ASTVผู้จัดการรายวัน-จับตาท่าทีปลัดพลังงาน! ยืนยันมีความเป็นไปได้ราคาพลังงานลดลง รวมถึงตรึงราคาพลังงานไม่เกิน 30 บาท ขึ้นอยู่กับนโยบาย คสช.อ้างราคาน้ำมันมาเลเซียต่ำกว่าไทย เหตุรัฐบาลอุดหนุน สั่งเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลปรับโครงสร้างพลังงานก่อนนำเสนอคสช. ด้านเครือข่ายผู้บริโภคแถลงข่าววันนี้ ชงข้อเสนอปฏิรูปพลังงานต่อคสช. ขณะที่คสช.ยึดทำเนียบฯ เป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์ผลงาน ดึง"หมอยงยุทธ"ร่วมทีมโฆษก "วินธัย" เตือนกลุ่มต้านฯ ทำผิด กม. สั่งยกเลิกเคอร์ฟิว พัทยา เกาะสมุย ภูเก็ต ตั้ง"วิษณุ" หัวหน้าทีมร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราว เรียก"ขรรค์ชัย บุนปาน" "บรรณพจน์ ดามาพงศ์" รายงานตัวเพิ่มเติม
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ"เดินหน้าประเทศไทย" วานนี้ (3 มิ.ย.) โดยเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาพลังงานต่าง ๆ จะปรับลงหากดูโครงสร้างราคาพลังงาน ราคาหน้าโรงกลั่น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 25 - 26 บาท ส่วนที่แพงขึ้น คือ ภาษีกับกองทุนน้ำมัน หากจะปรับลดลง จะปรับในส่วนของภาษี หรือกองทุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่ง พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้า คสช. ดูแลฝ่ายเศรษฐกิจ เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงาน เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ส่วนกรณีที่ คสช. ต้องการตรึงราคาพลังงานไม่เกิน 30 บาทนั้นเห็นว่ามีความเป็นไปได้ และกระทรวงพร้อมปฏิบัติตาม
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวอีกว่า เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันของมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศส่งออกน้ำมัน จะเห็นว่า รัฐบาลมาเลเซียอุดหนุนผู้ใช้พลังงานทำให้มีราคาต่ำกว่าของไทย ซึ่งล่าสุด คสช. ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน ศึกษาและพิจารณาปรับรูปแบบโครงสร้าง พลังงานที่แท้จริงทุกชนิด และในวันนี้ (3 มิ.ย.57) ตนเองได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูล โดยในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ พลอากาศเอก ประจิน จะรับฟังรายงาน แต่ต้องขอเวลาศึกษาด้วย
***เครือข่ายผู้บริโภคแถลงปฏิรูปพลังงาน
ในวันนี้ (4 มิ.ย.) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้กำหนดที่จะแถลงข่าวการเปิดตัว “กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย” รวมทั้งแถลงถึงข้อเสนอของกลุ่มที่จะเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ด้วย โดยจัดให้ ณ ห้องประชุมชั้น 2 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (ซ.ราชวิถี 7) อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในเวลา 11.00-12.00 น. โดยวัตถุประสงค์เนื่องจากการผูกขาดและการกำกับกิจการพลังงานที่ขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างเพียงพอ ก่อให้เกิดปัญหาพลังงานของประเทศในหลายๆด้านโดยเฉพาะปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง จำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขปฏิรูปโครงสร้างกิจการพลังงานของประเทศไทยทั้งระบบ
***ยึดทำเนียบฯเป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์ผลงาน
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. แถลงข่าวหลังได้ประชุมหารือร่วมกับตัวแทนจากกองทัพ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการทำงานประชาสัมพันธ์ และการทำความเข้าใจประชาชน ในงานด้านการบริหารราชการแผ่นดิน การสร้างความปรองดอง และการสร้างความสามัคคี ทั้งภายใน และภายนอกประเทศว่า เป็นการประชุมเพื่อจัดประสานการทำงานด้านประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศที่ยังมีความไม่เข้าใจ โดยเน้นการตอบสนองการรับรู้จากสังคม และเพื่อความเหมาะสม คสช.จะใช้ทำเนียบรัฐบาล เป็นศูนย์กลางประชาสัมพันธ์ ซึ่งเริ่มวันที่ 3 มิ.ย.เป็นวันแรก และจะมีการการแถลงข่าวประจำวันตามเดิม
