ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเตรียมเสนอกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 58 ที่ 2.6 ล้านล้านบาท ขาดดุล 2 แสนล้านบาท พร้อมนัดถกหน่วยงานราชการเร่งเบิกจ่ายงบปี 57 หวั่นไม่เป็นไปตามเป้าหลังไม่กล้าลงทุนในช่วงรัฐบาลรักษาการ
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ณ วันที่ 16 พฤษภาคม มียอดเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 1.33 ล้านล้านบาท จากยอดทั้งหมด 2.096 ล้านล้านบาท รายจ่ายงบลงทุน เบิกจ่ายไปแล้ว 181,940 ล้านบาท จากยอดทั้งหมด 428,386 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 9% จึงน่าเป็นห่วงมาก เพราะหลายโครงการแม้จะได้ผู้รับเหมาแล้ว แต่ยังไม่กล้าลงนามสัญญา เพราะไม่มั่นใจการตัดสินใจของคระรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ผ่านมาในการรักษาการ
แต่ขณะนี้มีความชัดเจนแล้ว การบริหารงานโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถตัดสินใจการลงทุนได้ ดังนั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ให้มีเงินลงทุนออกสู่ระบบเร็วขึ้น สำนักงบประมาณ จึงเตรียมเชิญส่วนราชการประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือแผนการลงทุนใน 20 โครงการหลัก ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อหารือร่วมกัน หากเป็นโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน คสช.ให้นโยบายมาแล้วว่าจะไปเสนอให้พิจารณาเดินหน้าการลงทุนได้ รวมถึงโครงการลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท มีอยู่จำนวนมากที่ยังไม่ได้ลงทุน ต้องมาพิจารณาดูว่าจะเดินหน้าลงทุนอย่างไร เพื่อเสนอให้ คสช.พิจารณา
ส่วนการจัดทำงบประมาณปี 2558 เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง เพราะ คสช.มีอำนาจเต็มในการพิจารณาแล้ว ดังนั้น 4 หน่วยงานหลักในการจัดทำงบประมาณจึงต้องหารือร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ในส่วนของกระทรวงการคลังเสนอกรอบงบประมาณรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท รายจ่าย 2.6 ล้านล้านบาท จึงเป็นการขาดดุลไม่เกิน 2 แสนล้านบาท หากได้ข้อสรุปทั้งหมดจะได้เสนอต่อ คสช.พิจารณาและเริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ดังนั้นเมื่อ คสช.ประกาศยุทธศาสตร์ในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจออกมาแล้วในสัปดาห์หน้า การเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ การออกธรรมนูญการปกครอง การตั้งรัฐบาล และสภาร่างรัฐธรรมนูญ สภาปฏิรูป เมื่อประกาศออกไปชัดเจน จะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่น มองเห็นว่าจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารหลังจากได้แก้ไขในหลายเรื่องแล้ว เมื่อเงินงบประมาณออกสู่ได้ตามปกติ คาดว่าเศรษฐกิจของปี 2558 จะขยายตัวได้สูงกว่าปี 2557 ที่มองกันว่าจะขยายตัวได้ที่ 2.5%
สำหรับการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง กำลังเร่งสรุปตัวเลขให้เสร็จในเร็วๆ นี้ แต่ยอมรับว่ายอดการขาดดุลจะสูงกว่าปีที่ผ่านๆ มา แต่คงไม่ถึง 5 แสนล้านบาท โดย คสช.ไม่สนใจเรื่องผลการขาดทุนของโครงการจำนำข้าว แต่ขณะนี้ต้องการเร่งหาเงินจำนำข้าวจ่ายให้ชาวนาที่ค้างใบประทวน ส่วนกรณีว่ามีปริมาณข้าวหายไปนั้น องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดูแลปริมาณข้าวอยู่แล้ว หากหายไปจริงต้องมีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะเป็นคดีอาญา สำหรับการดูแลเกษตรกรและผู้ประกอบการ นั้น ได้ให้หลายหน่วยงานแสนอแผนเข้ามาในเที่ยงวานนี้ จากนั้นจะเสนอต่อคณะ คสช.พิจารณา พร้อมกับกระทรวงด้านเศรษฐกิจหลายแห่ง หวังเร่งนำไปแก้ปัญหาในหลายด้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ.
