xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.ฟัน”ชินวัตร “ใช้ข้อมูลขายเอ็มลิ้งค์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สำนักงาน ก.ล.ต.สั่งปรับ "มณฑาทิพย์ ชินวัตร-สมชัย โกวิทเจริญกุล" เป็นเงิน 9.67 ล้านบาท ฐานใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น "เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น " ถือเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ด้านตลาดหุ้นรีบาวนด์ 8 จุด รับเห็นแสงความหวังปลายทาง หลังกองทัพเชิญทุกฝ่ายที่ขัดแย้งเข้าเจรจาหาทางออกให้ประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติยังขายออกอีก 3 พันล้าน โบรกฯคาดหวังพบข้อยุติ ฟื้นความเชื่อมั่นต่างชาติ ดึงเงินไหลกลับ หนุนดัชนีบวกต่อ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยกรณีคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบนางมณฑาทิพย์ ชินวัตร และนายสมชัย โกวิทเจริญกุล เป็นเงินรวม 9,670,432.91 บาท กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MLINK
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2554 นางมณฑาทิพย์ขายหุ้น MLINK ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท เอ็ม แคปปิตอล โฮลดิ้งส์ จำกัด (บ. เอ็มแคปปิตอล) จำนวน 29 ล้านหุ้น ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอ กโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น MLINK และยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเกี่ยวกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 315.79 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2554 ของ MLINK เนื่องจากการตั้งรายการพิเศษเกี่ยวกับการรับรู้การด้อยค่าของงานระหว่างทำในบริษัทย่อยรายบริษัท พอร์ทัลเน็ท จำกัด โดยนางมณฑาทิพย์ล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวจากการเป็นประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการของ MLINK รวมทั้งเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 49.99 และกรรมการผู้มีอำนาจของ บ. เอ็มแคปปิตอล ในขณะนั้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายสมชัยได้ขายหุ้น MLINK ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองจำนวน 7,026,400 หุ้น โดยอาศัยข้อเท็จจริงข้างต้น ซึ่งนายสมชัยได้ล่วงรู้ จากการเป็นกรรมการของ MLINK ในขณะนั้น
โดยการกระทำของนางมณฑาทิพย์และนายสมชัย ซึ่งเป็นบุคคลวงในเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เนื่องจากบุคคลทั้งสองยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบปรับนางมณฑาทิพย์ เป็นเงิน 7,862,349.85 บาท และนายสมชัย เป็นเงิน 1,808,083.06 บาท
****หุ้นไทยรีบาวนด์ 8 จุด หลังกองทัพเชิญทุกฝ่ายที่ขัดแย้งเข้าเจรจา
ตลาดหลักทรัพย์ไทย วานนี้(21พ.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก รีบาวนด์ขึ้นจากวันก่อนที่ปรับตัวลดลง หลังกองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวการเชิญทักฝ่ายเข้าหารือหาทางออกประเทศไทยของกองทัพกับตัวแทนทุกกลุ่ม ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ในประเทศน่าจะมีหนทางที่คลี่คลายไปในทางที่ดีได้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างประเทศ ยังคงขายสุทธิออกมาอีก 3,061.69 ล้านบาท ทำให้ปิดตลาด ดัชนีหลักทรัพย์อยู่ที่ 1,402.92 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุดเพิ่มขึ้น 0.59%มูลค่าการซื้อขาย 34,120.44 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ฯเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังเป็นลักษณะของการแกว่งตัว แรงขายต่างชาติยังมีอยู่แต่ลดลง และถูกชดเชยจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ อย่างไรก็ดีตลาดยังต้องรอลุ้นบทสรุปการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ส่วนตลาดภูมิภาค-ตลาดยุโรปเคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบรอรายงานการประชุม FOMC
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยทั้งวันว่า ดัชนีสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมูลค่าการซื้อขายเริ่มรองรับ คาดว่าจะเป็นผลจากการหารือของตัวแทน ทุกฝ่ายกับรัฐบาลที่แม้ไม่มีข้อสรุป แต่ทำให้บรรยากาศทางการเมืองผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 3,061.69 ล้านบาท เห็นได้จากหุ้นในกลุ่มแบงก์ยังปรับตัวลง โดยแรงซื้อมาจากนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อสุทธิถึง 2,328.25 ล้านบาท ตามด้วยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 555.07 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22พ.ค.) นักลงทุนไทยเริ่มมีความหวังว่าการเมืองจะได้ข้อสรุปที่ดี และมีทางออกให้กับประเทศ ทั้งนี้ในการเจรจาระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบ กับตัวแทนรัฐบาล จะมีผลไปในทิศทางใด โดยประเด็นสำคัญยังเป็นเรื่องการจัดตั้งนายกคนกลางและการเลือกตั้ง
ขณะที่ต่างชาติได้ขายสุทธิเพราะมีกองทุนหลายกองทุนที่ติดกฎข้อบังคับห้ามเข้าลงทุนในตลาดหุ้นประเทศที่ประกาศกฎอัยการศึก ประกอบกับค่าเงินบาทผันผวน ทั้งนี้หากสามารถคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง และยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึก คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ดัชนีมีเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,400 -1410 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้หลักๆ ยังเป็นลักษณะของการแกว่งตัวในกรอบ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติแม้จะยังมีอยู่ แต่ก็ลดลงจาก และแรงขายดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมมากนัก เพราะถูกชดเชยจากแรงซื้อของของนักลงทุนในประเทศทั้งจากสถาบันและรายย่อยไปได้บ้าง
“ตลาดกำลังรอลุ้นบทสรุปของการแก้ไขปัญหาการเมืองว่าจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้อย่างไร ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปในช่วงบ่ายวันนี้ โดยปัจจัยนอกประเทศยังไม่มีประเด็นใดเป็นพิเศษ สำหรับวันนี้ก็รอดูรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 พ.ค.) คาดว่า ตลาดฯคงยังแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,420 จุด ตราบใดที่ยังไม่มีพัฒนาการทางการเมืองในเชิงบวก แต่ถ้าหากการเมืองมีความชัดเจนขึ้นและมีทางออกก็จะเป็นผลบวกต่อตลาดฯ”
กำลังโหลดความคิดเห็น