ASTVผู้จัดการรายวัน-กองปราบบุกค้นคลังอาวุธสงครามที่กระทุ่มแบน พบปืน ระเบิด เอ็ม79 พร้อมบัตร นปช. หญิงสาวรับเป็นเจ้าของ อ้างเฉยซื้อสะสม ส่วนที่ลพบุรี รวบอดีตทหารพรานมือรับจ้างประกอบระเบิดใช้ก่อเหตุพื้นที่ชุมนุมกรุงเทพฯ ด้าน"เลิศ ไม้เก่า" สิ้นลาย ถูกจับพร้อมสาวในรถคู่ชีพ กองทัพภาค 2 จับตาพื้นที่ภาคอีสาน แดงเชียงรายต้านกฎอัยการศึก นปช.อุบลฯ บุกค่ายทหารประท้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากบ่ายวันที่ 20 พ.ค. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) แจ้งต่อที่ประชุมหัวหน้าหน่วยงาน ส่วนราชการ องค์กรอิสระ และภาคเอกชน ถึงเหตุผลในการประกาศกฎอัยการศึกว่าเพื่อสร้างเสถียรภาพและความปลอดภัยของประเทศ และหากมีการต่อสู้หรือใช้อาวุธร้ายแรง จะตอบโต้อย่างเด็ดขาด โดยกอ.รส.ได้จัดชุดเฉพาะกิจจับกุมตัวผู้ใช้อาวุธสงคราม ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (21 พ.ค.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผกก.ผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พร้อมด้วยทหารกองทัพภาคที่ 1 และพ.ต.อ.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องแถวแบ่งเช่าชั้นเดียว เลขที่ 19/10 หมู่ 3 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน หลังจากได้รับแจ้งว่าเป็นแหล่งซ่องสุมอาวุธสงครามจำนวนมาก พบน.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ซอยสันติ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
โดยห้องที่ 3-4 น.ส.จันทนาเป็นผู้มาเช่าพักอาศัย ภายในห้องที่ 3 ตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมาก ได้แก่ ปืนเอเค 47 พับฐาน พร้อมกระสุน 777 นัด ปืนไรเฟิลพร้อมลำกล้อง กระสุน 38 นัด เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 พร้อมลูกระสุนขนาด 40 มม. 9 นัด ปืนเอ็มพี พร้อมกระสุน 48 นัด ปืนคาร์บิน พร้อมกระสุน 154 นัด ปืนพกสั้นพร้อมกระสุนขนาด .380 รวม 9 นัด ระเบิดขว้าง 3 ลูก ขนาดเอ็ม 26-27 และอาร์ดีจี 5 ระเบิดแสวงเครื่อง 8 ลูก ดินระเบิด 120 ขวด ตะปูเกลียว มีดสั้น กล้องถ่ายรูป 3 ตัว ไฟฉาย สายไฟ เกราะอ่อน และบัตรแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ด้วย
สอบสวนน.ส.จันทนารับว่าเป็นผู้เช่าห้อง มีลูกน้อง 1 คนไปทำงานข้างนอก ส่วนอาวุธสงครามทั้งหมดหาซื้อมาสะสมไว้ด้วยความชื่นชอบ โดยติดต่อขอซื้อจากผู้ค้าตามแนวชายแดนอ.แม่สอด จ.ตาก และที่จ.ราชบุรี แต่ไม่ได้ระบุว่าสะสมไว้ทำอะไร
เบื้องต้นจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธสงคราม และยุทธภัณฑ์ที่เจ้าพนักงานไม่สามารถอนุญาตไว้ให้ครอบครองได้ และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาที่บก.ป. และขยายผลติดตามจับกุมลูกน้องอีก 1 คนมาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นใคร
ทั้งนี้ ห้องแถวแห่งนี้ มีนายไพรวัลย์ คิ้วภูเขียว อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของ ให้การว่าซื้อต่อจากเจ้าของเดิม โดยน.ส.จันทนาขอเช่าห้องที่ 3 ประมาณ 3 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เห็นว่าห้องที่ 4 ว่าง จึงมาขอเช่าเพิ่มโดยไม่ทราบว่าใช้ทำอะไรบ้าง
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ได้รับการประสานจากทหารว่ามีการซ่องสุมอาวุธสงครามจำนวนมากในห้องเช่าแห่งนี้ โดยรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ทราบแล้ว และประสานมายัง บก.ป. เพื่อเข้าตรวจค้น ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงการ์ดและผู้ชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือไม่ รวมทั้งถูกนำไปใช้ก่อเหตุร้ายช่วงการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ด้วย โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
***รวบอดีตทหารพรานมือรับจ้างทำระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 พ.ค. กำลังเจ้าหน้าที่ กอ.รส. ประกอบด้วย ตำรวจ และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 13 ได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมนายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก หรือ "นวย” อดีตทหารพราน ที่ จ.ลพบุรี พร้อมของกลางอาวุธสงคราม เครื่องกระสุน ระเบิด และอุปกรณ์ประกอบระเบิดเป็นจำนวนมาก
โดยนายเชาว์วัฒน์รับสารภาพโดยอ้างว่าอาวุธปืน และวัตถุระเบิดที่พบมีคนรู้จักเป็นแนวร่วมชุมนุมทางการเมืองนำมาฝากไว้ และว่าจ้างให้ตนประกอบวัตถุระเบิดเพื่อจะนำไปใช้ก่อความไม่สงบในกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ส่งมอบระเบิดไปแล้ว 1 ชุด แต่ตนไม่ทราบว่านำไปก่อเหตุที่ใด
พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จว.ลพบุรี กล่าวว่า หลังจากมีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ทางตำรวจลพบุรี ได้สนธิกำลังทหาร กอ.รมน.ปฏิบัติการภายใต้อำนาจของกฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในพื้นที่ ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี และจับกุมตัวนายเชาวร์วัฒน์ ได้พร้อมของกลางเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ทำการจัดหากระทำอาวุธปืนและวัตถุระเบิดตามรายการ โดยได้รับว่าจ้างจากนางนันทนา (ขอสงวนนามสกุล) และนางชัชญา (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนำไปก่อเหตุความวุ่นวายในที่ชุมนุมที่กรุงเทพฯ
**ชุดปฏิบัติการทัพภาค3บุกจับ"เลิศ ไม้เก่า"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.พิษณุโลก ว่า นายบุญเลิศ เรืองทิม หรือ เลิศ ไม้เก่า แกนนำ นปช. พิษณุโลก กลุ่มนักรบพระองค์ดำ ถูกชุดปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ควบคุมตัวเมื่อเย็นวันที่ 20 พ.ค. ข้อหายั่วยุ ก่อให้เกิดความไม่สงบ ประกอบกับมีหมายจับคดีฆ่านักนักศึกษารามคำแหงด้วย โดยควบคุมตัวได้ขณะขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กฉ 9202 พิษณุโลก พร้อมหญิงสาว 1 คน บนถนนเขตรอยต่ออ.เมือง-อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และนำตัวไปควบคุมไว้ในเซฟเฮาส์ของค่ายทหารแห่งในอ.เมือง จ.พิษณุโลก
ทั้งนี้ "เลิศ ไม้เก่า" เคยถูกทหารม้า ม.พัน 9 พล ร.4 จับกุมมาครั้งหนึ่งแล้ว ขณะเกิดการรัฐประหารปี 2549 สมัยพล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 อาชีพดั้งเดิม คือ ถีบสามล้อในตัวเมืองพิษณุโลก จนขยับมาคุมวินจักรยานยนต์แถวศูนย์ขนส่งสไตล์นักเลงหัวไม้ จนนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาให้การดูแลชุบเลี้ยง และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย มอบหมายให้ระดมมวลชน
นายบุญเลิศเคยกรีดเลือดสาบานต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อต่อต้านการปฏิวัติ สมัยหนึ่งเคยผิดใจนักการเมืองคนหนึ่ง พร้อมประกาศผ่านสื่อมวลชนว่า "ถอดใจ เลิกแล้ว เพราะถูกกินหัวคิวก้อนใหญ่" แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาทำงานระดมมวลชนต่ออีก และขยับขึ้นไปอยู่กับแกนนำเสื้อแดงในกรุงเทพฯ
**กองทัพภาค2จับตาขอนแก่น-อุดรธานี
พล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ยังไม่พบสิ่งผิดปกติในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัด แต่มีบางจังหวัดที่พบการเคลื่อนไหวของมวลชน เช่น จ.ชัยภูมิ กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช. ) รวมตัวกันเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่เจ้าหน้าที่และนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ หรือแรมโบ้อีสาน ประธาน อพปช. โทรศัพท์มาทำความเข้าใจแล้ว พร้อมรับปากที่จะดูแลสมาชิกให้อยู่ในกรอบของกฎอัยการศึก
นอกจากนี้ ยังพบการเคลื่อนไหวของ นปช. ใน จ.ขอนแก่น เปิดเวทีปราศรัย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดไปทำความเข้าใจและให้สลายการชุมนุมแล้ว เช่นเดียวกับที่ จ.มุกดาหาร นปช. รวมตัวกันเปิดเวทีชุมนุม แต่หน่วยทหารไปทำความเข้าใจจึงสลายการชุมนุม ส่วนจังหวัดที่กองทัพภาคที่ 2 จับตามองเป็นพิเศษ คือ จ.ขอนแก่น และจ.อุดรธานี เนื่องจากที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวของมวลชนค่อนข้างมาก แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหว
**นายกอบจ.เชียงใหม่ชิ่งฟังมทบ.ที่33ชี้แจง
ที่สโมสรค่ายกาวิละ มทบ.ที่ 33 จ.เชียงใหม่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจ.เชียงใหม่ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงเหตุผลที่กองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ไม่ได้เข้าร่วม แต่ส่งตัวแทนเข้ารับฟังแทน โดยพล.ต.ศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 แจ้งว่าได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เห็นว่าสถานการณ์มีความปกติ เรียบร้อยดี และจะช่วยดูแลไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ เมื่อค่ำวันที่ 20 พ.ค. นายบุญเลิศได้เป็นประธานอัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ ที่วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง
**แดงเชียงรายเปลี่ยนสีเสื้อต้านอัยการศึก
ที่หน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ห้าแยกพ่อขุน อ.เมือง จ.เชียงราย นายจิรโชติ อุ่นนะ แกนนำกลุ่มนปช.เชียงราย 52 นัดคนเสื้อแดงสวมเสื้อหลากสี ใส่หน้ากากสัญลักษณ์ถูกปิดปากไม่ให้พูดเรื่องการเมือง แสดงพลังต่อต้านการใช้กฎอัยการศึก แต่ปรากฏว่านายจิรโชติกลับไม่ออกมานำหน้าเอง แต่ให้น.ส.พนิชา นามวงศ์ และนายทรงธรรม คิดอ่าน มวลชนเครือข่าย นำป้ายข้อความต่อต้านกฏอัยการศึก เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งส.ส.โดยเร็ว มาเดินชูในช่วงเวลาสั้นๆ
ขณะที่นายทรงธรรม กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับกฎอัยการศึก เพราะจะได้ยุติปัญหาได้ระยะหนึ่ง แต่ไม่เห็นด้วยที่จะประกาศใช้ยาวนานเกินไป เพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจ และต่างประเทศไม่กล้าเข้ามาลงทุน
ด้านน.ส.พนิชา กล่าวว่า พวกเราเป็นประชาชนทั่วไป ไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อยากจะแสดงเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่าพวกเราไม่ต้องการกฎอัยการศึก เพราะเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุด คือ การเลือกตั้ง
**แดงอีกกลุมทำเนียนหอบดอกไม้ให้ทหาร
คนเสื้อแดงกลุ่มลูกคนเมืองรักชาติเชียงราย นำโดยน.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ นำมวลชนไปที่หน้าประตูค่ายเม็งรายมหาราช เพื่อให้กำลังใจทหารในการประกาศกฎอัยการศึก ต่อมา พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ออกมาพบ น.ส.จิรนันท์จึงอ่านแถลงการณ์ขอสนับสนุนและสรรเสริญพล.องประยุทธ์ที่มีความตั้งใจระงับความรุนแรง และเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ขอให้คืนอำนาจแก่ประชาชนเพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้ง แต่ขอคัดค้านนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 การเมืองใหม่ระบบ 70:30 รวมถึงการนิรโทษกรรมให้กบฏทุกกรณี และมอบดอกไม้ให้พล.ต.พัฒนาก่อนจะสลายตัวกลับ
**นปช.อุบลฯเหิม!ประท้วงหน้ากอ.รส.จว.
ที่หน้าทางเข้ามทบ.ที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ที่ตั้งของกอ.รสจังหวัด กลุ่มนปช.นำโดยนายพิเชษฐ์ ทาบุดดา นำไต้ใช้จุดไฟมาจุดที่หน้าทางเข้ามทบ.ที่ 22 เพื่อประท้วงกฎอัยการศึก พร้อมนำรูปพระปิดทวารทั้ง 9 มาสื่อความหมายการปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดจมูกประชาชน แต่ไม่มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาพูดคุย จากนั้นไปวางพวงหรีดไว้อาลัยให้กับประชาธิปไตย ที่กลางสะพานเสรีประชาธิปไตย ต.ในเมือง อ.เมือง โดยยึดเอาชื่อสะพานแห่งแรกของจังหวัดเป็นสัญลักษณ์ หลังจากนั้นได้สลายตัวไปหารือว่าจะเคลื่อนไหวในรูปแบบใดต่อไป
**หอค้าตากเสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล
นายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจเสียหายมากพอแล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการ 3 เรื่องหลัก คือ 1.ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลโดยเร็วเพื่อปฏิรูปประเทศ 2.จัดการเลือกตั้ง 3.ตั้งรัฐบาลใหม่ที่ประชาชนยอมรับเพื่อบริหารประเทศ โดยควรใช้ช่วงเวลานี้ตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว จะได้มีคนแก้ปัญหาให้ระบบเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
**ท่องเที่ยวหาดใหญ่ซบเซาหนัก
นายสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขณะนี้ต่างชาติส่วนใหญ่สะท้อนกลับมาว่า ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย แม้จะพยายามอธิบายว่ามาตรการที่เข้มงวดจะเน้นแต่ที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อประกาศใช้ทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวจึงมองว่าการเดินทางอาจขาดอิสรภาพหรือไม่สะดวกได้ จึงเลือกที่จะไม่เข้ามาดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากบ่ายวันที่ 20 พ.ค. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) แจ้งต่อที่ประชุมหัวหน้าหน่วยงาน ส่วนราชการ องค์กรอิสระ และภาคเอกชน ถึงเหตุผลในการประกาศกฎอัยการศึกว่าเพื่อสร้างเสถียรภาพและความปลอดภัยของประเทศ และหากมีการต่อสู้หรือใช้อาวุธร้ายแรง จะตอบโต้อย่างเด็ดขาด โดยกอ.รส.ได้จัดชุดเฉพาะกิจจับกุมตัวผู้ใช้อาวุธสงคราม ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (21 พ.ค.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผกก.ผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พร้อมด้วยทหารกองทัพภาคที่ 1 และพ.ต.อ.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องแถวแบ่งเช่าชั้นเดียว เลขที่ 19/10 หมู่ 3 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน หลังจากได้รับแจ้งว่าเป็นแหล่งซ่องสุมอาวุธสงครามจำนวนมาก พบน.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ซอยสันติ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
โดยห้องที่ 3-4 น.ส.จันทนาเป็นผู้มาเช่าพักอาศัย ภายในห้องที่ 3 ตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมาก ได้แก่ ปืนเอเค 47 พับฐาน พร้อมกระสุน 777 นัด ปืนไรเฟิลพร้อมลำกล้อง กระสุน 38 นัด เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 พร้อมลูกระสุนขนาด 40 มม. 9 นัด ปืนเอ็มพี พร้อมกระสุน 48 นัด ปืนคาร์บิน พร้อมกระสุน 154 นัด ปืนพกสั้นพร้อมกระสุนขนาด .380 รวม 9 นัด ระเบิดขว้าง 3 ลูก ขนาดเอ็ม 26-27 และอาร์ดีจี 5 ระเบิดแสวงเครื่อง 8 ลูก ดินระเบิด 120 ขวด ตะปูเกลียว มีดสั้น กล้องถ่ายรูป 3 ตัว ไฟฉาย สายไฟ เกราะอ่อน และบัตรแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ด้วย