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ณ วันที่ 16 พฤษภาคม มียอดเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 1.33 ล้านล้านบาท จากยอดทั้งหมด 2.096 ล้านล้านบาท รายจ่ายงบลงทุน เบิกจ่ายไปแล้ว 181,940 ล้านบาท จากยอดทั้งหมด 428,386 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 9% จึงน่าเป็นห่วงมาก เพราะหลายโครงการแม้จะได้ผู้รับเหมาแล้ว แต่ยังไม่กล้าลงนามสัญญา เพราะไม่มั่นใจการตัดสินใจของคระรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ผ่านมาในการรักษาการ
แต่ขณะนี้มีความชัดเจนแล้ว การบริหารงานโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถตัดสินใจการลงทุนได้ ดังนั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ให้มีเงินลงทุนออกสู่ระบบเร็วขึ้น สำนักงบประมาณ จึงเตรียมเชิญส่วนราชการประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือแผนการลงทุนใน 20 โครงการหลัก ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อหารือร่วมกัน หากเป็นโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน คสช.ให้นโยบายมาแล้วว่าจะไปเสนอให้พิจารณาเดินหน้าการลงทุนได้ รวมถึงโครงการลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท มีอยู่จำนวนมากที่ยังไม่ได้ลงทุน ต้องมาพิจารณาดูว่าจะเดินหน้าลงทุนอย่างไร เพื่อเสนอให้ คสช.พิจารณา
ส่วนการจัดทำงบประมาณปี 2558 เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง เพราะ คสช.มีอำนาจเต็มในการพิจารณาแล้ว ดังนั้น 4 หน่วยงานหลักในการจัดทำงบประมาณจึงต้องหารือร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ในส่วนของกระทรวงการคลังเสนอกรอบงบประมาณรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท รายจ่าย 2.6 ล้านล้านบาท จึงเป็นการขาดดุลไม่เกิน 2 แสนล้านบาท หากได้ข้อสรุปทั้งหมดจะได้เสนอต่อ คสช.พิจารณาและเริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ดังนั้นเมื่อ คสช.ประกาศยุทธศาสตร์ในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจออกมาแล้วในสัปดาห์หน้า การเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ การออกธรรมนูญการปกครอง การตั้งรัฐบาล และสภาร่างรัฐธรรมนูญ สภาปฏิรูป เมื่อประกาศออกไปชัดเจน จะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่น มองเห็นว่าจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารหลังจากได้แก้ไขในหลายเรื่องแล้ว เมื่อเงินงบประมาณออกสู่ได้ตามปกติ คาดว่าเศรษฐกิจของปี 2558 จะขยายตัวได้สูงกว่าปี 2557 ที่มองกันว่าจะขยายตัวได้ที่ 2.5%
สำหรับการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง กำลังเร่งสรุปตัวเลขให้เสร็จในเร็วๆ นี้ แต่ยอมรับว่ายอดการขาดดุลจะสูงกว่าปีที่ผ่านๆ มา แต่คงไม่ถึง 5 แสนล้านบาท โดย คสช.ไม่สนใจเรื่องผลการขาดทุนของโครงการจำนำข้าว แต่ขณะนี้ต้องการเร่งหาเงินจำนำข้าวจ่ายให้ชาวนาที่ค้างใบประทวน ส่วนกรณีว่ามีปริมาณข้าวหายไปนั้น องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดูแลปริมาณข้าวอยู่แล้ว หากหายไปจริงต้องมีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะเป็นคดีอาญา สำหรับการดูแลเกษตรกรและผู้ประกอบการ นั้น ได้ให้หลายหน่วยงานแสนอแผนเข้ามาในเที่ยงวานนี้ จากนั้นจะเสนอต่อคณะ คสช.พิจารณา พร้อมกับกระทรวงด้านเศรษฐกิจหลายแห่ง หวังเร่งนำไปแก้ปัญหาในหลายด้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ.