ASTVผู้จัดการรายวัน-"กลาโหม"ถกผู้แทนเหล่าทัพ-หัวหน้าส่วนราชการ-ภาคประชาสังคม วาง 4 กรอบสู่บันได 4 ขั้นปฏิรูปประเทศ คาดใช้เวลา 2 เดือน ด้านมูดี้ส์สวนสหรัฐฯ ไม่ลดเรตติ้งไทย คสช.เผยนานาชาติยังเชื่อมั่นไทย ย้ำตั้ง คตร. คุมใช้งบประมาณ เพื่อความโปร่งใส ยันไม่มีคำสั่งตั้ง "วิษณุ" ร่างรัฐธรรมนูญ "ขรรค์ชัย"ป่วย ส่ง "ฐากูร" รายงานตัวแทน "บรรณพจน์"คุยผู้ช่วย ผบ.ทบ.ครึ่งชั่วโมง ก่อนได้รับปล่อยตัวกลับ ผู้ตรวจแผ่นดินเตรียมหาทางช่วย "วีระ" กลับบ้าน
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (4 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมนัดแรกของคณะทำงานเพื่อเตรียมการปฏิรูปประเทศไทย โดยเชิญหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ ภาคสังคม สถาบันการเมืองการปกครอง และผู้แทนทุกเหล่าทัพเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุมได้หารือถึงข้อกำหนดแนวทางการปฏิรูปแบ่งเป็น 4 หัวข้อหลัก คือ 1.เรื่องความคิดความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่าง 2.ความไม่เชื่อศรัทธากระบวนการยุติธรรม หรือ 2 มาตรฐาน ซึ่ง 2 หัวข้อ ประเทศทั่วโลกมีเหมือนกัน แต่ของไทยจะแตกต่างตรงที่เรามี ข้อ 3 คือ เรื่องการปลุกปั่น ยุยง สร้างความเกลียดชังต่างๆ และ ข้อ 4.การตอกย้ำ ขยายความขัดแย้ง ซึ่งพร้อมที่จะใช้ความรุนแรงของผู้เห็นต่าง
นอกจากนี้ ในการปฏิรูปการเมือง ที่ประชุมอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และการจัดทรัพยากรที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ปฏิรูปกฎหมายและการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งคณะทำงานได้กำหนดกรอบกว้างๆ โดยขั้นตอนต่อไปจะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งประเทศ และนำมาสังเคราะห์หาข้อสรุป ก่อนที่จะรวบรวมผลเพื่อเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้สภาปฏิรูป หรือสภานิติบัญญัติไปใช้ประโยชน์ต่อ ทั้งนี้ หัวหน้า คสช. ได้เน้นย้ำให้หาแนวทางที่ทำให้คนไทยเคารพกฎหมายและกติกาของบ้านเมือง
"ผมจะใช้เวลา 2 เดือน เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งคงจะได้มากพอสมควร เพราะตอนนี้ เรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปของเดิมอยู่แล้ว และจะให้ทีมงานสกัดแยกข้อมูลออกมา และเสนอไปยัง คสช. เพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้ง ต่อจากนี้ไปทางคณะทำงานจะมีการประชุมทุกวัน รวมถึงทำงานในวันเสาร์และอาทิตย์ เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย และมองว่าประชาชนจะยอมรับรูปแบบการปฏิรูปของ คสช. เพราะข้อมูลทุกอย่างได้รับมาจากความคิดเห็นของประชาชน โดยขั้นตอนต่อไป จะให้ผู้มีอำนาจไปร่างกฎหมาย สำหรับขั้นตอนการจัดเสวนา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จะเป็นเจ้าภาพ พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ ของคณะทำงาน คือ rfm.mod.go.th หรือที่อีเมล์ rfm@mod.go.th หมายเลขโทรศัพท์ 02-6223065 และ 02-2229201" พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว
**บันได 4 ขั้นสู่การปฏิรูปประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการปฏิรูปนั้น มีทั้งเรื่องการเมือง การปกครอง กระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่ควบคุมการยุยง ปลุกปั่น ให้แตกแยก และการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งต้องมีกฎหมายป้องกันการทุจริต คอร์รัปชัน โดยกรอบการดำเนินการ คือ
ขั้นที่ 1.รวบรวมข้อมูล โดยนำผลงานที่มีอยู่เดิม มาประกอบกับข้อเสนอของกลุ่มต่างๆ รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ จากนั้นนำข้อมูลทั้งหมดมาสังเคราะห์ เพื่อจัดทำหัวข้อการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน
ขั้นที่ 2.การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ด้วยการจัดเวทีสานเสวนาในส่วนกลาง หรือสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ที่มีความขัดแย้ง การส่งหัวข้อรับฟังให้ศูนย์ปรองดองฯ เพื่อจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศ รับฟังความความคิดเห็นประชาชน ผ่านเว็บไซต์ ตู้ไปรษณีย์ และคณะทำงานฯ
ขั้นที่ 3.รวบรวมผลการรับฟังความคิดเห็นจากทุกช่องทาง มาจัดกลุ่ม แยกประเด็นให้ครบถ้วน
ขั้นที่ 4. สรุปผลความคิดเห็นเพื่อรายงาน คสช. ต่อไป ก่อนจะส่งมอบให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูป นำไปดำเนินการต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ มีระดับปลัดกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนส่วนราชการต่างๆ พร้อมทั้งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า อ.ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง เป็นต้น
*** ยันไม่มีทหารบุกรื้อบ้านประชาชน
เมื่อเวลา 12.50 น. วันเดียวกันนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า มีทหารและตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ารื้อค้นบ้านประชาชนในต่างจังหวัดว่า เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด ข่าวที่ออกมาจึงถือเป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้น เพราะหากเจ้าหน้าที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นใดๆ ต้องแต่งเครื่องแบบ โดยจะปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองตลอด เหมือนกับกรณีการปฏิบัติงานตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว ก็สามารถให้เจ้าหน้าที่แสดงตัวก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตัดปัญหาการสร้างข่าวลือ
