ธปท.ยืนยันระบบธนาคารพาณิชย์ และการเบิกถอนเงินของประชาชนเป็นปกติ พร้อมเข้าดูแลเงินบาทหากเกิดภาวะตื่นตระหนก ยอมรับนักลงทุนบางส่วนไม่มั่นใจในสถานการณ์ จึงต้องปิดความเสี่ยงไว้ก่อน ซึ่งเป็นธรรมชาติของนักลงทุนที่เข้าใจได้
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศควบคุมอำนาจในการปกครอง ระบบธนาคารพาณิชย์ทำงานเป็นปกติ การเบิกถอนเงินของประชาชนก็เป็นปกติเช่นกัน
ขณะที่ตลาดเงินตราต่างประเทศไม่ได้แสดงความตื่นตระหนก ยกเว้นช่วงแรกที่ คสช.ประกาศควบคุมอำนาจในการปกครอง นักลงทุนบางส่วนไม่มั่นใจในสถานการณ์ จึงต้องปิดความเสี่ยงไว้ก่อน ซึ่งเป็นธรรมชาติของนักลงทุนที่เข้าใจได้ ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าค่อนข้างเร็วประมาณ 23 สตางค์ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ปรับตัวกลับมา และในช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ค.) ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบค่อนข้างมีเสถียรภาพ 32.48-32.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเทียบกับก่อน คสช.ประกาศควบคุมอำนาจในการปกครอง ถือว่าอ่อนค่าไม่มาก
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.04-0.05 แต่กลับปรับลงมารวดเร็ว โดยปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับก่อน คสช.ประกาศควบคุมอำนาจในการปกครอง สะท้อนว่านักลงทุนในตลาดพันธบัตรไม่ได้ตกใจนัก ส่วนตลาดหุ้นมีการขายปิดฐานะของนักลงทุนไปบางส่วนเพื่อรอติดตามสถานการณ์ โดยปิดช่วงเช้าตลาดหุ้นลดลง 20.75 จุด ทำให้โดยรวมช่วงนี้น่าจะมีเงินทุนไหลออกบ้าง เพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์บ้านเมือง แต่คิดว่าคงไหลออกไม่มาก โดยสังเกตจากการปรับตัวของราคาต่างๆ ที่ไม่ได้มาก
นางรุ่ง กล่าวว่า เสถียรภาพของตลาดการเงินในปัจจุบันน่าจะมาจาก 2-3 ปัจจัย คือ ตลาดซึมซับข่าวการเมืองมาเรื่อยๆ และตลาดมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ความอึมครึม ไม่ได้มองเป็นข่าวร้ายทั้งหมด รวมทั้งตลาดการเงินไทยมีการพัฒนา มีผู้ร่วมตลาดที่มีความหลากหลายเพียงพอ ทำให้มีมุมมองที่สร้างเสถียรภาพ ไม่ได้เทไปในทิศทางใดทิศทางเดียวกันหมด ส่งผลให้ตลาดการเงินไทยมีเสถียรภาพพอสมควร เคลื่อนไหวอย่างมีสติ ไม่ฮวบฮาบ
อย่างไรก็ตาม หากเกิดสถานการณ์ที่ค่าเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไปในลักษณะตื่นตระหนก หรือเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ธปท.มีหน้าที่ต้องพิจารณาเข้าดูแล เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดเงินอยู่แล้ว
