xs
xsm
sm
md
lg

ปล่อย"สนธิ"แล้ว คสช.ชูโรดแมป3ระยะ จับ11คนแก๊งม็อบต้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คสช.งัดไม้แข็งจัดการม็อบต้าน สั่งเก็บหลักฐานดำเนินคดี หลังทำรถทหารเสียหาย ทำร้ายจนท. จับแล้ว 11 ราย "ประยุทธ์" เผยโรดแมป 3 ระยะ ก่อนมีเลือกตั้ง ยันไม่มีนโยบายบล็อกระบบโซเชียลมีเดีย ฟันเฉพาะเว็บ-เพจปลุกปั่น ปล่อยตัว"สนธิ"แล้ว

เมื่อเวลา 12.30 น. วานนี้ (29 พ.ค.) ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ พ.อ.วินธัย สุวารี พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง และ พ.อ.วีระชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมกันแถลงข่าวประจำวัน โดยพ.อ.วินธัย กล่าวถึงเหตุการณ์ความวุ่นวาย ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร ส่งผลทำให้รถทหารเกิดความเสียหาย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเป็นการทำผิดกฎหมาย มีทั้งการทำลายทรัพย์สินทางราชการ การฝ่าฝืนประกาศของ คสช. และมีการทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานด้วย ซึ่งทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานไว้ และจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป

ทั้งนี้หากยังมีการชุมนุม เจ้าหน้าที่ก็จะใช้กฎหมายดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักปฏิบัติเบาไปหาหนัก 7 ขั้นตอน ตามหลักสากล เริ่มจากการเจรจาก่อน

"ฝากไปถึงประชาชน ที่อาจไม่เข้าใจว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงเวลาไม่ปกติ จึงจำเป็นจะต้องดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ส่วนงานอื่นๆได้ขับเคลื่อนต่อไปได้" พ.อ.วินธัย กล่าว และว่า ต้องขอความร่วมมือ สำหรับผู้ใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ให้มีความระมัดระวัง โดยเฉพาะการการแพร่ภาพต่างๆ ในอดีต ซึ่งเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่ทหาร อาจเป็นการสร้างความสับสน หรือไปกระทบความรู้สึกของคนใดคนหนึ่ง ตอนนี้อยู่ในช่วงสมานฉันท์ ไม่อยากให้ข่าวไปกระทบกับบุคคลอื่น

** เผยโรดแมปบริหารประเทศ 3 ระยะ

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้พูดคุยกับหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยกล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการ ที่ได้ตั้งใจที่จะเร่งรัดงานของตัวเองที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะงานที่สามารถคลี่คลายปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจนเป็นรูปธรรม รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ที่ร่วมกันดูแลความสงบเรียบร้อยในส่วนกลางและภูมิภาคด้วย

ทั้งนี้ หัวหน้า คสช. ยังได้เน้นย้ำถึงแนวทางการบริหารประเทศซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรก การใช้ระบบบริหารราชการปกติและกฎหมายพิเศษ เพื่อขับเคลื่อนงานต่างๆ ระยะที่ 2 การสร้างสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสม เพื่อเข้าสู่การมีธรรมนูญปกครอง สภาปฏิรูป และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ระยะที่ 3 เป็นกระบวนการนำไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ด้วยการเลือกตั้ง ดังนั้น จึงขอให้ทุกส่วนราชการตั้งใจดำเนินการในระยะแรกให้บรรลุไปโดยเร็ว เพื่อไปสู่ระยะที่ 2 และ 3 ต่อไป

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมได้ให้คณะทำงาน 6 ฝ่าย รายงานผลการปฏิบัติงานตามโครงสร้างการกำหนดขอบเขตด้วย โดยหัวหน้า คสช.ได้กำชับในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทำความเข้าใจ ในการทำงานของส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะการบริหารจัดการงบประมาณที่กำลังดำเนินการได้ให้ รวมถึงแนวทางในการใช้กลไกในการเข้ามาบริหารงบประมาณ นอกจากนี้กระบวนการร่างกฎหมาย และกระบวนยุติธรรม ได้ให้แนวทางคงหลักการ โดยคำนึงให้กระบวนการยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปด้วยความเข้มแข็ง เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นใจกระบวนการยุติธรรม

"หัวหน้าคสช. ต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพิจารณาจัดทำงบประมาณ โดยยึดหลักเกณฑ์ ทั่วถึง เท่าเทียม เร่งด่วน และความจำเป็น โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้จะต้องไม่เสีบกรอบวินัยการเงินการคลัง ไม่สร้างหนี้ผูกพันไปในอนาคต และให้รับฟังความเห็นของทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ คำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญด้วย" พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว

** ยันไม่บล็อกเฟซบุ๊ก- ไลน์

ส่วนกรณีที่เครือข่ายเฟซบุ๊ก ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลาประมาณ 30 นาที เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีกระแสข่าวว่า คสช. สั่งให้ระงับนั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ ชี้แจงว่า ขอให้ประชาชนและสังคมเกิดความมั่นใจในเรื่องการใช้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ตต่างๆ รวมทั้งกรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เฟซบุ๊กล่ม ทางคสช. ยืนยันว่า ไม่มีแนวความคิดหรือนโยบายที่จะตัดระบบโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ หรืออินสตาแกรม โดยจะดำเนินการเรื่องกล่าวเฉพาะเจาะจงไปที่เว็บไซต์ เว็บเพจ หรือ สื่อสังคมออนไลน์ ที่ปลุกปั่นยุยงทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือล่วงละเมิดสถาบันฯ เท่านั้น

ทั้งนี้ คสช.ได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดูแลไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก หากจะดำเนินการอะไร จะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบทันที

** แย้ม"บิ๊กตู่"เตรียมแถลงผลงาน

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ เปิดเผยอีกว่า หัวหน้า คสช. มีแนวคิดที่จะสื่อสาร และรายงานสถานการณ์และการทำงานของ คสช. ให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งอยู่ระหว่างการกำหนดรูปแบบ ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของหัวหน้า คสช. ในฐานะที่เข้ามาบริหารประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดการปัญหาทางการเมือง โดยเฉพาะกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า หัวหน้าคสช.ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ งานทุกอย่างให้นับตั้งแต่เข้ามาทำงาน คือวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งงหัวหน้า คสช. ไม่เคยพูดถึงเรื่องอดีต

"ท่านต้องการรันทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง จึงไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องอดีต และงานทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ท่านเคยพูดต่อวงประชุมต่างๆว่า เมื่อผมผูกเชือกรองเท้า ผมเดินทันที ไม่หันไปมองข้างหลัง" พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว

**ยันตามล่าผู้ไม่มารายงานตัว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีบุคคลที่ยังไม่ได้เข้ามารายงานตัวต่อ คสช. อาทิ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ว่า คสช. จะมีการดำเนินการ หรือมีการติดตามบุคคลเหล่านี้มารายงานตัวอย่างไร พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีท่าทีขัดขืนชัดเจน ก็ได้มีการการระงับธุรกรรมทางด้านการเงิน รวมไปถึงความพยายามในการติดตามตัว เนื่องจากผิดประกาศและคำสั่ง คสช.

สำหรับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการนั้น ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว โดยอยู่ในช่วงที่พนักงานอัยการทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลา จึงได้ขออนุมัติในการฝากขังไปก่อน ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ จะต้องเข้ากระบวนการของศาลทหาร ตามที่ คสช.ได้ประกาศไปแล้ว ส่วนผู้ที่มีกระแสข่าวว่า หลบหนีอยู่ในประเทศข้างเคียง ก็ได้มีกระบวนการประสานงานระหว่างประเทศแล้ว

ด้านพ.อ.วีรชน กล่าวเสริมว่า ส่วนกรณี นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ซึ่งอยู่ในทีมที่ปรึกษาของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศนั้น โดยนายวีรพัฒน์ ได้ติดต่อมายัง คสช.แล้ว โดยระบุว่าไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวได้ตามกำหนด เนื่องจากติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ซึ่งทางคสช.ได้แนะนำให้ทำหนังสือชี้แจงยื่นแจ้งมาอย่างเป็นทางการ

** "วีรพัฒน์"อ้างติดภารกิจบรรยายที่อังกฤษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่เรียกให้นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระในทีมที่ปรึกษานายพงศ์เทพ เทพกาญจนา มารายงานตัวเพิ่มเติมที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 29 พ.ค. เวลา 10.00 - 10.30 น.นั้น ปรากฏว่าวันเดียวกันนี้ นายวีรพัฒน์ ได้โพสต์คลิป ผ่านทางเฟซบุ๊ก ชี้แจงเหตุผลที่ไม่สามารถเข้ารายงานตัวได้ เนื่องจากติดภารกิจบรรยายทางวิชาการที่สหราชอาณาจักร และโพสต์ภาพกล้องวงจรปิดคนร้ายยิงเข้าบ้านข่มขู่

นายวีรพัฒน์ระบุว่า ก่อนรัฐประหาร ได้มีคนร้าย 2 คนซ้อนจักรยานยนต์ขับผ่านหน้าบ้าน และใช้อาวุธปืนหมายเอาชีวิตตนและคนในครอบครัว ซึ่งในขณะนั้นตนอยู่ภายในบ้าน ตนไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังข่มขู่หมายเอาชีวิตตน แต่เมื่อได้ปรึกษาครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือความมั่นคงปลอดภัยของชีวิต รวมถึงการยึดมั่นในหลักการและความถูกต้อง การข่มขู่หมายเอาชีวิคครั้งนี้ ไม่สามารถทำให้ตนหยุดให้ความเห็นในสิ่งที่ถูกต้องได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหาถูกข่มขู่ ตนจึงย้ายไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย เพราะไม่แน่ใจว่าอยู่ในประเทศไทยแล้วจะปลอดภัยหรือไม่ และเป็นช่วงจังหวะที่ต่างประเทศเชิญตนไปบรรยายเกี่ยวกับปัญหาในประเทศไทย และที่ตนอยู่ขณะนี้คือ สหราชอาณาจักร ในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงต่างๆ และจะไปอเมริกากับญี่ปุ่น จึงไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ เพื่อความปลอดภัยของตนและคนในครอบครัว ซึ่งตนและครอบครัวจะยังไม่เดินทางกลับประเทศไทย แต่พร้อมที่จะโทรศัพท์ไปพูดคุย เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่คสช.ขอความร่วมมือ และคิดว่าหากบ้านเมืองสงบเรียบร้อยตนและครอบครัวจึงจะกลับไป

** รวบผู้ชุมนุมต่อต้าน คสช. 11 ราย

เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี สารวัตรทหาร ได้คุมตัวแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของ คสช. ในจุดที่มีการนัดรวมตัวกัน อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฯลฯ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา รวม 11 ราย โดยฝากคุมตัวไว้ที่ ห้องขัง บก.ป. ก่อนพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ว่า ทางพนักงานสอบสวน บก.ป. ได้ดำเนินการตามที่ได้รับการประสานจากทหารแล้ว

ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีทั้ง 11 รายนั้น ประกอบด้วย นายวีระยุทธ คงคณาธาร จ.ส.อ.อภิชาติ พงษ์สวัสดิ์ นายสมศักดิ์ ภควัตรทิพย์โพยม นายอนุชิต หิญธีระพัฒน์ นายอธิคม จีระไพโรจน์กุล นายธนกฤต ธรรมทอง นายปรัชญา บูรณะศิริศักดิ์ นายพั่ม บัวองค์ , นายภิญโญภาพ บำรุงธรรม นายสมชาย อุดมฤกษ์ชัย และนายอเนก อินทร์ประเสริฐ ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้ทยอยสอบปากคำผู้ต้องหาก่อนพิจารณาปล่อยตัวแล้ว 7 ราย คงเหลือเพียง นายวีระยุทธ จ.ส.อ.อภิชาติ นายภิญโญภาพ และ นายเอนก ที่ยังคงถูกควบคุมตัวไว้ นอกจากนี้ได้มีการควบคุมตัวผู้กระทำความผิดเพิ่มอีก 1 ราย คือนายธีรวัฒน์ บุญจรัส เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ถึงขณะนี้ มีผู้ต้องหาถูกคุมตัวอยู่ที่ห้องขัง บก.ป. 5 ราย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจ.ส.อ.อภิชาติ นั้นได้ถูกพิจารณาดำเนินคดี ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง เพิ่มเติมอีกข้อหา เนื่องจากตรวจสอบพบว่า เคยกระทำการที่เข้าข่ายความผิดดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งในเบื้องต้นจ.ส.อ.อภิชาติ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้กระทำผิดแต่อย่างใดและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการยึดอำนาจรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหาบางรายซึ่งรู้จักกัน โดยบางรายอาจยังมีสถานภาพเป็นนักศึกษา หรือ อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยดังกล่าว รวมทั้งมีญาติพี่น้องของผู้ต้องหาหลายรายมาคอยให้กำลังใจ สำหรับขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน ก็จะสอบปากคำ และทยอยปล่อยตัวผู้ต้องหา เมื่อคุมตัวไว้จนครบกำหนด 7 วัน

**คสช.ปล่อย"สนธิ-นิวัฒน์ธำรง" แล้ว

เมื่อเวลา 10.20 น. วานนี้ (29พ.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ควบคุมตัว อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำกลุ่มต่างๆ จำนวน 33 คน จากค่ายทหาร มายังห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ หลังบางคนถูกควบคุมตัวครบกำหนด 7 วัน บางคน 3 วัน ในอำนาจการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น นายวรชัย เหมมะ นายประชา ประสพดี นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล นายโภคิน พลกุล น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ นายสันติ พร้อมพัฒน์ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เพื่อทำความเข้าใจกับการทำหน้าที่ของคสช. โดย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาค 1 ในฐานะดูแลงานกลุ่มกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ได้ขอไม่ให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อต้าน คสช.