ส่วนข้อกังวลถึงความร่วมมือในเรื่องของการฝึกทหารร่วมกันกับหลายประเทศนั้น พ.อ.วินธัย ระบุว่า ส่วนใหญ่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีเพียงประเทศออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาบางส่วนที่มีการชะลอการฝึกออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิก หรือไม่มีการฝึกร่วมกันแต่อย่างใด
***"มูดี้ส์"ไม่ลดเครดิตไทย
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. ฝ่ายพลเรือน กล่าวถึงผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ (มูดี้ส์) ที่ประกาศจัดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลของประเทศไทยที่ระดับ Baa1 ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อประเทศไทย
ทั้งนี้ มูดี้ส์ยังเห็นว่าความแข็งแกร่งพื้นฐานด้านความน่าเชื่อถือของไทยยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ถึงแม้ว่าการเผชิญหน้าทางการเมืองยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง และยังได้ยืนยันแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่ารัฐประหารที่เพิ่งเกิดขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานจะไม่บั่นทอนความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของไทยอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
***เผยนานาชาติยังมั่นใจ
นพ.ยงยุทธกล่าวว่า เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำประเทศไทย ก็ได้เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ซึ่งทูตทั้ง 2 ประเทศ ยืนยันว่ายังมีความสัมพันธ์อันดีและเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทย
นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเข้าพบนายวันนะ หม่อง ลวิน รมว.ต่างประเทศ ของเมียนมาร์ เพื่อชี้แจงสถานการณ์การเมืองของไทยให้รัฐบาลเมียนมาร์ได้รับทราบ เนื่องจากเมียนมาร์เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับไทย รวมทั้งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปัจจุบัน โดยเมียนมาร์ระบุว่าได้ติดตามสถานการณ์ของไทยอย่างใกล้ชิด และจะไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในของไทย รวมทั้งเชื่อมั่นในประเทศไทยและพร้อมสนับสนุน โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนและความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ พล.อ.ตัน ซรี ตาโต๊ะ ซรี ซูกิเฟรี บิน โมฮัมหมัด ซิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประเทศมาเลเซีย และคณะยังได้เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคสช. ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3-4 มิ.ย.2557 ด้วย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และสนับสนุนการทำงานระหว่างไทย มาเลเซีย และกองทัพ
**ตั้งคตร.ติดตามตรวจสอบการใช้งบ
นพ.ยงยุทธกล่าวว่า สำหรับการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ คสช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายของภาครัฐ (คตร.) เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปด้วยความรอบคอบ มีความโปร่งใส และมีระเบียบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งประธานกรรมการ ก็คือ พล.ท.อนันตพร กาญจนรักษ์ ปลัดบัญชีทหารบก ซึ่งมีคณะกรรมการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในการตรวจสอบในเรื่องงบประมาณของประเทศ ทั้งปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ที่จะมาเป็นรองประธานกรรมการ รวมไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ เป็นคณะกรรมการ
“หน้าที่สำคัญของ คตร. คือ การตรวจสอบงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบ รวมทั้งดูผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นอยู่ของประชาชน และแผนงานพัฒนาเศรษฐกิจด้วย ซึ่งจะมีการประชุมและส่งผลการประชุมให้หัวหน้า คสช.ได้รับทราบต่อไป” นพ.ยงยุทธ กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวเสริมว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะเป็นการกลั่นกรองนโยบายให้ตรงกับเป้าหมายที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนด เพราะขณะนี้การอนุมัติงบประมาณอยู่ในอำนาจของ คสช. เปรียบเสมือนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสถานการณ์ปกติ แต่ในส่วนของ คตร. เป็นหน่วยงานพิเศษที่ตั้งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานของ คสช. ทั้งนี้ ในส่วนกรอบอำนาจของ คตร. จะย้อนกลับไปพิจารณาโครงการของรัฐบาลที่ผ่านมาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่ามีความคืบหน้าถึงกระบวนการใด
***ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เดินหน้าทำงาน
น.ส.ปัทมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักสื่อสารชำนาญการ กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปว่า ขณะนี้ได้ใช้กลไกของกองอำนวยการรักษาความสงบภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในการดำเนินการไปแล้ว ขณะที่พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม โดยได้มอบนโยบายให้ปรับกิจกรรมสอดคล้องเนื้อหาการปรองดองเข้าไปในทุกกิจกรรม ส่วนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เน้นจัดทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