สอบสวนน.ส.จันทนารับว่าเป็นผู้เช่าห้อง มีลูกน้อง 1 คนไปทำงานข้างนอก ส่วนอาวุธสงครามทั้งหมดหาซื้อมาสะสมไว้ด้วยความชื่นชอบ โดยติดต่อขอซื้อจากผู้ค้าตามแนวชายแดนอ.แม่สอด จ.ตาก และที่จ.ราชบุรี แต่ไม่ได้ระบุว่าสะสมไว้ทำอะไร
เบื้องต้นจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธสงคราม และยุทธภัณฑ์ที่เจ้าพนักงานไม่สามารถอนุญาตไว้ให้ครอบครองได้ และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาที่บก.ป. และขยายผลติดตามจับกุมลูกน้องอีก 1 คนมาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นใคร
ทั้งนี้ ห้องแถวแห่งนี้ มีนายไพรวัลย์ คิ้วภูเขียว อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของ ให้การว่าซื้อต่อจากเจ้าของเดิม โดยน.ส.จันทนาขอเช่าห้องที่ 3 ประมาณ 3 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เห็นว่าห้องที่ 4 ว่าง จึงมาขอเช่าเพิ่มโดยไม่ทราบว่าใช้ทำอะไรบ้าง
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ได้รับการประสานจากทหารว่ามีการซ่องสุมอาวุธสงครามจำนวนมากในห้องเช่าแห่งนี้ โดยรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ทราบแล้ว และประสานมายัง บก.ป. เพื่อเข้าตรวจค้น ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงการ์ดและผู้ชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือไม่ รวมทั้งถูกนำไปใช้ก่อเหตุร้ายช่วงการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ด้วย โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
***รวบอดีตทหารพรานมือรับจ้างทำระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 พ.ค. กำลังเจ้าหน้าที่ กอ.รส. ประกอบด้วย ตำรวจ และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 13 ได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมนายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก หรือ "นวย” อดีตทหารพราน ที่ จ.ลพบุรี พร้อมของกลางอาวุธสงคราม เครื่องกระสุน ระเบิด และอุปกรณ์ประกอบระเบิดเป็นจำนวนมาก
โดยนายเชาว์วัฒน์รับสารภาพโดยอ้างว่าอาวุธปืน และวัตถุระเบิดที่พบมีคนรู้จักเป็นแนวร่วมชุมนุมทางการเมืองนำมาฝากไว้ และว่าจ้างให้ตนประกอบวัตถุระเบิดเพื่อจะนำไปใช้ก่อความไม่สงบในกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ส่งมอบระเบิดไปแล้ว 1 ชุด แต่ตนไม่ทราบว่านำไปก่อเหตุที่ใด
พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จว.ลพบุรี กล่าวว่า หลังจากมีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ทางตำรวจลพบุรี ได้สนธิกำลังทหาร กอ.รมน.ปฏิบัติการภายใต้อำนาจของกฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในพื้นที่ ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี และจับกุมตัวนายเชาวร์วัฒน์ ได้พร้อมของกลางเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ทำการจัดหากระทำอาวุธปืนและวัตถุระเบิดตามรายการ โดยได้รับว่าจ้างจากนางนันทนา (ขอสงวนนามสกุล) และนางชัชญา (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนำไปก่อเหตุความวุ่นวายในที่ชุมนุมที่กรุงเทพฯ
