ASTVผู้จัดการรายวัน - เด้งรับนโยบาย คสช. กระทรวงการคลังเผยพร้อมเร่งเดินหน้ากู้จ่ายหนี้ชาวนาโครงการรับจำนำข้าว แต่ยังห่วงสถาบันจัดอันดับเครดิตจากญี่ปุ่นปรับมุมมองแนวโน้มความน่าเชื่อของระเทศไทยไปทางลบ ส่อปรับเครดิตลงในอนาคต ด้านเอสแอนด์พีประกาศคงอันดับก่อนมีเหตุยึดอำนาจ
นายสุวิชญ โรจนวานิช รองผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ 2 แห่งได้ประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตของประเทศไทย โดยทางเรตติ้งแอนด์ อินเวสเม้นท์ อินฟอร์เมชั่น อิงค์ หรือ “อาร์แอนด์ไอ” ของประเทศญี่ปุ่นได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยสกุลเงินต่างประเทศไว้ที่ “BBB+” และสกุลเงินบาทที่ “A-” แต่มีการปรับลดมุมมองแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไปในทางลบหลังจากที่สถานการณ์การเมืองของไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หลังจากที่เข้ามาเก็บข้อมูลก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือออกมาก่อนที่จะมีการประกาศยึดอำนาจ จึงเป็นการสะท้อนว่าในอนาคตสถาบันดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะปรับลดเครดิตของประเทศไทยลงได้หากเหตุการณ์ทางการเมืองไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นและภาวะเศรษฐกิจในอนาคตแย่ลง
นอกจากนี้เมืองวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาทางสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ยังยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาว และระยะสั้นสกุลเงินตราต่างประเทศที่ BBB+/A-2 และอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาว และระยะสั้นสกุลเงินบาทที่ A-/A-2 มายังกระทรวงการคลัง พร้อมทั้งมองว่าแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
“ทางเอสแอนด์พีส่งผลยืนยันอันดับเครดิตขอประเทศมาในช่วงเช้าแต่ช่วงเย็นมีการประกาศยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติพอดี ทำให้ไม่สามารถปรับผลการทบทวนได้ทัน หลังจากนี้ทางเอสแอนด์พีคงรอดูว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด หากมองว่าอาจมีเหตุการณ์ใดๆมาเป็นปัจจัยกระทบเครดิตของประเทศก็สามารถทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือได้ทันทีไม่ต้องรอ 3 เดือน 6 เดือน” นายสุวิชญ กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากมีรัฐบาลใหม่ซึ่งมีอำนาจเต็มทาง สบน.ก็พร้อมจะเร่งดำเนินการกู้เงินเพื่อหาเงินมาจ่ายให้ชาวนาโดยเร็วที่สุด เพราะน่าจะเป็นเรื่องแรกที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการหลังจากที่ติดหนี้ชาวนามานานแล้ว โดยหลังจากที่เหตุการณ์ชัดเจนกว่านี้อีกเล็กน้อย สบน.จะเชิญสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างชาติมากล่อมอีกครั้งหนึ่ง ว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วการกู้เงินไม่น่าจะมีปัญหาทางข้อกฎหมายแล้ว
จากนั้น สบน.ก็พร้อมจะกู้เงินจากตลาดเงินให้คาดว่ายังเหลือเม็ดเงินต้องใช้จ่ายหนี้คืนให้ชาวนาไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งคงต้องดูว่าจะนำเงินจากกองทุนช่วยเหลือชาวนาไปจ่ายให้ชาวนาถึง 2 หมื่นล้านบาทหรือไม่ โดยหากกู้เงินทั้งจำนวนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจากกองทุนทำให้สามารถปิดตัวกองทุนได้เร็วขึ้นด้วย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า งานแรกนอกจากการจ่ายหนี้คืนชาวนาแล้ว รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าขายข้าวเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้เดิมที่มีหลายแสนล้านบาทด้วยโดยถือเอาช่วงที่มีอำนาจเด็ดขาดนี้เร่งตัดสินใจดำเนินการใดๆ ลงไปก็น่าจะทำให้ปัญหานี้จบลงโดยเร็ว.
นายสุวิชญ โรจนวานิช รองผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ 2 แห่งได้ประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตของประเทศไทย โดยทางเรตติ้งแอนด์ อินเวสเม้นท์ อินฟอร์เมชั่น อิงค์ หรือ “อาร์แอนด์ไอ” ของประเทศญี่ปุ่นได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยสกุลเงินต่างประเทศไว้ที่ “BBB+” และสกุลเงินบาทที่ “A-” แต่มีการปรับลดมุมมองแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไปในทางลบหลังจากที่สถานการณ์การเมืองของไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หลังจากที่เข้ามาเก็บข้อมูลก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือออกมาก่อนที่จะมีการประกาศยึดอำนาจ จึงเป็นการสะท้อนว่าในอนาคตสถาบันดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะปรับลดเครดิตของประเทศไทยลงได้หากเหตุการณ์ทางการเมืองไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นและภาวะเศรษฐกิจในอนาคตแย่ลง
นอกจากนี้เมืองวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาทางสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ยังยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาว และระยะสั้นสกุลเงินตราต่างประเทศที่ BBB+/A-2 และอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาว และระยะสั้นสกุลเงินบาทที่ A-/A-2 มายังกระทรวงการคลัง พร้อมทั้งมองว่าแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ
“ทางเอสแอนด์พีส่งผลยืนยันอันดับเครดิตขอประเทศมาในช่วงเช้าแต่ช่วงเย็นมีการประกาศยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติพอดี ทำให้ไม่สามารถปรับผลการทบทวนได้ทัน หลังจากนี้ทางเอสแอนด์พีคงรอดูว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด หากมองว่าอาจมีเหตุการณ์ใดๆมาเป็นปัจจัยกระทบเครดิตของประเทศก็สามารถทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือได้ทันทีไม่ต้องรอ 3 เดือน 6 เดือน” นายสุวิชญ กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากมีรัฐบาลใหม่ซึ่งมีอำนาจเต็มทาง สบน.ก็พร้อมจะเร่งดำเนินการกู้เงินเพื่อหาเงินมาจ่ายให้ชาวนาโดยเร็วที่สุด เพราะน่าจะเป็นเรื่องแรกที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการหลังจากที่ติดหนี้ชาวนามานานแล้ว โดยหลังจากที่เหตุการณ์ชัดเจนกว่านี้อีกเล็กน้อย สบน.จะเชิญสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างชาติมากล่อมอีกครั้งหนึ่ง ว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วการกู้เงินไม่น่าจะมีปัญหาทางข้อกฎหมายแล้ว
จากนั้น สบน.ก็พร้อมจะกู้เงินจากตลาดเงินให้คาดว่ายังเหลือเม็ดเงินต้องใช้จ่ายหนี้คืนให้ชาวนาไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งคงต้องดูว่าจะนำเงินจากกองทุนช่วยเหลือชาวนาไปจ่ายให้ชาวนาถึง 2 หมื่นล้านบาทหรือไม่ โดยหากกู้เงินทั้งจำนวนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจากกองทุนทำให้สามารถปิดตัวกองทุนได้เร็วขึ้นด้วย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า งานแรกนอกจากการจ่ายหนี้คืนชาวนาแล้ว รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าขายข้าวเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้เดิมที่มีหลายแสนล้านบาทด้วยโดยถือเอาช่วงที่มีอำนาจเด็ดขาดนี้เร่งตัดสินใจดำเนินการใดๆ ลงไปก็น่าจะทำให้ปัญหานี้จบลงโดยเร็ว.