สำหรับฝ่ายกฎหมายและความยุติธรรม ได้ประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายและระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อกระบวนการสร้างความปรองดอง ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ในทุกวันพุธและพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ จะมีการประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วยฝ่ายเศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา ความมั่นคง เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานของแต่ละฝ่าย
***ยังไม่มีคำสั่งตั้ง "วิษณุ"ร่างรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้าในการร่างธรรมนูญชั่วคราวตามแผนงานของ คสช. พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ในส่วนของทีมโฆษกฯ ยังไม่มีข้อมูล และ คสช. ยังไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.เป็นประธานกรรมการยกร่างธรรมนูญชั่วคราวแต่อย่างใด
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า ญาตินายวีระ สมความคิด ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ขอให้ทาง คสช. ช่วยประสานให้มีการปล่อยตัว พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูล และทางคสช.ไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้ ตามที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก
** "ฐากูร"เข้ารายงานตัวแทน"ขรรค์ชัย"
เมื่อเวลา 10.20 น.วานนี้ บรรยากาศการให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมตามคำสั่ง คสช. ที่ 46/2557 ภายในเวลา 10.00-12.00 น. จำนวน 2 คน คือ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต่อมาเวลา 10.25 น. นายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้เป็นตัวแทนของนายขรรค์ชัย เดินทางมาถึงหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่นายขรรค์ชัยไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวได้ เนื่องจากพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาระยะหนึ่งแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า นายฐากูรใช้เวลาประมาณ 10 นาที ในการเข้ายื่นหนังสือรายงานตัว ที่อาคารจามจุรี หอประชุมกองทัพบก โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้สอบถามแต่อย่างใด จากนั้นนายฐากูร เดินทางกลับทันที ซึ่งระหว่างที่รถออกจากหอประชุมกองทัพบก นายฐากูร ได้โบกมือให้กับผู้สื่อข่าวที่ติดตามทำข่าวอยู่ด้านหน้าสโมสรกองทัพบก
**คุย"บรรณพจน์"ครึ่งชั่วโมงก่อนปล่อยตัว
เวลา 14.30 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและยุติธรรม ได้เดินทางมายังห้องรับรอง ด้านล่างตึกกรมสวัสดิการทหารบก ภายในหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อพูดคุยกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ที่ได้มารอรายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 46 ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ไพบูลย์ พูดคุยกับนายบรรณพจน์ ที่ห้องรับรอง ประมาณ 30 นาที พล.อ.ไพบูลย์ ได้เดินทางออกจากหอประชุมกองทัพบก จากนั้นรถยนต์ส่วนตัวของนายบรรณพจน์ ได้กลับออกจากหอประชุมกองทัพบกเช่นกัน ซึ่งคาดว่านายบรรณพจน์ได้เดินทางกลับออกมาด้วย โดยไม่ได้ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด
**งาน"คืนความสุขสู่ประชาชน"คึกคัก
ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ลานเอกประสงค์ เกาะพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกองพลทหารม้าที่ 2 และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้จัดการแสดงและดนตรี ชื่องาน “คืนความสุขสู่ประชาชน” ตั้งแต่เวลา 16.00-19.00 น. วานนี้ ซึ่งภายในงาน มีการแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารบก และวงดุริยางค์ตำรวจ การแสดงโปงลางจากสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวกทม. มีกิจกรรมการแสดงต่างๆ การแสดงวงโยธวาทิตของนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม
นอกจากนี้ ยังมีการออกร้านของผู้ประกอบการ ผู้ค้าบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จุดบริการอาหารเครื่องดื่มบริการฟรี ของหน่วยพลาธิการทหาร มีบริการทางการแพทย์ ตรวจสุขภาพ โดยหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่ของโรงพยาบาลพระมงกุฏ การบริการอาหารและเครื่องดื่มฟรีจากกรุงเทพมหานคร ตำรวจ อีกทั้งกองพลทหารม้าที่ 2 นำทหารม้ามาร่วมโชว์ในงานด้วย พร้อมบังเกอร์จำลอง ให้ประชาชนได้ถ่ายภาพ จุดบริการทำบัตรประชาชนเคลื่อนที่
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าชมงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้ความสนใจ ซึ่งมีการดูแลรักษาความปลอดภัยจากทหารและตำรวจ รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยไม่มีการปิดการจราจรแต่อย่างใด
***แกนนำคปท.มอบตัวดีเอสไอ
ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี ชั้น 8 แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ประกอบด้วย นายอุทัย ยอดมณี, นายนัสเซอร์ ยีหมะ, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายพานสุวรรณ ณ แก้ว พร้อมด้วยทีมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อมอบตัวตามหมายจับข้อหาร่วมกันกบฏ และข้อหาอื่นรวม 8 ข้อหา ที่ถูกศาลออกหมายจับร่วมกับแกนนำ กปปส.รวม 30 คน