**ชุดปฏิบัติการทัพภาค3บุกจับ"เลิศ ไม้เก่า"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.พิษณุโลก ว่า นายบุญเลิศ เรืองทิม หรือ เลิศ ไม้เก่า แกนนำ นปช. พิษณุโลก กลุ่มนักรบพระองค์ดำ ถูกชุดปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ควบคุมตัวเมื่อเย็นวันที่ 20 พ.ค. ข้อหายั่วยุ ก่อให้เกิดความไม่สงบ ประกอบกับมีหมายจับคดีฆ่านักนักศึกษารามคำแหงด้วย โดยควบคุมตัวได้ขณะขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กฉ 9202 พิษณุโลก พร้อมหญิงสาว 1 คน บนถนนเขตรอยต่ออ.เมือง-อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และนำตัวไปควบคุมไว้ในเซฟเฮาส์ของค่ายทหารแห่งในอ.เมือง จ.พิษณุโลก
ทั้งนี้ "เลิศ ไม้เก่า" เคยถูกทหารม้า ม.พัน 9 พล ร.4 จับกุมมาครั้งหนึ่งแล้ว ขณะเกิดการรัฐประหารปี 2549 สมัยพล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 อาชีพดั้งเดิม คือ ถีบสามล้อในตัวเมืองพิษณุโลก จนขยับมาคุมวินจักรยานยนต์แถวศูนย์ขนส่งสไตล์นักเลงหัวไม้ จนนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาให้การดูแลชุบเลี้ยง และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย มอบหมายให้ระดมมวลชน
นายบุญเลิศเคยกรีดเลือดสาบานต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อต่อต้านการปฏิวัติ สมัยหนึ่งเคยผิดใจนักการเมืองคนหนึ่ง พร้อมประกาศผ่านสื่อมวลชนว่า "ถอดใจ เลิกแล้ว เพราะถูกกินหัวคิวก้อนใหญ่" แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาทำงานระดมมวลชนต่ออีก และขยับขึ้นไปอยู่กับแกนนำเสื้อแดงในกรุงเทพฯ
**กองทัพภาค2จับตาขอนแก่น-อุดรธานี
พล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ยังไม่พบสิ่งผิดปกติในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัด แต่มีบางจังหวัดที่พบการเคลื่อนไหวของมวลชน เช่น จ.ชัยภูมิ กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช. ) รวมตัวกันเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่เจ้าหน้าที่และนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ หรือแรมโบ้อีสาน ประธาน อพปช. โทรศัพท์มาทำความเข้าใจแล้ว พร้อมรับปากที่จะดูแลสมาชิกให้อยู่ในกรอบของกฎอัยการศึก
นอกจากนี้ ยังพบการเคลื่อนไหวของ นปช. ใน จ.ขอนแก่น เปิดเวทีปราศรัย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดไปทำความเข้าใจและให้สลายการชุมนุมแล้ว เช่นเดียวกับที่ จ.มุกดาหาร นปช. รวมตัวกันเปิดเวทีชุมนุม แต่หน่วยทหารไปทำความเข้าใจจึงสลายการชุมนุม ส่วนจังหวัดที่กองทัพภาคที่ 2 จับตามองเป็นพิเศษ คือ จ.ขอนแก่น และจ.อุดรธานี เนื่องจากที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวของมวลชนค่อนข้างมาก แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหว
**นายกอบจ.เชียงใหม่ชิ่งฟังมทบ.ที่33ชี้แจง
ที่สโมสรค่ายกาวิละ มทบ.ที่ 33 จ.เชียงใหม่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจ.เชียงใหม่ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงเหตุผลที่กองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ไม่ได้เข้าร่วม แต่ส่งตัวแทนเข้ารับฟังแทน โดยพล.ต.ศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 แจ้งว่าได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เห็นว่าสถานการณ์มีความปกติ เรียบร้อยดี และจะช่วยดูแลไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ เมื่อค่ำวันที่ 20 พ.ค. นายบุญเลิศได้เป็นประธานอัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ ที่วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง
**แดงเชียงรายเปลี่ยนสีเสื้อต้านอัยการศึก
ที่หน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ห้าแยกพ่อขุน อ.เมือง จ.เชียงราย นายจิรโชติ อุ่นนะ แกนนำกลุ่มนปช.เชียงราย 52 นัดคนเสื้อแดงสวมเสื้อหลากสี ใส่หน้ากากสัญลักษณ์ถูกปิดปากไม่ให้พูดเรื่องการเมือง แสดงพลังต่อต้านการใช้กฎอัยการศึก แต่ปรากฏว่านายจิรโชติกลับไม่ออกมานำหน้าเอง แต่ให้น.ส.พนิชา นามวงศ์ และนายทรงธรรม คิดอ่าน มวลชนเครือข่าย นำป้ายข้อความต่อต้านกฏอัยการศึก เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งส.ส.โดยเร็ว มาเดินชูในช่วงเวลาสั้นๆ
