์คช็อปทำขนมของน้องๆ ชาวสมอลส์ โดยนายศุภฤกษ์ วิเชียรโชติ รองผู้จัดการแผนกปฏิบัติการสายธุรกิจ อิเกีย ประเทศไทย (ซ้าย) และวรากร วงศ์ทรายคำ คณะกรรมการความยั่งยืนแห่งอิเกีย ประเทศไทย (ขวา) เป็นตัวแทนมอบ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
เครื่องยาพฤกษวัตถุ
คนเราเกิดมานั้น ในพระไตรปิฎกมีลัทธิหนึ่งชื่อว่า “ลัทธิโลกายัต” ซึ่งถือคติความเชื่อที่ว่า ในร่างกายเรานั้นล้วนประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุน้ำ และธาตุไฟ
ดังนั้น ตามคัมภีร์การรักษาของแพทย์แผนไทยที่มีตำรา “พระโอสถพระนารายณ์” อันเป็นตำรายาโบราณสมัยอยุธยาตอนปลายที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการกล่าวถึงธาตุทั้ง 4 ซึ่งทำความเข้าใจได้ว่า สรรพวัตถุที่มีอยู่ในโลกนี้ล้วนเกิดจากธาตุทั้ง 4 ย่อมใช้เป็นยาบำบัดโรคได้ทั้งสิ้น
ทว่า คนในยุคสมัยใหม่อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับการรักษาโรคด้วยวิถีการแพทย์แผนโบราณ ที่หลายคนอาจจะเกิดความรู้สึกว่า ล้าสมัย ไม่เหมือนกับแพทย์ตะวันตกที่ได้เรื่องได้ราวกว่า กระทั่งความคิดเหล่านั้นได้เข้ามาครอบงำจนคนไทยลืมนึกถึงสมุนไพรดีๆอันเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษไป...
กล่าวได้ว่า คนไทยจึงห่างหายกับวิธีการใช้สมุนไพรเพื่อรักษาโรค และอาจจะไม่รู้ด้วยว่า เครื่องยาหรือที่เรียกว่า “พฤกษวัตถุ” เป็นยาดี ที่มีสรรพคุณนำไปแก้โรคได้ ดังที่ตำราพระโอสถฯอุปมาไว้ว่า “โรคนั้นกลัวยาดุจกาเห็นธนู”
เครื่องยาพฤกษวัตถุ คู่มือเภสัชกรรมแผนไทย เขียนโดย ชยันต์ พิเชียรสุนทร และวิเชียร จีรวงส์ จึงเป็นหนังสือที่นับว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจเครื่องยาสมุนไพร
โดยเนื้อหาจะแบ่งออกเป็น สัณฐานของพืชสมุนไพร เครื่องยาที่เป็นผลิตผลจากพืช และคุณภาพของเครื่องยาสมุนไพร
อีกทั้งยังให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรูปพรรณของพืช จำแนกตามส่วนต่างๆตั้งแต่ราก ลำต้น ไปจนถึงดอก ผล และเมล็ด ที่สามารถนำไปอ่านเพื่อศึกษาทำความเข้าใจพืชสมุนไพรที่ถูกต้องได้ด้วยตัวเอง
หากใครที่มีความสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทย นับว่าหนังสือเครื่องยาพฤกษวัตถุเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียว.
แสงเพ็ง