นายอุทัยกล่าวว่า ได้เตรียมพยานหลักฐานและเอกสารต่างๆ มายื่นต่อพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดี และเตรียมหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสระเพื่อยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนคนละ 1 เเสนบาท พร้อมระบุว่า จะปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ กล่าวว่า ภายหลังมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนแล้ว หากทนายความของแกนนำ คปท. มีการร้องขอประกันตัว หลังพิจารณาแล้ว ก็อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ อาคารบี ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายในการเข้ามอบตัวนั้น มีทหารและตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปบนอาคารอย่างเด็ดขาด รวมถึงสื่อมวลชนด้วย
***ผู้ตรวจฯเตรียมหาทางช่วย “วีระ”
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า วันที่ 17 มิ.ย. ผู้ตรวจการแผ่นดินได้เชิญผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กรมราชทัณฑ์ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาร่วมหารือกรณีต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นางพิศอำไพ สมความคิด ภรรยานายวีระ สมความคิด ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเปรยซอร์ กัมพูชา ได้ยื่นหนังสือถึง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินให้เร่งรัดหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ กรมราชทัณฑ์ ในการดำเนินการช่วยเหลือนายวีระ ให้กลับมาถูกควบคุมตัวในประเทศไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางพิศอำไพได้ไปยื่นหนังสือยังหน่วยงานดังกล่าวแล้วไม่มีคืบหน้า
นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา นางพิศอำไพ ได้ยื่นหนังสือผ่านตนไปยังหัวหน้า คสช. เพื่อให้หามาตรการช่วยเหลือนายวีระกลับมายังประเทศไทย ทั้งช่องทางการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งก็ได้ส่งต่อไปแล้ว
***จับ"กุลธน"หลังเบี้ยวพบ คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ได้เข้าจับกุมพ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ หรือสารวัตรต้น อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลังไม่ยอมมารายงานตัว ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 23/2557
ทั้งนี้ พ.ต.ท.กุลธน ถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนพัวพันกับการยิงสังหารนายสุทิน ธราทิน แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) จนเสียชีวิต ขณะนำมวลชนไปคัดค้านการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา โดยต่อมาพ.ต.ท.กุลธน ออกมาให้การปฏิเสธเรื่องดังกล่าว
***14ช่อง ยังออกอากาศไม่ได้
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมผู้ประกอบการโครงข่ายและช่องทีวีดาวเทียมว่า ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการโครงข่ายแบบบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) และช่องรายการเพย์ทีวี ให้มารับทราบแนวปฎิบัติถึงการที่โครงข่ายนำเอาช่องรายการไปออกออกอากาศ หากเกิดปัญหาหรือมีการกระทำผิดของช่อง รายการต้องรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นการกำกับดูแลกันเองของผู้ประกอบการที่ต้องคัดกรองช่องรายการเอามาออกบนโครงข่าย ถือเป็นการจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด ทำให้ต่อไปจะมีเนื้อหารายการที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้ชม ไม่ใช่ว่ามีเงิน 5 ล้านแล้วจะมาเปิดช่องด่าใครก็ได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีช่องรายการที่อนุญาตให้ออกอากาศแล้วจำนวน 387 ช่อง จากทั้งหมด 538 ช่อง และยังอยู่ในระหว่างการส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและคณะอนุกรรมการเนื้อหาพิจารณาอีกประมาณ 100 ช่อง ในขณะที่ยังเหลืออีกประมาณ 50 ช่องที่ยังไม่ได้เข้ามาแจ้งยืนยันสถานะการให้บริการประเภทใด ส่วนวิทยุชุมชนที่ได้รับใบอนุญาตกว่า 5,000 สถานี แต่ยังไม่ได้ออกอากาศนั้น กสท. จะเข้าตรวจสอบระบบออกอากาศให้เป็นไปตามเงื่อนไข เช่น กำลังส่ง ความสูงของเสาอากาศ รวมถึงการถือครองคลื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ พบว่ามีหลายรายยังไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ขณะที่ช่องรายการ 14 ช่อง ที่ทาง คสช. มีคำสั่งให้ระงับ ยังไม่ได้ออกอากาศเช่นเดิม
***"ประยุทธ"สั่งตรึงราคาสินค้าจำเป็น
ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมส่วนราชการด้านฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยมีหัวหน้าฝ่ายต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ การประชุม เป็นการรายงานแผนงานโครงการที่จะเตรียมเข้าสู่การใช้จ่ายงบประมาณปี 57 ที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนและสร้างประโยชน์อย่างชัดเจน เพื่อให้เป็นไปตามกรอบวงรอบงบประมาณปี 57 ซึ่งหัวหน้า คสช. ให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลต่อสังคมที่เป็นข้อเท็จจริง อาทิ โครงสร้างพลังงาน โครงสร้างภาษี แนวทางการช่วยเหลือปัญหาเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจ ส่วนจะมีการบริหารจัดการ หรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร เป็นเรื่องของการหารือ และพิจารณาร่วมของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรารภถึงภาวะค่าครองชีพที่มีผลกระทบต่อประชาชน จึงเห็นควรตรึงราคาสินค้าจำเป็นต่อภาวะค่าครองชีพ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ ในวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 13.30 น. จะมีการประชุมร่วมของ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ,ฝ่ายกิจการพิเศษ และ หน่วยงานขึ้นตรงต่อหัวหน้า คสช.