จนกระทั่ง เวลา 15.30 น.ทางคสช.ได้ทยอยปล่อยบุคคลที่ถูกควบคุมตัวกลับบ้าน อาทิ นายสนธิ นายสุรพงษ์ นายสุรนันทน์ นายนิวัฒน์ธำรง ซึ่งทั้งหมดเดินทางกลับด้วยรถส่วนตัว ขณะที่นายแทนคุณ ที่เปิดประตูรถทักทายผู้สื่อข่าวหลังได้รับการปล่อยตัว รวมถึง น.ต.ศิธา ทิวารี และนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ได้รับการปล่อยตัวไปเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ทหารได้นำตัว นายสนธิ ออกจากค่ายทหาร จ.ราชบุรี เวลาประมาณ 11.00 น. และมาถึงสโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในเวลา 12.15 น. โดยรถของนายสนธิ ได้เคลื่อนออกจากสโมสร กองทัพบก ในเวลา 15.56 น. ทั้งนี้ คสช.ได้เรียกให้ นายสนธิ เข้ารายงานตัวเมื่อวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. รวมกักตัวไว้รวม 5 คืน 6 วัน

** "อดุลย์"เข้าทำงานทำเนียบรัฐบาล

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะกำกับดูแลส่วนกิจการพิเศษ เดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เวลา 08.10 น. โดยมีภารกิจแรกในการประชุม คณะกรรมการส่วนกิจการพิเศษ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ของสำนักนายกรัฐมนตรี ยกเว้นสำนักงบประมาณ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า ในฐานะกำกับดูแลงานกิจการพิเศษ ก็จะเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นประจำ ขณะที่รองหัวหน้า คสช.คนอื่นๆ อาจจะเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลบ้าง

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ เป็นงานด้านอำนวยการ เช่น งานในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานข้าราชการพลเรือน และหน่วยงานอื่นๆ

รองหัวหน้า คสช. ยังกล่าวถึงการถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่ง จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาดูแลงานด้านกิจการพิเศษว่า ทำตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่จะทำงานอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.อดุลย์ เลี่ยงที่ตอบคำถามว่า เป็นการขอย้ายตำแหน่งด้วยตนเองหรือไม่ เพียงบอกว่าเพื่อความเหมาะสม และการปรับเปลี่ยนงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ถือว่าเป็น คณะคสช.คนแรก ที่เข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล หลังทำเนียบฯ ถูกปิดมานานถึง 7 เดือน

ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยว่าได้มีการสั่งการในหน่วยงานที่กำกับดูแล ร่วมกันจัดทำร่างโรดแมป เพื่อเสนอไปยังหัวหน้าคสช. ส่วนในเรื่องของการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เป็นเรื่องที่ทาง คสช. กำลังดำเนินการอยู่ จากนั้นพล.ต.อ.อดุลย์ ได้เดินไปร่วมประชุมกับทาง คสช.

ด้านนายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ ได้มอบหมายแต่ละหน่วยงานไปจัดทำแผนงานบริหารตามสายงานตัวเอง เพื่อดูว่าตรงไหนมีข้อขัดข้อง ภายใน 15 วัน เพื่อนำเสนอต่อหัวหน้า คสช. พร้อมกันนี้ตนได้เสนอขอเปิดประชุมคณะกรรมการ ก.พ. เนื่องจากมีเรื่องเร่งด่วนหลายเรื่อง รวมถึงการหมดอายุของคณะกรรมการ ก.พ. ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะต้องทำหนังสือขออนุญาตหัวหน้า คสช. ในฐานะเป็นประธานก.พ.ก่อน

** "มล.ปนัดดา"ย้ำสลายแบ่งสี แบ่งกลุ่ม

มล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมฝ่ายกิจการพิเศษ ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว หัวฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธาน โดยกล่าวถึงกรณีที่หัวหน้า คสช. มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่า รู้สึกดีใจ ที่ได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้า คสช. ตนจะทำงานด้วยความมุ่งมั่น สนองคุณแผ่นดิน และตามแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เน้นการเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชน และหมู่ข้าราชการ ไม่มีการแบ่งฝ่าย แบ่งสี การทำงานไม่เป็นศัตรูกัน ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต้องมองอย่างเป็นมิตร ไม่เป็นข้าราชของรัฐบาลชุดไหน และต้องเสริมสร้างจริยธรรม ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกไปมากกว่านี้ และพร้อมนำโครงการใต้ร่มพระบารมี มาประกอบการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จากนี้ไป จังหวัดที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงตามภาคต่างๆ จะไม่มีการแบ่งแยก แบ่งรัฐ เหมือนบางต่างประเทศ แต่ต้องนำการเมือง การปกครอง ที่เสริมสร้างจริยธรรม ที่สำคัญเน้นการบริหารจัดการ

ส่วนการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในช่วงนี้ ก็เพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่ใช่การลงโทษว่า เอนเอียงไปทางฝ่ายการเมือง ซึ่งก็มีความกังวลต่อหลายคำถามที่ว่า คสช. จะมีอำนาจบริหารประเทศอีกนานแค่ไหน ซึ่งส่วนตัวไม่สามารถตอบได้ แต่มองว่าทุกอย่างต้องมีความพอดี

"การแต่งตั้งเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผมไม่เคยทราบมาก่อน เพิ่งทราบหลังจากมีการประกาศทางโทรทัศน์ของ คสช. โดยเหตุผลการโยกย้าย คือ ผู้บังคับบัญชากรุณาไว้วางใจ และอยากให้มาทำงานให้ส่วนนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้า คสช." ม.ล.ปนัดดา กล่าว

**"ลายจุด"โอดเดือดร้อนทุนการศึกษาลูก

ที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย (กกล.รส.จทบ.ชร.) พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บัญชาการกกล.รส.จทบ.ชร. แถลงว่า กรณีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด ซึ่งมีรายชื่อให้ไปรายงานตัวต่อคสช .แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ไปรายตัว ได้โพสต์ข้อความทางโซเซียลออนไลน์ว่า ครอบครัวมีความเดือดร้อน ดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก ซึ่งคชส.รับทราบแล้ว โดยเฉพาะทุนการศึกษาของบุตรสาว ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และหัวหน้าคชส. จึงสั่งให้ติดต่อกับครอบครัวของนายสมบัติ ซึ่งพักอยู่ที่มูลนิธิศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา บ้านห้วยขม ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อมอบทุนการศึกษาให้

**"ประยุทธ"บอกจัดให้ แต่เมียกลับลำปฏิเสธ

เมื่อเข้าไปติดต่อพบว่าภรรยาของนายสมบัติ คือ นางเกศสุดา บุญงามอนงค์ อาศัยอยู่ในพืนที่กว่า 10 ปี และมีลูกสาวชื่อ น.ส.ธาราทร บุญงามอนุงค์ อายุ 16 ปี ศึกษาอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนคริสเตียนนานาชาติ บ้านสันตาลเหลือง ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ช่วงแรกนางเกศสุดายอมรับการช่วยเหลือ และนัดว่าจะมารับทุนที่ กกล.รส.จทบ.ชร. แต่ขอให้นายทหารไปรับบุตรสาวที่โรงเรียนก่อน จากนั้นจึงไปพบกันที่จุดรับทุนการศึกษา ต่อมาปรากฎว่านางเกศสุดากลับปฏิเสธ โดยระบุว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี

พล.ต.พัฒนา กล่าวว่า ภรรยาของนายสมบัติแจ้งว่าขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว และขอแจ้งผ่านไปยังนายสมบัติว่า ให้รีบไปรายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตร่วมกับครอบครัวตามปกติสุขต่อไปโดยด่วนด้วย

*** ไฟไหม้สถานีวิทยุเรดการ์ดของ "โกตี๋"

วานนี้ (29 พ.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. มีรายงานว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในซอยปรียานนท์ หมู่ 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุเรดการ์ด เรดิโอ สถานีวิทยุของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ป.อาญามาตรา 112

โดย พ.ต.อ.สุนทร หิมารัตน์ ผู้กำกับการสืบสวน สภ.ปทุมธานี เปิดเผยหลังการตรวจสอบทราบว่า สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ เกิดจากระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหาร กำลังใช้เครื่องตัดเหล็กตัดอุปกรณ์สื่อสารภายในสถานีวิทยุ สะเก็ดไฟได้กระเด็นใส่กองหญ้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงทำให้เกิดการลุกไหม้ขึ้น ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารยังไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ายังพื้นที่เกิดเหตุ
กำลังโหลดความคิดเห็น