พ.อ.วินธัย ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ของกลุ่มผู้ต่อต้านคสช. ที่มีการจัดชุมนุมว่า อยากให้ดูที่ข้อกฎหมายเป็นหลัก เพราะตามประกาศและคำสั่งห้ามมิให้มีการชุมนุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมที่แสดงออกในลักษณะไหนก็ตาม ส่วนที่มีการสร้างกระแสการต่อต้านผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น จากข้อมูลขณะนี้ ยังไม่มีการขยายวงกว้างออกไป ยังอยู่ในวงที่จำกัด ขณะที่เจ้าหน้าที่แบ่งการดำเนินการเป็น 2 ลักษณะ คือการป้องกันข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก เริ่มจากการเจรจาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
** "ประยุทธ์"พบประชาชนทุกคืนวันศุกร์
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. มีแนวคิดที่จะสื่อสารกับประชาชนผ่านช่องทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นแผนของการประชาสัมพันธ์ โดยรายละเอียดเงื่อนไขเวลาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ขณะนี้ยังคงรูปแบบเดิม โดยจะจัดทุกวันศุกร์ ในช่วงกลางคืน ผ่านทางสถานี ททบ. 5 ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการ เช่นการจัดรายการ คสช.คืนความสุขให้คนในชาติ พบประชาชนทุกๆเช้าวันเสาร์ โดยอาจปรับรูปแบบให้มีพิธีกร มาทำหน้าที่สัมภาษณ์
พ.อ.วินธัย ยังได้ชี้แจงถึงแนวความคิดการจัดตั้งคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการจัดตั้งอย่างเป็นรูปธรรม แต่ในองค์ประกอบ จะประกอบจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักปลัดบัญชีกองทัพบก และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่อยู่ระหว่างการขับเคลื่อน โดยเน้นความโปร่งใส ถูกต้อง และเป็นไปตามระเบียบของราชการ
** ดึง"ยงยุทธ" ร่วมทีมโฆษก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นพ.ยงยุทธ มัยลาภ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ร่วมทำหน้าที่ในการแถลงข่าว ในฐานะทีมโฆษก คสช.ด้วย โดยได้กล่าวถึง การเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะ จะเน้นการสื่อสาร สร้างปรองดอง และบรรยากาศในการสมานฉันท์ โดยจะมีการอัพเดทข้อมูลทั้งภายในและต่างประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์ของทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th รวมถึงแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า Thai Khu Fah”โดยในส่วนของ คสช. จะไม่มีการจัดทำเว็บไซต์ แต่จะมีเพียงในส่วนของแฟนเพจเฟซบุ๊ก “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ”เท่านั้น ทั้งนี้ จะมีการประชุมร่วมกับโฆษกกระทรวงต่างๆ เพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพ และสื่อสารต่อประชาชนได้อย่างทันท่วงที
นพ.ยงยุทธ เปิดเผยด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางโครงสร้างศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป และคณะกรรมการเตรียมการเพื่อการปฏิรูป ซึ่งได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ทั้งนี้ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานด้านสังคมจิตวิทยา ก็ได้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กรมศาสนา คณะกรรมการพุทธศาสนา เพื่อให้กระจายการสร้างความปรองดองโดยใช้วัด โรงเรียน และครอบครัว เข้ามามีส่วนร่วม
**จัดเวทีปรองดองที่อนุสาวรีย์ชัยฯ
นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ (4 มิ.ย.) จะมีกิจกรรมการสร้างปรองดองสมานฉันท์ โดยมีการจัดการแสดงดนตรี ตรวจสุขภาพ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้านภัตตาคารพงหลี ซึ่งเป็นความร่วมมือของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กทม.