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (4 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมนัดแรกของคณะทำงานเพื่อเตรียมการปฏิรูปประเทศไทย โดยเชิญหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ ภาคสังคม สถาบันการเมืองการปกครอง และผู้แทนทุกเหล่าทัพเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุมได้หารือถึงข้อกำหนดแนวทางการปฏิรูปแบ่งเป็น 4 หัวข้อหลัก คือ 1.เรื่องความคิดความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่าง 2.ความไม่เชื่อศรัทธากระบวนการยุติธรรม หรือ 2 มาตรฐาน ซึ่ง 2 หัวข้อ ประเทศทั่วโลกมีเหมือนกัน แต่ของไทยจะแตกต่างตรงที่เรามี ข้อ 3 คือ เรื่องการปลุกปั่น ยุยง สร้างความเกลียดชังต่างๆ และ ข้อ 4.การตอกย้ำ ขยายความขัดแย้ง ซึ่งพร้อมที่จะใช้ความรุนแรงของผู้เห็นต่าง
นอกจากนี้ ในการปฏิรูปการเมือง ที่ประชุมอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และการจัดทรัพยากรที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ปฏิรูปกฎหมายและการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งคณะทำงานได้กำหนดกรอบกว้างๆ โดยขั้นตอนต่อไปจะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งประเทศ และนำมาสังเคราะห์หาข้อสรุป ก่อนที่จะรวบรวมผลเพื่อเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้สภาปฏิรูป หรือสภานิติบัญญัติไปใช้ประโยชน์ต่อ ทั้งนี้ หัวหน้า คสช. ได้เน้นย้ำให้หาแนวทางที่ทำให้คนไทยเคารพกฎหมายและกติกาของบ้านเมือง
"ผมจะใช้เวลา 2 เดือน เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งคงจะได้มากพอสมควร เพราะตอนนี้ เรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปของเดิมอยู่แล้ว และจะให้ทีมงานสกัดแยกข้อมูลออกมา และเสนอไปยัง คสช. เพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้ง ต่อจากนี้ไปทางคณะทำงานจะมีการประชุมทุกวัน รวมถึงทำงานในวันเสาร์และอาทิตย์ เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย และมองว่าประชาชนจะยอมรับรูปแบบการปฏิรูปของ คสช. เพราะข้อมูลทุกอย่างได้รับมาจากความคิดเห็นของประชาชน โดยขั้นตอนต่อไป จะให้ผู้มีอำนาจไปร่างกฎหมาย สำหรับขั้นตอนการจัดเสวนา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จะเป็นเจ้าภาพ พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ ของคณะทำงาน คือ rfm.mod.go.th หรือที่อีเมล์ rfm@mod.go.th หมายเลขโทรศัพท์ 02-6223065 และ 02-2229201" พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว
**บันได 4 ขั้นสู่การปฏิรูปประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการปฏิรูปนั้น มีทั้งเรื่องการเมือง การปกครอง กระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่ควบคุมการยุยง ปลุกปั่น ให้แตกแยก และการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งต้องมีกฎหมายป้องกันการทุจริต คอร์รัปชัน โดยกรอบการดำเนินการ คือ
ขั้นที่ 1.รวบรวมข้อมูล โดยนำผลงานที่มีอยู่เดิม มาประกอบกับข้อเสนอของกลุ่มต่างๆ รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ จากนั้นนำข้อมูลทั้งหมดมาสังเคราะห์ เพื่อจัดทำหัวข้อการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน
ขั้นที่ 2.การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ด้วยการจัดเวทีสานเสวนาในส่วนกลาง หรือสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ที่มีความขัดแย้ง การส่งหัวข้อรับฟังให้ศูนย์ปรองดองฯ เพื่อจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศ รับฟังความความคิดเห็นประชาชน ผ่านเว็บไซต์ ตู้ไปรษณีย์ และคณะทำงานฯ
ขั้นที่ 3.รวบรวมผลการรับฟังความคิดเห็นจากทุกช่องทาง มาจัดกลุ่ม แยกประเด็นให้ครบถ้วน
ขั้นที่ 4. สรุปผลความคิดเห็นเพื่อรายงาน คสช. ต่อไป ก่อนจะส่งมอบให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูป นำไปดำเนินการต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ มีระดับปลัดกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนส่วนราชการต่างๆ พร้อมทั้งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า อ.ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง เป็นต้น
*** ยันไม่มีทหารบุกรื้อบ้านประชาชน
เมื่อเวลา 12.50 น. วันเดียวกันนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า มีทหารและตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ารื้อค้นบ้านประชาชนในต่างจังหวัดว่า เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด ข่าวที่ออกมาจึงถือเป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้น เพราะหากเจ้าหน้าที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นใดๆ ต้องแต่งเครื่องแบบ โดยจะปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองตลอด เหมือนกับกรณีการปฏิบัติงานตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว ก็สามารถให้เจ้าหน้าที่แสดงตัวก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตัดปัญหาการสร้างข่าวลือ
ส่วนข้อกังวลถึงความร่วมมือในเรื่องของการฝึกทหารร่วมกันกับหลายประเทศนั้น พ.อ.วินธัย ระบุว่า ส่วนใหญ่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีเพียงประเทศออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาบางส่วนที่มีการชะลอการฝึกออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิก หรือไม่มีการฝึกร่วมกันแต่อย่างใด