ขณะที่นายทรงธรรม กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับกฎอัยการศึก เพราะจะได้ยุติปัญหาได้ระยะหนึ่ง แต่ไม่เห็นด้วยที่จะประกาศใช้ยาวนานเกินไป เพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจ และต่างประเทศไม่กล้าเข้ามาลงทุน
ด้านน.ส.พนิชา กล่าวว่า พวกเราเป็นประชาชนทั่วไป ไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อยากจะแสดงเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่าพวกเราไม่ต้องการกฎอัยการศึก เพราะเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุด คือ การเลือกตั้ง
**แดงอีกกลุมทำเนียนหอบดอกไม้ให้ทหาร
คนเสื้อแดงกลุ่มลูกคนเมืองรักชาติเชียงราย นำโดยน.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ นำมวลชนไปที่หน้าประตูค่ายเม็งรายมหาราช เพื่อให้กำลังใจทหารในการประกาศกฎอัยการศึก ต่อมา พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ออกมาพบ น.ส.จิรนันท์จึงอ่านแถลงการณ์ขอสนับสนุนและสรรเสริญพล.องประยุทธ์ที่มีความตั้งใจระงับความรุนแรง และเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ขอให้คืนอำนาจแก่ประชาชนเพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้ง แต่ขอคัดค้านนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 การเมืองใหม่ระบบ 70:30 รวมถึงการนิรโทษกรรมให้กบฏทุกกรณี และมอบดอกไม้ให้พล.ต.พัฒนาก่อนจะสลายตัวกลับ
**นปช.อุบลฯเหิม!ประท้วงหน้ากอ.รส.จว.
ที่หน้าทางเข้ามทบ.ที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ที่ตั้งของกอ.รสจังหวัด กลุ่มนปช.นำโดยนายพิเชษฐ์ ทาบุดดา นำไต้ใช้จุดไฟมาจุดที่หน้าทางเข้ามทบ.ที่ 22 เพื่อประท้วงกฎอัยการศึก พร้อมนำรูปพระปิดทวารทั้ง 9 มาสื่อความหมายการปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดจมูกประชาชน แต่ไม่มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาพูดคุย จากนั้นไปวางพวงหรีดไว้อาลัยให้กับประชาธิปไตย ที่กลางสะพานเสรีประชาธิปไตย ต.ในเมือง อ.เมือง โดยยึดเอาชื่อสะพานแห่งแรกของจังหวัดเป็นสัญลักษณ์ หลังจากนั้นได้สลายตัวไปหารือว่าจะเคลื่อนไหวในรูปแบบใดต่อไป
**หอค้าตากเสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล
นายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจเสียหายมากพอแล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการ 3 เรื่องหลัก คือ 1.ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลโดยเร็วเพื่อปฏิรูปประเทศ 2.จัดการเลือกตั้ง 3.ตั้งรัฐบาลใหม่ที่ประชาชนยอมรับเพื่อบริหารประเทศ โดยควรใช้ช่วงเวลานี้ตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว จะได้มีคนแก้ปัญหาให้ระบบเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
**ท่องเที่ยวหาดใหญ่ซบเซาหนัก
นายสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขณะนี้ต่างชาติส่วนใหญ่สะท้อนกลับมาว่า ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย แม้จะพยายามอธิบายว่ามาตรการที่เข้มงวดจะเน้นแต่ที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อประกาศใช้ทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวจึงมองว่าการเดินทางอาจขาดอิสรภาพหรือไม่สะดวกได้ จึงเลือกที่จะไม่เข้ามาดีกว่า