ขณะที่ น.ส.ปัทมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักสื่อสารชำนาญการ กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวเสริมว่า กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูป ทั้งส่วนกลาง และภูมิภาค เพื่อใช้เป็นพื้นที่สื่อสารทำความเข้าใจระหว่าง คสช. และประชาชน ผ่านทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อทุกประเภทของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งทั้งหมดจะใช้งบประมาณปกติของกรมประชาสัมพันธ์ รวมทั้งมีการจัดงานดนตรีในสวนขึ้น โดยใช้วงดนตรีของกรมประชาสัมพันธ์ ทุกวันพฤหัส โดยจะเริ่มวันพฤหัสที่ 5 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป
ด้าน พ.อ.ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. เปิดเผยว่า ในวันนี้ (4 มิ.ย.) หัวหน้า คสช.จะมีการประชุมร่วมกับหัวหน้าฝ่าย 3 ฝ่าย ประกอบด้าน ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ และฝ่ายสังคมจิตวิทยา ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดการประชุมทางด้านฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นการเฉพาะ แต่ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวง เร่งดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายให้ทันตามกรอบที่กำหนดไว้ 2 สัปดาห์ โดยหัวหน้า คสช.ได้ให้แนวทางการพิจารณาว่า การดำเนินงานของแต่ละโครงการจะต้องไม่ใช่ลักษณะของประชานิยม แต่จะเน้นการให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก
"พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้แนวทางว่า การพิจารณาแต่ละโครงการต้องไม่ใช่ลักษณะโครงการประชานิยม หรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ" พ.อ.ณัฐวัฒน์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวที่จะมีการปรับเปลี่ยนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งกรรมการ (บอร์ด) รัฐวิสาหกิจต่างนั้น พ.อ.ณัฐวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงในเรื่องดังกล่าว เพียงแต่ให้แนวนโยบายว่า หากจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดก็ตาม ต้องได้ผู้ที่มีความสามารถ และเป็นคนที่สังคมยอมรับได้ อย่าเอาคนที่หวังแต่ผลประโยชน์ของตนเอง
** ตั้ง"พล.ท.กัมปนาท"หน.ศูนย์ปรองดอง
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้( 3 มิ.ย.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ เป็น ผอ.ศปป. ส่วนคณะทำงาน ประกอบด้วย คณะทำงานส่วนกลาง และ ศปป.กอ.รมน. ภาค 1-4 โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ 3 ขั้น คือ
ขั้นที่ 1 เป็นการเตรียมความพร้อม ศปป. เชิญผู้แทนส่วนที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงาน หารือกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการ กอ.รมน.ภาค 1-4 จัดตั้งศูนย์ฯ กำหนดรวบรวมข้อมูล และแผนการปฏิบัติ เพื่อดำเนินการในพื้นที่รับผิดชอบ
ขั้นที่ 2 คือในช่วงเดือน มิ.ย. เป็นขั้นการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ศปป. โดยคณะทำงานส่วนกลางรวบรวมความเห็นในส่วนกลาง จัดทำเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการ ศปป.กอ.รมน.ภาค 1-4 รวบรวมความเห็นจากระดับครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค เสนอให้ศปป.ทราบ
ขั้นที่ 3 ในเดือนก.ค. จะมีการประมวลข้อมูลที่ได้รับนำไปสู่การนำเสนอแนวทางการปฏิบัติประกอบการพิจารณาการแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไป
พ.อ.บรรพต กล่าวว่า สำหรับกระทรวงมหาดไทย ได้ออกคำสั่งให้ทุกจังหวัดจัดตั้ง ศปป.กอ.รมน.จังหวัด ขึ้นรองรับแล้ว ทาง ศปป. จะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้มาช่วยกันสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม ให้สังคมไทยยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง บริหารความขัดแย้งอย่างเท่าเทียม และเป็นระบบตามกระบวนการยุติธรรมปัจจุบัน โดยไม่ผูกพันกับเงื่อนไข ตามกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้นก่อน 22 พ.ค.57 การดำเนินการโดยภาพรวม ขอให้บูรณาการทุกส่วนงาน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยอาศัยกลไกที่มีอยู่แล้วเข้าร่วมด้วย เช่น ศูนย์ไกล่เกลี่ยของอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาสังคม ฯลฯ เน้นการเสริมสร้างความสามัคคีและความเข้าใจ ให้เกิดการยอมรับความเห็นต่างทางการเมืองของบุคคล และกลั่นกรองรวบรวมข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ตามลำดับความสำคัญ หรือเร่งด่วน จนนำไปสู่การจัดกิจกรรมปรองดองสมานฉันท์ หรือแสวงโอกาสเข้าร่วมดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ กิจกรรมตามประเพณี การพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนของฝ่ายปกครอง การจัดเวทีเสวนาชุมชน การจัดเวทีชาวบ้าน การจัดประชาคมหมู่บ้าน ฯลฯ ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
"ในช่วงเวลาพิเศษนี้ เจตนารมณ์ของหัวหน้าคสช. ต้องการคืนความสุขให้กับคนในชาติ สลายความขัดแย้งในสังคม สร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ยึดถือสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุขปลอดภัยของประชาชน ให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายที่มีความขัดแย้ง เข้ามาร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา ฟื้นฟู เดินหน้าประเทศ เพื่อเตรียมการเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิรูป และนำไปสู่การเลือกตั้ง ที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ที่ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ก่อนเที่ยงวันนี้ ลธ.รมน.ได้ร่วมหารือกับรักษาราชการแทน ปลัดกลาโหม เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกัน และภายในห้วงสัปดาห์นี้ ศปป. จะเชิญประชุมจัดทำแผนและแนวทางการปฏิบัติ (โรดแมป) ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง พร้อมกับขอให้หน่วยงานได้เร่งรัดในการดำเนินการเชิงคู่ขนานอย่างต่อเนื่องด้วย" โฆษก กอ.รมน. กล่าว