***"มูดี้ส์"ไม่ลดเครดิตไทย
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. ฝ่ายพลเรือน กล่าวถึงผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ (มูดี้ส์) ที่ประกาศจัดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลของประเทศไทยที่ระดับ Baa1 ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อประเทศไทย
ทั้งนี้ มูดี้ส์ยังเห็นว่าความแข็งแกร่งพื้นฐานด้านความน่าเชื่อถือของไทยยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ถึงแม้ว่าการเผชิญหน้าทางการเมืองยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง และยังได้ยืนยันแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่ารัฐประหารที่เพิ่งเกิดขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานจะไม่บั่นทอนความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของไทยอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
***เผยนานาชาติยังมั่นใจ
นพ.ยงยุทธกล่าวว่า เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำประเทศไทย ก็ได้เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ซึ่งทูตทั้ง 2 ประเทศ ยืนยันว่ายังมีความสัมพันธ์อันดีและเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทย
นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเข้าพบนายวันนะ หม่อง ลวิน รมว.ต่างประเทศ ของเมียนมาร์ เพื่อชี้แจงสถานการณ์การเมืองของไทยให้รัฐบาลเมียนมาร์ได้รับทราบ เนื่องจากเมียนมาร์เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับไทย รวมทั้งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปัจจุบัน โดยเมียนมาร์ระบุว่าได้ติดตามสถานการณ์ของไทยอย่างใกล้ชิด และจะไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในของไทย รวมทั้งเชื่อมั่นในประเทศไทยและพร้อมสนับสนุน โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนและความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ พล.อ.ตัน ซรี ตาโต๊ะ ซรี ซูกิเฟรี บิน โมฮัมหมัด ซิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประเทศมาเลเซีย และคณะยังได้เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคสช. ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3-4 มิ.ย.2557 ด้วย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และสนับสนุนการทำงานระหว่างไทย มาเลเซีย และกองทัพ
**ตั้งคตร.ติดตามตรวจสอบการใช้งบ
นพ.ยงยุทธกล่าวว่า สำหรับการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ คสช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายของภาครัฐ (คตร.) เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปด้วยความรอบคอบ มีความโปร่งใส และมีระเบียบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งประธานกรรมการ ก็คือ พล.ท.อนันตพร กาญจนรักษ์ ปลัดบัญชีทหารบก ซึ่งมีคณะกรรมการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในการตรวจสอบในเรื่องงบประมาณของประเทศ ทั้งปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ที่จะมาเป็นรองประธานกรรมการ รวมไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ เป็นคณะกรรมการ
“หน้าที่สำคัญของ คตร. คือ การตรวจสอบงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบ รวมทั้งดูผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นอยู่ของประชาชน และแผนงานพัฒนาเศรษฐกิจด้วย ซึ่งจะมีการประชุมและส่งผลการประชุมให้หัวหน้า คสช.ได้รับทราบต่อไป” นพ.ยงยุทธ กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวเสริมว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะเป็นการกลั่นกรองนโยบายให้ตรงกับเป้าหมายที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนด เพราะขณะนี้การอนุมัติงบประมาณอยู่ในอำนาจของ คสช. เปรียบเสมือนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสถานการณ์ปกติ แต่ในส่วนของ คตร. เป็นหน่วยงานพิเศษที่ตั้งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานของ คสช. ทั้งนี้ ในส่วนกรอบอำนาจของ คตร. จะย้อนกลับไปพิจารณาโครงการของรัฐบาลที่ผ่านมาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่ามีความคืบหน้าถึงกระบวนการใด
***ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เดินหน้าทำงาน
น.ส.ปัทมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักสื่อสารชำนาญการ กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปว่า ขณะนี้ได้ใช้กลไกของกองอำนวยการรักษาความสงบภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในการดำเนินการไปแล้ว ขณะที่พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม โดยได้มอบนโยบายให้ปรับกิจกรรมสอดคล้องเนื้อหาการปรองดองเข้าไปในทุกกิจกรรม ส่วนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เน้นจัดทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
สำหรับฝ่ายกฎหมายและความยุติธรรม ได้ประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายและระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อกระบวนการสร้างความปรองดอง ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ในทุกวันพุธและพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ จะมีการประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วยฝ่ายเศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา ความมั่นคง เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานของแต่ละฝ่าย