**"อุดมเดช" ประชุม คสช.-ศปก.ทบ.
สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. ในช่วงเช้าวานนี้ (3 มิ.ย.) ยังคงเข้าปฏิบัติภารกิจตามปกติ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน เพื่อติดตามการดำเนินการและสถานการณ์ประจำวัน แต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะทำงานคสช. และคณะทำงานของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก หรือ ศปก.ทบ. โดยมอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ในฐานะเลขานุการคสช. เป็นประธานการประชุมแทน ส่วน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ผบ.เหล่าทัพ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากภารติดภารกิจของแต่ละบุคคล
ส่วนเรื่องการจัดซื้อแทปเล็ต เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ทาง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ที่รับผิดชอบงานด้านสังคมและจิตวิทยาได้มอบหมายให้ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้ากลุ่มงานสังคมและจิตวิทยา เข้าร่วมประชุมแทน เพื่อชี้แจงและรับฟังความเห็นจากที่ประชุมในภาพรวมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ผบ.ทร. ยังไม่มีคำสั่งให้ยกเลิกการจัดซื้อ เพียงแต่ให้ตรวจสอบและประเมินในภาพรวมว่า การซื้อแทปเล็ต มีความคุ้มค่า และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด หากไม่คุ้มค่า การจัดทำห้องเรียนแบบสมาร์ท คลาสรูม
**ธุรกิจมืด-บ่อนอยู่เบื้องหลังม็อบต้าน
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผช.ผบ.ตร. ในฐานะ รรท.ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ม็อบที่ออกมาต่อต้าน หลังวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แนวโน้มเริ่มดีขึ้น จำนวนลดลงเรื่อยๆ หลังจากที่ ตร. ได้เข้าไปทำความเขาใจถึงสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ ว่า ยังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ไม่สามารถออกมาชุมนุมตามปกติที่เคยทำได้ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ส่วน การปรับย้ายนายตำรวจในนครบาล ที่มีการโยกย้ายไปบ้างแล้วนั้น ล่าสุด ยังไม่มีการปรับย้ายเพิ่มเติมอีก เพราะอำนาจการปรับย้ายนั้น เป็นเรื่องที่ สตช. จะสั่งการลงมา แต่ตนเองไม่มีอำนาจโยกย้าย ซึ่งขณะนี้ยังสามารถปกครองกันได้อยู่ จึงยังไม่มีการปรับย้ายในห้วงเวลานี้แน่
ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ทาง คสช. ได้สั่งการดูแลห้ามการชุมนุมต่อต้านโดยเด็ดขาด เนื่องจากประเทศยังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ซึ่งไม่สามารถกระทำได้ จึงขอให้ประชาชนที่จะมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ ห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นการฝ่าฝืน หากฝ่าฝืนก็จะต้องถูกจับกุมทันที
ส่วนผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนให้มีการชุมนุม ตำรวจทราบหมดแล้ว ส่วนใหญ่คือผู้ที่เสียผลประโยชน์ในธุรกิจมืด อาทิ บ่อนการพนัน หรืออื่นๆ ทางทหารก็ได้เรียกตัวเพื่อมาบอกกล่าวไปบ้างแล้ว ซึ่งผู้สนับสนุนก็ต้องรับโทษ 2 ใน 3 ของผู้ชุมนุมด้วย
** "ลุงยิ้ม ตาสว่าง"ชู 3 นิ้ว รายงานตัว
วานนี้ (3 มิ.ย.) ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ บรรยากาศการให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ตามคำสั่งของคสช. ฉบับที่ 44 จำนวน 28 คน ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก แต่เนื่องจาก นายสราวุฒิ ภูธรโยธิน หนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อ ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ที่ต้องมารายงานตัวเหลือ 27 คน
เวลา 09.40 น. นายพฤกษ์ พฤกษ์สุนันท์ หรือ ลุงยิ้ม ตาสว่าง แนวร่วมนปช. ได้เดินทางมารายงานตัวเป็นคนแรก ใส่เสื้อสีชมพูพร้อมหิ้วกระเป๋าเดินทางมาด้วย โดยก่อนเข้ารายงานตัว นายพฤกษ์ได้ชู 3 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหาร และโบกมือทักทายสื่อมวลชน กระทั่งเวลา 10.00 น. นายธนพร ศรียากูล หัวหน้าพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย และ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริญ อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวแล้วเช่นกัน
มีรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายประสานสื่อ ได้แจ้งให้ทราบว่า ทีมโฆษกจะย้ายสถานที่แถลงข่าว จากหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ไปใช้พื้นที่ของตึกสันติไมตรี หลังนอก ภายในทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 13.30 น. โดยหลังจากนี้ การแถลงข่าวจะใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรี หลังนอก เป็นประจำทุกวัน ส่วนในพื้นที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ จะอนุญาตเฉพาะสื่อมวลชนสายทหาร ให้เข้ามาใช้สถานที่ทำงานเท่านั้น
**ตั้ง"วิษณุ"หน.ทีมร่างธรรมนูญปค.ชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง คสช. ถึงสถานะพรรคการเมืองหลัง คสช. มีประกาศฉบับที่ 11 ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 ส่งผลให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองสิ้นสภาพการบังคับใช้ไปด้วย เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้มีประกาศรับรองการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมาย คสช. ระบุว่า เมื่อมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 ไปแล้ว ส่งผลให้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองสิ้นสภาพการบังคับใช้ไปด้วย ดังนั้นพรรคการเมืองที่มีอยู่ ก็ต้องสิ้นสภาพไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะ หัวหน้า คสช. ได้สั่งการให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายไปศึกษาข้อดี ข้อเสีย ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ ที่สิ้นสภาพไปแล้วว่า ควรจะมีการประกาศใช้ต่อไปหรือไม่ หากเห็นว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวส่งผลดี ก็อาจจะออกเป็นประกาศ หรือบรรจุลงในธรรมนูญปกครองชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่า พ.ร.บ.พรรคการเมือง ควรมีผลบังคับใช้ เพราะเห็นว่ามีประโยชน์มากกว่าผลเสีย และคิดว่าควรจะออกเป็นประกาศ เราก็จะให้มีผลย้อนหลังให้กฎหมายคงสภาพไปเหมือนก่อนประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550
แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ คสช.ได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษากฎหมาย คสช. ทำหน้าที่หัวหน้าทีมกฎหมาย ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว เป็นไปตามที่หัวหน้า คสช. วางกรอบในการร่างรัฐธรมนูญ ให้เป็นไปตามประเพณี ส่วนการประกาศใช้ เป็นไปตามห้วงเวลาที่ต้องให้สิ้นสุดสถานการณ์ในระยะที่ 1 ในการดูแลสถานการณ์ให้สงบก่อน
**เลิกเคอร์ฟิว พัทยา สมุย ภูเก็ต
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 52/2557 เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่ เพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากศการท่องเที่ยว และลดผลกระทบจากการห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ที่อยู่ในสภาวะสงบ และปราศจากการชุมนุมทางการเมือง อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ จึงให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ จังหวัดภูเก็ต สำหรับพื้นที่อื่นให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 42/2557 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง แก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.
***เรียก"ขรรค์ชัย บุนปาน"รายงานตัวเพิ่มเติม
วานนี้ (3 มิ.ย.)คสช. มีคำสั่งที่ 46/2557 เรียกบุคคลให้มารายงานตัวเพิ่มเติม ดังนี้เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศน์ ในวันที่ 4 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00-12.00น. ดังนี้1.นายขรรค์ชัย บุนปาน 2.นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ สั่ง ณ วันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหัวหน้าคณะคสช.