***ยังไม่มีคำสั่งตั้ง "วิษณุ"ร่างรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้าในการร่างธรรมนูญชั่วคราวตามแผนงานของ คสช. พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ในส่วนของทีมโฆษกฯ ยังไม่มีข้อมูล และ คสช. ยังไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.เป็นประธานกรรมการยกร่างธรรมนูญชั่วคราวแต่อย่างใด
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า ญาตินายวีระ สมความคิด ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ขอให้ทาง คสช. ช่วยประสานให้มีการปล่อยตัว พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูล และทางคสช.ไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้ ตามที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก
** "ฐากูร"เข้ารายงานตัวแทน"ขรรค์ชัย"
เมื่อเวลา 10.20 น.วานนี้ บรรยากาศการให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมตามคำสั่ง คสช. ที่ 46/2557 ภายในเวลา 10.00-12.00 น. จำนวน 2 คน คือ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต่อมาเวลา 10.25 น. นายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้เป็นตัวแทนของนายขรรค์ชัย เดินทางมาถึงหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่นายขรรค์ชัยไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวได้ เนื่องจากพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาระยะหนึ่งแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า นายฐากูรใช้เวลาประมาณ 10 นาที ในการเข้ายื่นหนังสือรายงานตัว ที่อาคารจามจุรี หอประชุมกองทัพบก โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้สอบถามแต่อย่างใด จากนั้นนายฐากูร เดินทางกลับทันที ซึ่งระหว่างที่รถออกจากหอประชุมกองทัพบก นายฐากูร ได้โบกมือให้กับผู้สื่อข่าวที่ติดตามทำข่าวอยู่ด้านหน้าสโมสรกองทัพบก
**คุย"บรรณพจน์"ครึ่งชั่วโมงก่อนปล่อยตัว
เวลา 14.30 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและยุติธรรม ได้เดินทางมายังห้องรับรอง ด้านล่างตึกกรมสวัสดิการทหารบก ภายในหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อพูดคุยกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ที่ได้มารอรายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 46 ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ไพบูลย์ พูดคุยกับนายบรรณพจน์ ที่ห้องรับรอง ประมาณ 30 นาที พล.อ.ไพบูลย์ ได้เดินทางออกจากหอประชุมกองทัพบก จากนั้นรถยนต์ส่วนตัวของนายบรรณพจน์ ได้กลับออกจากหอประชุมกองทัพบกเช่นกัน ซึ่งคาดว่านายบรรณพจน์ได้เดินทางกลับออกมาด้วย โดยไม่ได้ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด
**งาน"คืนความสุขสู่ประชาชน"คึกคัก
ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ลานเอกประสงค์ เกาะพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกองพลทหารม้าที่ 2 และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้จัดการแสดงและดนตรี ชื่องาน “คืนความสุขสู่ประชาชน” ตั้งแต่เวลา 16.00-19.00 น. วานนี้ ซึ่งภายในงาน มีการแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารบก และวงดุริยางค์ตำรวจ การแสดงโปงลางจากสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวกทม. มีกิจกรรมการแสดงต่างๆ การแสดงวงโยธวาทิตของนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม
นอกจากนี้ ยังมีการออกร้านของผู้ประกอบการ ผู้ค้าบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จุดบริการอาหารเครื่องดื่มบริการฟรี ของหน่วยพลาธิการทหาร มีบริการทางการแพทย์ ตรวจสุขภาพ โดยหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่ของโรงพยาบาลพระมงกุฏ การบริการอาหารและเครื่องดื่มฟรีจากกรุงเทพมหานคร ตำรวจ อีกทั้งกองพลทหารม้าที่ 2 นำทหารม้ามาร่วมโชว์ในงานด้วย พร้อมบังเกอร์จำลอง ให้ประชาชนได้ถ่ายภาพ จุดบริการทำบัตรประชาชนเคลื่อนที่
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าชมงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้ความสนใจ ซึ่งมีการดูแลรักษาความปลอดภัยจากทหารและตำรวจ รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยไม่มีการปิดการจราจรแต่อย่างใด
***แกนนำคปท.มอบตัวดีเอสไอ
ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี ชั้น 8 แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ประกอบด้วย นายอุทัย ยอดมณี, นายนัสเซอร์ ยีหมะ, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายพานสุวรรณ ณ แก้ว พร้อมด้วยทีมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อมอบตัวตามหมายจับข้อหาร่วมกันกบฏ และข้อหาอื่นรวม 8 ข้อหา ที่ถูกศาลออกหมายจับร่วมกับแกนนำ กปปส.รวม 30 คน
นายอุทัยกล่าวว่า ได้เตรียมพยานหลักฐานและเอกสารต่างๆ มายื่นต่อพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดี และเตรียมหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสระเพื่อยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนคนละ 1 เเสนบาท พร้อมระบุว่า จะปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ กล่าวว่า ภายหลังมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนแล้ว หากทนายความของแกนนำ คปท. มีการร้องขอประกันตัว หลังพิจารณาแล้ว ก็อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ อาคารบี ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายในการเข้ามอบตัวนั้น มีทหารและตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปบนอาคารอย่างเด็ดขาด รวมถึงสื่อมวลชนด้วย
***ผู้ตรวจฯเตรียมหาทางช่วย “วีระ”
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า วันที่ 17 มิ.ย. ผู้ตรวจการแผ่นดินได้เชิญผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กรมราชทัณฑ์ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาร่วมหารือกรณีต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นางพิศอำไพ สมความคิด ภรรยานายวีระ สมความคิด ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเปรยซอร์ กัมพูชา ได้ยื่นหนังสือถึง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินให้เร่งรัดหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ กรมราชทัณฑ์ ในการดำเนินการช่วยเหลือนายวีระ ให้กลับมาถูกควบคุมตัวในประเทศไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางพิศอำไพได้ไปยื่นหนังสือยังหน่วยงานดังกล่าวแล้วไม่มีคืบหน้า
นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา นางพิศอำไพ ได้ยื่นหนังสือผ่านตนไปยังหัวหน้า คสช. เพื่อให้หามาตรการช่วยเหลือนายวีระกลับมายังประเทศไทย ทั้งช่องทางการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งก็ได้ส่งต่อไปแล้ว
***จับ"กุลธน"หลังเบี้ยวพบ คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ได้เข้าจับกุมพ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ หรือสารวัตรต้น อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลังไม่ยอมมารายงานตัว ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 23/2557
ทั้งนี้ พ.ต.ท.กุลธน ถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนพัวพันกับการยิงสังหารนายสุทิน ธราทิน แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) จนเสียชีวิต ขณะนำมวลชนไปคัดค้านการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา โดยต่อมาพ.ต.ท.กุลธน ออกมาให้การปฏิเสธเรื่องดังกล่าว
***14ช่อง ยังออกอากาศไม่ได้
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมผู้ประกอบการโครงข่ายและช่องทีวีดาวเทียมว่า ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการโครงข่ายแบบบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) และช่องรายการเพย์ทีวี ให้มารับทราบแนวปฎิบัติถึงการที่โครงข่ายนำเอาช่องรายการไปออกออกอากาศ หากเกิดปัญหาหรือมีการกระทำผิดของช่อง รายการต้องรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นการกำกับดูแลกันเองของผู้ประกอบการที่ต้องคัดกรองช่องรายการเอามาออกบนโครงข่าย ถือเป็นการจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด ทำให้ต่อไปจะมีเนื้อหารายการที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้ชม ไม่ใช่ว่ามีเงิน 5 ล้านแล้วจะมาเปิดช่องด่าใครก็ได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีช่องรายการที่อนุญาตให้ออกอากาศแล้วจำนวน 387 ช่อง จากทั้งหมด 538 ช่อง และยังอยู่ในระหว่างการส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและคณะอนุกรรมการเนื้อหาพิจารณาอีกประมาณ 100 ช่อง ในขณะที่ยังเหลืออีกประมาณ 50 ช่องที่ยังไม่ได้เข้ามาแจ้งยืนยันสถานะการให้บริการประเภทใด ส่วนวิทยุชุมชนที่ได้รับใบอนุญาตกว่า 5,000 สถานี แต่ยังไม่ได้ออกอากาศนั้น กสท. จะเข้าตรวจสอบระบบออกอากาศให้เป็นไปตามเงื่อนไข เช่น กำลังส่ง ความสูงของเสาอากาศ รวมถึงการถือครองคลื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ พบว่ามีหลายรายยังไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ขณะที่ช่องรายการ 14 ช่อง ที่ทาง คสช. มีคำสั่งให้ระงับ ยังไม่ได้ออกอากาศเช่นเดิม
***"ประยุทธ"สั่งตรึงราคาสินค้าจำเป็น
ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมส่วนราชการด้านฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยมีหัวหน้าฝ่ายต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ การประชุม เป็นการรายงานแผนงานโครงการที่จะเตรียมเข้าสู่การใช้จ่ายงบประมาณปี 57 ที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนและสร้างประโยชน์อย่างชัดเจน เพื่อให้เป็นไปตามกรอบวงรอบงบประมาณปี 57 ซึ่งหัวหน้า คสช. ให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลต่อสังคมที่เป็นข้อเท็จจริง อาทิ โครงสร้างพลังงาน โครงสร้างภาษี แนวทางการช่วยเหลือปัญหาเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจ ส่วนจะมีการบริหารจัดการ หรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร เป็นเรื่องของการหารือ และพิจารณาร่วมของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรารภถึงภาวะค่าครองชีพที่มีผลกระทบต่อประชาชน จึงเห็นควรตรึงราคาสินค้าจำเป็นต่อภาวะค่าครองชีพ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ ในวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 13.30 น. จะมีการประชุมร่วมของ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ,ฝ่ายกิจการพิเศษ และ หน่วยงานขึ้นตรงต่อหัวหน้า คสช.
